ส่วนที่ 6 ภาคลมประจิมรุนแรง ตอนที่ 117 ภาพของโลกดับสูญ

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

มู่ฮูหยินรู้ดีว่าเปี๋ยยั่งหงคิดอะไรและกล่าว “พวกเจ้าไม่มีใครมีโอกาสทำเช่นนั้นหรอก”

เปี๋ยยั่งหงไม่พูดอะไรอีก เขาสะบัดแขนขวา แขนเสื้อบินผ่านอากาศ

คลื่นพลังปราณมากมายราวกับพุ่งเข้าหามู่ฮูหยินราวสายฟ้า

ยากที่จะสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเขา ลูกศรเล็กๆ ทำจากหยกเขียวพุ่งออกไปในทางตรงกันข้าม บินไปทางแม่น้ำแดงอย่างเงียบเชียบ

หากลูกศรหยกสามารถทะลวงผ่านเมฆและหนีไปตามสายลม มันก็จะจบลงห่างไปแปดหมื่นลี้ บอกข่าวต่อยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ในจิงตูและแดนใต้

ส่วนหนึ่งของวิญญาณเขาติดอยู่กับลูกศรนี้ คำพูดไม่ใช่สิ่งจำเป็น เมื่อส่วนหนึ่งของวิญญาณเขาบรรจุข้อมูลเอาไว้แล้ว

แต่ตอนที่ศรหยกสัมผัสกับแสงที่ลอดผ่านเมฆมา ท้องฟ้าก็พลันหม่นมัวลงราวกับราตรีมาเยือนเร็วกว่าที่ควร

ชุดดำโบกมือ เปลี่ยนไปเป็นความมืดมิดที่กันศรหยกในขณะที่บดบังพื้นที่จากดวงตาสวรรค์

อู๋ฉยงปี้กรีดร้อง แส้หางม้าของนางเปลี่ยนเป็นความปั่นป่วนนับไม่ถ้วนในอากาศ ล้อมร่างของนางไว้ในปราณแห่งการดับสูญและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นทะเลบัวขนาดใหญ่

ลึกเข้าไปในทะเลบัว มีดอกไม้เบ่งบาน ส่ายไหวในสายลม ลอยอยู่บนผิวน้ำ มันลอยไปช้าๆ อย่างไรก็ตาม อันที่จริงแล้วมันกำลังเคลื่อนตัวไปในแนวขวาง

มู่ฮูหยินโบกแขนเสื้อด้วยสีหน้าเรียบเฉย สั่งสายลมบนท้องฟ้าสูง

ลมนี้มาจากทะเลตะวันตก ความชุ่มชื้นมีความเย็นแทรกซึม มันหั่นทะเลเมฆเป็นเศษเสี้ยวราวกับดาบคม

เมฆขาวนำไม่ถ้วนตกลงมาเหมือนกับฝูงแกะ ร่วงลงสู่ป่าดิบชื้น ปราณในบรรยากาศแข็งไปในทันทีราวกับว่ามันกลายเป็นของเหนียวหนืด

อู๋ฉยงปี้คำรามเมื่อนางรู้สึกว่าดอกบัวจากปราณแท้ของนางเชื่องช้าลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันจะไม่ถูกทำลาย ก็ไม่อาจจากไปได้

เปี๋ยยั่งหงยังคงสุขุม ไม่ได้รับผลกระทบเลยสักนิด

ศรหยกไม่ใช่การลงมือที่แท้จริงของเปี๋ยยั่งหง ยิ่งไม่ใช่อันที่แข็งแกร่งที่สุด

เขาใช้ศรหยกเพื่อล่อความสนใจของชุดดำและอู๋ฉยงปี้ก็ใช้ทะเลบัวเพื่อดึงความสนใจของมู่ฮูหยิน มอบเวลาให้เขาได้ลงมือ

มือของผู้บำเพ็ญเพียรมักใช้ถือกระบี่หรือกำวัชระ หรือแบออกเป็นฝ่ามือ ทว่าท่าที่เรียบง่ายที่สุดก็คือกำเป็นหมัด

หมัดของเปี๋ยยั่งหงพุ่งเข้าใส่ชุดดำที่ใต้ต้นไม้ราวกับสายฟ้า

หลังจากเขาได้ประสบกับหมัดของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ระหว่างการยึดอำนาจในสุสานเทียนซู กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเปี๋ยยั่งหงก็คือหมัด

เขากับชุดดำยังอยู่ห่างกันหลายร้อยจั้ง แต่เส้นทางมืดมัวพลันก่อตัวขึ้นระหว่างพวกเขา

ต้นไม้ไร้ชื่อบนหน้าผาสั่นสะท้านเมื่อหมัดที่ก่อตัวจากประกายดาวเดินทางผ่านเส้นทางนั้นมาด้วยความเร็วที่เหนือจินตนาการ ด้วยความแข็งแกร่งที่ดูเหมือนจะสามารถผ่าภูเขาตัดทะเล มันพุ่งเข้าใส่หน้าของชุดดำ ก่อนที่มันจะกระทบพลังของมันก็ทำให้เสื้อของชุดดำพลิ้วไหว

ชุดดำถูกรบกวนเล็กน้อยทำให้แสงตะวันส่องลงมาอีกครั้ง สามารถมองเห็นคางสีเขียวเหมือนคนป่วยและดวงตาที่เป็นประกายราวกับดวงดาวเย็นเยียบ

ชุดดำเห็นหมัดของเปี๋ยยั่งหง ดวงตาเขาก็เป็นประกายชื่นชมและระแวดระวัง

ไม่ว่าในฐานะกุนซือเผ่ามารหรือตัวตนอื่น เขาก็ได้พบกับยอดฝีมือตัวจริงมากมายและตัวเขาก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือเช่นกัน

หมัดของเปี๋ยยั่งหงยังสามารถที่จะข่มขวัญเขาได้ และเขารู้ว่าตัวเองต้องรับมือมันอย่างจริงจัง

ถาดเหล็กมืดหม่นจนดูเหมือนจะไร้แสงอย่างสิ้นเชิงปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

ตูม!

หมัดเปี๋ยยั่งหงกระแทกใส่ถาดเหล็ก

ถาดเหล็กเสียหายอย่างมากอยู่แล้วและตอนนี้ก็ถูกโจมตีอย่างเต็มกำลังจากยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์อีก มันร้าวและโค้งงอ

ร่างของชุดดำส่ายไหวจากนั้นก็ถอยไปสองก้าว

เสียงดังพึ่บ ต้นไม้ด้านหลังเขาแหลกลง เศษเสี้ยวของมันปลิวไปตามสายลม

หน้าผาห่างไปด้านหลังสามสิบกว่าลี้ ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำแดง เกิดรอยแยกลึกหลายสิบรอยในทันที

ก้อนหินกลิ้งไปตามหน้าผาที่แยกออกและตกลงในแม่น้ำ ก่อให้เกิดคลื่นใหญ่น่าตกใจ

กำลังที่แท้จริงของยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์สามารถแยกภูเขาตัดแม่น้ำได้จริงๆ!

กระนั้นเปี๋ยยั่งหงก็ระแวดระวังมากขึ้นไปอีก

มีการคาดเดามากมายเกี่ยวกับกุนซือเผ่ามารชุดดำที่ลึกลับ

ในฐานะยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ เขาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

ทุกคนรู้ว่าชุดดำเป็นยอดฝีมือที่สามารถจัดอยู่ในตำนานแต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน

ไม่ว่าจะในยุคของจักรพรรดิไท่จงกับหวังจื่อเช่อหรือในยุคนี้ มีแค่ซูหลีที่เคยประมือกับชุดดำ

นอกจากนี้ในตอนนั้นซูหลีก็เน้นไปที่การหลบหนีมากกว่าจึงไม่อาจที่จะประเมินความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของชุดดำได้อย่างถูกต้อง

ในวันนี้เองตอนที่เปี๋ยยั่งหงต่อยหมัดออกไปเขาจึงวัดได้บ้าง

เปี๋ยยั่งหงไม่ใช่คนที่เย่อหยิ่งแต่เขาก็รู้ดีว่าความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขานั้นสูงมากในหมู่ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ หมัดของเขาก็บรรจุกำลังไว้ถึงเก้าส่วน

ชุดดำกลับสามารถรับมันเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย

ถาดเหล็กนั่นน่าจะเป็นของวิเศษแต่ถึงอย่างนั้นความแข็งแกร่งของชุดดำก็ยังน่าเกรงขามอยู่ดี

แต่มันก็ไม่สำคัญ

เพราะหมัดนี้ไม่ใช่การลงมือที่แข็งแกร่งที่สุดของเปี๋ยยั่งหง ไม่ใช่การลงมือที่แท้จริงของเขา

เขาเข้าใจดีว่าสิ่งสำคัญในการต่อสู้วันนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขากับภรรยาเป็นฝ่ายชนะแต่เป็นเรื่องที่พวกเขาจะส่งข่าวถึงยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ได้หรือไม่

ศรหยก ทะเลบัวและหมัดนี้ล้วนเป็นตัวล่อ

ตอนที่เขาต่อยหมัด ด้ายบนนิ้วก้อยของเขาก็ขาดออกอย่างเงียบเชียบ

ดอกไม้แดงดอกน้อยได้ไปถึงท้องฟ้าแล้ว

ไม่ว่าชุดดำหรือมู่ฮูหยินก็ไม่อาจหยุดมันไม่ให้จากไปได้

ดอกไม้แดงพุ่งผ่านท้องฟ้า วาดเส้นสีแดงบางๆ บนท้องฟ้าคราม

เมฆขาวลอยอยู่บนท้องฟ้าอย่างสงบ

หากมีคนสังเกตเมฆนี้ตั้งแต่แรกก็จะตระหนักได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เปี๋ยยั่งหงกับอู๋ฉยงปี้ทะลวงผ่านเมฆมา ชุดดำเผยตัวหรือลมจากทะเลตะวันตกพัดกระพือ รูปร่างของเมฆขาวก็ไม่เคยเปลี่ยนหรือสั่นไหว

เมื่อเมฆนี้หนาแน่นเช่นนี้ ก็ควรจะมืดกว่านี้ แต่มันกลับยังรักษาความขาวบริสุทธิ์บนท้องฟ้าครามได้อย่างเหนือจริง

ดอกไม้แดงบินเข้าสู่ก้อนเมฆแล้วหายไป

มันไม่ได้บินออกมาจากเมฆขาวและหายไปในฟ้าครามห่างไกล มันแค่หายไปเลย

เปี๋ยยั่งหงไม่ได้สังเกตเห็นเมฆขาวนี้ตั้งแต่แรก ตอนนี้เองที่เขาพลันสัมผัสบางอย่างได้และเงยหน้าขึ้น

หน้าผาเงียบงัน

ไม่ว่าเขา อู๋ฉยงปี้ มู่ฮูหยินหรือชุดดำลงมืออีก

เมฆขาวเริ่มลอยและค่อยๆ แยกออก

ช่องว่างปรากฏขึ้นที่ใจกลางเมฆ มองจากพื้นมันดูเหมือนกับดวงตา

ดวงตานี้มองลงมาที่สิ่งมีชีวิตทั้งมวลในต้าลู่

ลำแสงพุ่งออกมาจากช่องว่างนั้น

มันเป็นลำแสงสีทอง บรรจุไว้ด้วยรังสีที่เหนือจินตนาการ เป็นแสงที่ศักดิ์สิทธิ์สุงส่งอย่างที่สุด

แต่แสงนี้ก็อันตรายอย่างที่สุด ดูเหมือนจะสามารถบดขยี้ทุกสิ่ง ทำลายได้ทุกอย่าง

เปี๋ยยั่งหงพอจะรู้คำตอบอยู่บ้าง เขาพึมพำด้วยความตกใจอย่างล้ำลึก “พวกเจ้าไม่กลัวว่าจะทำให้โลกนี้ดับสูญหรือ”