บทที่ 1514 ร่องรอยปีศาจปรากฏ

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

สามเดือนผันผ่าน

บรรยากาศในสามเดือนนี้ของมหาพันภพค่อยๆ หนักหน่วง จุดเริ่มต้นก็คือสงครามไร้ที่สิ้นสุดที่เกิดขึ้นระหว่างพรมแดนมหาพันภพและจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ

มากล้นจนกระทั่งแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูกลายเป็นเป้าโจมตีของจักรวรรดิปีศาจ กองทัพปีศาจนับไม่ถ้วนบุกรุมโจมตีสองขุมกำลังชั้นยอดนี้อย่างบ้าคลั่ง

แม้ว่าการโจมตีจะไม่สามารถสั่นคลอนขั้วอำนาจทั้งสอง เนื่องจากเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามเข้าสั่งการเอง แต่แรงจูงใจเบื้องหลังการกระทำนี้ก็กระจายไปทั่วโลก

เห็นได้ชัดว่าจักรวรรดิปีศาจต่างมิติเริ่มเคลื่อนไหวหลังจากผ่านไปหลายหมื่นปี

หลังจากทราบเรื่องนั้นทุกคนในมหาพันโลกก็ต้องหวาดหวั่นในใจ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่รู้สึกกลัว เพราะถึงยังไงชื่อเสียงเผ่าปีศาจก็น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก พวกมันก่อสงครามโลหิตในสมัยโบราณ ทำให้จอมยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วนล้มหายตายจากกับสงครามครั้งนั้น

ตอนนี้เผ่าปีศาจกำลังสำแดงตัวอีกครั้งและจะต้องกวาดแม่น้ำโลหิตทั่วมหาพันภพอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกสรรพสิ่งจะถูกทำลายล้าง

ทุกคนตระหนักถึงมหันตภัยในรอบหลายหมื่นปีด้วยความกลัว

 

กองบัญชาการใหญ่ตำหนักมู่ ทวีปเทียนหลัว

มู่เฉินมองไปที่จอมยุทธ์ของตำหนักมู่ โดยมีจิ่วโยวและมั่นถัวหลัวเป็นผู้นำ ตอนนี้ตำหนักมู่คือเจ้าทวีปเทียนหลัวแท้จริง ขั้วอำนาจทั้งหมดยอมสวามิภักดิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความสำเร็จของมู่เฉินในเผ่าหมัวเฮอแพร่กระจายออกไป ขั้วอำนาจอื่นที่ยังคงมีความคิดกบฏก็ยอมแพ้ทันที

เนื่องจากพวกเขารู้ว่ามู่เฉินเติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว ในแง่ของพลังชายหนุ่มได้ก้าวขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของมหาพันภพ เมื่อบวกเข้ากับภูมิหลังการปกครองทวีปเทียนหลัวก็ไม่ใช่ปัญหา

ดังนั้นผู้นำขั้วอำนาจต่างๆ จึงเร่งรุดมาประจำการที่ทวีปเทียนหลัว ช่างเป็นการรวมตัวที่หรูหรายิ่งนัก

“ข้าจะมุ่งหน้าไปยังเนินเขารกร้างทางเหนือ ขอให้ทุกคนปกป้องทวีปเทียนหลัวบ้านของเรา จงระวังตัวตลอดเวลาและเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม” มู่เฉินกวาดมองทุกคนพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

การเดินทางครั้งนี้ไม่ราบรื่นแน่ จักรวรรดิปีศาจต่างมิติจะต้องทำทุกอย่างเพื่อทำลายผนึก ดังนั้นจะต้องเกิดสงครามขึ้นอย่างแน่นอนและไม่มีใครรู้ผลลัพธ์ เขาต้องเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในฐานะผู้ปกครอง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงเตือนทุกคนให้เตรียมพร้อมสำหรับสงคราม เพราะพวกเขาจะได้ไม่เดินซ้ำรอยของวังสวรรค์บรรพกาล

“รับทราบ!”

ทุกคนตอบด้วยท่าทางเคร่งขรึม พวกเขาทราบเกี่ยวกับหายนะที่กำลังเกิดขึ้นในมหาพันภพ เมื่อเผชิญกับมหันตภัยนี้ก็ไม่มีใครคิดโอนอ่อนผ่อนตาม เนื่องจากความผิดพลาดเล็กน้อยอาจทำให้จักรวาลล่มสลายได้

เมื่อเผชิญกับมหันตภัยนี้ พวกเขาต้องละข้อขัดแย้งทั้งหมดลง ยามนี้ผู้นำขั้วอำนาจต่างๆ ในทวีปเทียนหลัวต่างชื่นชมยินดี เนื่องจากพวกเขามีจอมทัพที่ยิ่งใหญ่

มิฉะนั้นถ้าทวีปเทียนหลัวยังไม่รวมเป็นหนึ่งคงจะกลายเป็นทะเลเลือดหากเผ่าปีศาจบุกเข้ามา

ตอนนี้มู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ที่เทียบเท่ากับจักรพรรดิฟ้าที่ทรงอำนาจในอดีตแล้ว ภายใต้การนำของเขาทวีปเทียนหลัวจะสามารถต้านเผ่าปีศาจได้ ต่อให้พวกมันจะบุกเข้ามา

ดังนั้นเมื่อยืนอยู่เบื้องหน้ามู่เฉิน ทุกคนก็เกิดความเชื่อมั่นเต็มปรี่ ร่องรอยความเคารพพล่านในใจ

มู่เฉินหันไปรอบๆ มู่เฟิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็ยิ้มกับภาพนี้ ลูกชายของเขาเป็นเพียงเด็กน้อยอ่อนแอที่ไม่มีภูมิหลังใดๆ ตอนที่ออกจากมณฑลเป่ยหลิง แต่ขณะนี้เขามีขุมกำลังของตัวเองและต้องยอมรับว่ามู่เฉินแข็งแกร่งกว่าตนที่เป็นพ่อหลายขุม

แต่นี่ก็ทำให้เขามีความภาคภูมิใจ แม้เขาจะไม่ได้มีพลังแข็งแกร่ง แต่ลูกชายของเขาเป็นมังกรแท้จริงท่ามกลางมังกร

“ท่านพ่ออยู่ที่ตำหนักมู่ช่วงนี้ก่อนนะ” มู่เฉินยิ้ม เขาไปรับมู่เฟิงมาเมื่อเดือนก่อน ไม่ว่าอย่างไรสถานที่แห่งนี้ก็ปลอดภัยกว่าทวีปไป่หลิง

มู่เฟิงพยักหน้ารับรู้ เขาทราบดีว่าภรรยาและลูกชายจะไปที่เนินเขารกร้างทางเหนือ แม้เขาจะไม่มีความสามารถช่วยอะไร แต่อย่างน้อยไม่ให้พวกเขากังวลเป็นห่วงก็เป็นการช่วยอย่างหนึ่ง

“ไอ้หนูจงทำในสิ่งที่ต้องทำ แต่อย่าลืมดูแลแม่และลั่วหลีให้ดี ในฐานะลูกผู้ชายเจ้าต้องแบกรับความรับผิดชอบเหล่านี้” มู่เฟิงตบไหล่มู่เฉิน

มู่เฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม บิดาเขาอาจไม่แข็งแกร่งแต่เป็นคนมีความรับผิดชอบสูง ในอดีตชายคนนี้ก็โอบอุ้มปกป้องเขาด้วยสองมือ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมู่เฉินจึงมีนิสัยเช่นนี้เพราะได้รับอิทธิพลจากบิดามานั่นเอง

“ไปกันเถอะ”

มู่เฉินไม่รอช้ามองไปที่ชิงเหยี่ยนจิ้งและลั่วหลี

ทั้งสองพยักหน้า ความผันผวนของคลื่นหลิงเพิ่มขึ้นรอบตัว ร่างกลายเป็นร่างแสงสามสายทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า หายไปในขอบฟ้า

เมื่อมั่นถัวหลัวและจิ่วโยวเห็นทั้งสามไปแล้วก็สบตากันพร้อมกับความเคร่งเครียดในสายตาของกันและกัน พวกนางรู้ว่าการเดินทางไปยังเนินเขารกร้างทางเหนือในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของมหาพันภพ

 

เมื่อพวกมู่เฉินเริ่มเคลื่อนไหว

ความผันผวนของคลื่นหลิงจำนวนมากก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพุ่งไปที่ขอบฟ้า

เหล่ายอดยุทธ์กำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียว…เนินเขารกร้างทางเหนือ

 

มหาพันภพ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว

ที่นี่คือทวีปสีแดงเข้มที่มีอุณหภูมิร้อนแรง บางครั้งจะเกิดการปะทุของภูเขาไฟพร้อมกับลาวาพวยพุ่งออกมา

ที่ใจกลางทวีปมีเมืองขนาดใหญ่ในรูปทรงดอกบัวทำให้มีเสน่ห์ที่แปลกประหลาดตา

เวลานี้มีร่างเงายืนอยู่บนแท่นสูงพร้อมกับความดุเดือดเลือดพล่าน นี่ก็คือเทพจักรพรรดิอัคคี—เซียวเหยียน

เขากวาดสายมองไปที่นอกทวีป มิติบริเวณนั้นถึงกับบิดเบี้ยวพร้อมกับรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากหลั่งไหลออกมา ดูราวกับว่าสายตาเต็มไปด้วยไอสังหารและความโลภกะพริบอยู่ภายใน

“ไอ้พวกปีศาจเล็งเป้ามาที่แคว้นหวู่จิ้งฮั่วของเราจริงๆ” ชายชราหดตาลงที่ด้านหลังเซียวเหยียนพร้อมกับรูปลักษณ์ที่คุ้นเคย เขาก็คืออาจารย์ของเทพจักรพรรดิอัคคี—เย่าเฉิน

“เป็นเพราะสนธิสัญญาพันธมิตรมหาพันภพ เผ่าปีศาจเลยบุกมาที่นี่เพื่อให้เซียวเหยียนประจำการ” หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ด้านข้างมีรูปร่างเพรียวบางและส่วนโค้งน่าประทับใจที่ดูน่าหลงใหล แม้แต่น้ำเสียงก็ทรงเสน่ห์

นางคือหนึ่งในนายหญิงแห่งแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว—ไฉ่หลิง

“ในเมื่อพวกมันตัดสินใจแบบนี้ นั่นก็หมายความว่าพวกปีศาจจะลงมือที่เนินเขารกร้างทางเหนือแน่นอน” หญิงสะคราญโฉมอีกคนกล่าวขณะยืนอยู่ข้างไฉ่หลิง นางสวมชุดสีมรกตมีลักษณะที่โดดเด่น จริตจะก้านดูนิ่มนวล นางก็คือนายหญิงอีกคนของแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว—เซียวซุนเอ๋อ

เมื่อได้ยินคำพูดของฮูหยิน เซียวเหยียนก็พยักหน้าเบาๆ สายตามองไปที่รัศมีปีศาจที่พวยพุ่งขึ้นในมิติ “ออกคำสั่ง แคว้นหวู่จิ้งฮั่วส่งสัญญาณเตือนภัยสีแดง จอมยุทธ์เทียนจื้อจุนทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหว”

ที่เบื้องหลังร่างเงาหนึ่งหายไปพร้อมกับคำสั่ง

ครืนๆๆๆ

เมื่อเซียวเหยียนออกคำสั่ง มิติก็เริ่มปริแตกออกจากกัน ร่างปีศาจนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาเหมือนผีห่าซาตานระบายสีขอบฟ้าจนดำทะมึน

ในเวลาเดียวกันร่างปีศาจขนาดใหญ่สามร่างก็ก้าวย่างออกมาจากรอยแตกพร้อมกับแรงกดดันปีศาจกลืนกินพื้นที่แห่งนี้

เซียวเหยียนเงยหน้าขึ้นยกยิ้ม “อา…สามจอมปีศาจจากสามสิบสองเผ่าใหญ่ ไม่รู้ว่าเผ่าปีศาจกำลังให้ความสำคัญหรือดูถูกข้ากันแน่?”

 

แคว้นหวู

เทพจักรพรรดิสงครามหลินต้งมองไปที่สัตว์นรกที่หลั่งไหลออกมาจากรอยแตก มีร่างจอมปีศาจสามร่างเผยตัวออกมาเช่นกัน

ที่ข้างหลังเป็นหญิงสะคราญโฉมสองคน คนหนึ่งสวมชุดสีขาวรูปร่างงดงาม นางสวมผ้าคลุมหน้าแต่ก็ไม่สามารถปกปิดส่วนโค้งที่น่าประทับใจได้ ในมือถือกระบี่ยาวสีฟ้าอมเขียวไว้ ช่างคล้ายกับเทพธิดาแห่งดวงจันทร์

อีกคนหนึ่งมีผมยาวสีน้ำเงินเข้ม ผิวกระจ่างใส มีรัศมีเย็นยะเยือกที่ไร้ขอบเขตอบอวล ราวกับว่าความหนาวเย็นนี้สามารถตรึงทุกสิ่งได้

ความเย็นจัดที่ปกคลุมทำให้นางดูราวกับว่าเป็นเด็กสาว

โฉมสะคราญทั้งสองก็คือนายหญิงแคว้นหวูหลิงชิงจู๋และอิ้งฮวนฮวน

“ข้าได้นำจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเผ่าเทพน้ำแข็งมาทั้งหมดแล้ว” เสียงของอิ้งฮวนฮวนดังก้องพร้อมกับสาดความหนาวเย็น

“จอมยุทธ์เทียนจื้อจุนทั้งหมดภายใต้อาณัติแคว้นหวูพร้อมรับคำสั่งสู้ศึกแล้วเช่นกัน” เสียงนุ่มนวลของหลิงชิงจู๋ดังตามมา

หลินต้งพยักหน้ายื่นมือไปจับมือสตรีทั้งสองพร้อมกับรอยยิ้ม “ไม่คิดว่าเราจะได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเผ่าปีศาจด้วยกันอีกครั้ง”

“ไม่ต้องกังวล หากเกิดอะไรขึ้น ข้าจะใช้ชีวิตนี้ปกป้องเจ้าเอง” หลิงชิงจู๋ยิ้ม

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นใบหน้าของหลินต้งก็ดิ่งลงขณะขอร้อง “ได้โปรดอย่าทำอย่างนั้น ข้าไม่สามารถรับครั้งที่สองไหวแน่”

หลิงชิงจู๋ยิ้ม ส่วนริมฝีปากของอิ้งฮวนฮวนก็จือขึ้นก่อนจะเค้นเสียงเย็น “ไม่เต็มใจขนาดนี้เชียว ตอนนั้นข้าก็ไม่ได้ให้เจ้ามาช่วยสักหน่อย”

หลินต้งทำได้เพียงยักไหล่

หลังจากที่ทั้งสามคนแหย่กันพอหอมปากหอมคอ ท่าทางของหลินต้งก็กลับมาเป็นปกติ เขาเงยหน้าขึ้นมองร่างปีศาจทั้งสาม มือยื่นออกมาคทาสายฟ้าก็ปรากฏขึ้น ความคมชัดเพิ่มขึ้นในดวงตาขณะความผันผวนที่น่ากลัวค่อยๆ กวาดออกจากร่างเขา

“ไม่ต้องห่วง ครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายเมียรักต่อหน้าข้าได้…”