กรุงเบ็คลันด์ เขตเชอร์วู้ด บ้านเลขที่สองสอง ถนนปรารถนา โรงแรมแฮตทริก
โดเรียน·เกรย์·อับราฮัมเจ้าของไหล่กว้างและต้นแขนล่ำ เดินกระสับกระส่ายไปมาภายในห้องมาได้สักพัก มันกำลังรอให้ศิษย์ของตน ฟอร์ส แวะเข้ามาเยี่ยม
ไม่ว่าจะเตรียมใจไว้ดีแค่ไหน มันอดไม่ได้ที่จะประหม่าและตื่นกลัวในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับคำตอบ
ผ่านไปนานแค่ไหนก็มิอาจทราบ เสียเคาะประตูดังขึ้นเป็นชุด
โดเรียนตั้งใจฟังจังหวะสักพักก่อนจะถอนหายใจยาว มันเดินไปที่ประตู บิดด้ามจับและดึงเข้าหาตัว
ด้านนอกประตูมีสตรีเจ้าของผมสีน้ำตาลหยักศกเล็กน้อย แต่งกายในเดรสยาวสีเข้มและแว่นกันแดด
โดเรียนมองไปด้านหลังฟอร์สตามสัญชาตญาณ เมื่อยืนยันว่าไม่มีใครจ้องมาทางพวกตน มันหลีกทางให้ศิษย์ของตนผ่านเข้าไป
ขณะเดียวกัน มันชำเลืองไปทางฟอร์สและพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้พกสัมภาระมาด้วย
โดเรียนถอนสายตากลับและเดินไปยังกลางห้อง นั่งลงและชี้ไปยังโซฟาฝั่งตรงข้าม
“เชิญนั่ง”
ฟอร์สถกชายกระโปรงขึ้นอย่างเป็นกันเอง นั่งและทักทาย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะอาจารย์”
โดเรียนไม่รีบร้อนเข้าประเด็น ไตร่ตรองสักพักก่อนจะถาม
“พวกคุณฆ่าโบทิสได้แล้วจริงหรือ”
“ค่ะ” ฟอร์สหยิบกล่องบุหรี่โลหะทรงยาวที่ดูหรูหราออกจากกระเป๋าและเปิดฝาให้เห็นด้านใน
สิ่งที่ถูกบรรจุไว้คือดวงตาคู่หนึ่งซึ่งอัดแน่นไปด้วยความกลัวเหนือพรรณนา ราวกับได้เห็นสิ่งที่น่าสะพรึงจากก้นบึ้งก่อนตาย
โดเรียนเตรียมใจไว้แล้ว เตรียมใจที่จะเผชิญชะตากรรมการถูกศิษย์ทรยศและเกิดเหตุนองเลือดเหมือนในอดีต แต่กลับต้องผิดคาดเมื่อศิษย์ของตนผู้ไม่ถือสัมภาระ ทำการหยิบกล่องบุหรี่ออกมาเพียงใบเดียว
โดเรียนเข้าใจว่าสิ่งที่อยู่ภายในกล่องคงจะเป็น ‘ข้าวของ’ ของโบทิสซึ่งเป็นตัวแทนคนตาย แต่ความเป็นจริงกลับน่าตกตะลึงยิ่งกว่านั้น
นี่คือซากศพของโบทิส แถมยังเหลือชิ้นน้อยกว่าลูอิส·เวย์นเสียอีก!
เหลือแค่ดวงตาคู่เดียว… สัมผัสวิญญาณของโหราจารย์ยืนยันว่าสิ่งนี้คือดวงตาของโบทิส
เมื่อเห็นอาจารย์เงียบไป ฟอร์สอธิบายตามที่เตรียมมา
“ร่างกายของเขาเสื่อมสลายอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงดวงตาที่ยังเป็นชิ้นเป็นอัน”
หญิงสาวเว้นวรรค
“ดวงตาคู่นี้ยังมีความหวาดกลัวของโบทิสหลงเหลืออยู่ รวมถึงการปนเปื้อนจากกล่องวันวานด้วย เรียกได้ว่าเป็นวัตถุต้องสาปที่ทรงพลัง ฉันจึงไม่กล้าส่งไปหาคุณโดยตรง ไม่อย่างนั้นอาจเกิดเหตุร้ายขึ้นกับบุรุษไปรษณีย์จนเสียชีวิตโดยไม่รู้ตัว”
การกัดกร่อนจากกล่องวันวาน… โดเรียนพยักหน้ารับพลางถอนหายใจ
“ท้ายที่สุด… เจ้านั่นตายด้วยฝีมือกล่องวันวาน? โชคชะตาช่างเล่นตลก…”
สิ่งแรกที่โบทิสทำการขโมยหลังจากพาคนของชุมนุมแสงเหนือมาบุกถล่มคือกล่องวันวาน
ในชุมนุมย่อยที่มีขึ้นเพื่อแบ่งส่วนแบ่ง ฟอร์สได้ฟังรายละเอียดจากมาดามเฮอร์มิทและมิสจัสติสแล้ว ย่อมทราบถึงความอันตรายและยิ่งใหญ่ของการต่อสู้ที่ตนพลาดไป จึงไตร่ตรองสักพักก่อนจะพูด
“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ผิด… แต่ก่อนที่จะถูกกล่องวันวานกัดกร่อน โบทิสคลุ้มคลั่งเรียบร้อยแล้ว”
โดเรียนไม่ประหลาดใจ เพียงกล่าวกับศิษย์ของตน
“เก็บไว้เถอะ มันเป็นส่วนแบ่งที่คุณสมควรจะได้รับ”
หลังจากฟอร์สปิดกล่องบุหรี่โลหะและเก็บไว้ในกระเป๋า โดเรียนเอนตัวมาข้างหน้าพลางประสานมือใต้จมูก
“โบทิสเป็นผู้ฝึกหัดที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น ใครจะไปคิดว่ามันจะตายในสภาพนี้…”
กล่าวจบ โดเรียนถอนหายใจพลางนึกทบทวนบางสิ่ง
ฟอร์สไม่ค่อยทราบรายละเอียดมากนัก จึงไม่กล้าพูดส่งเดช ทำได้เพียงจมอยู่กับความเงียบจนกระทั่งอารมณ์อาจารย์ของเธอกลับเป็นปรกติ
ราวสิบวินาทีถัดมา โดเรียนเอนหลังและพูด
“คุณย่อยโอสถนักบันทึกด้วยวิธีใด”
นี่ไม่ใช่เพียงการแสดงความเป็นห่วงศิษย์ แต่ยังทำไปเพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับแบ่งปันกับคนในตระกูล
สีหน้าฟอร์สพลันซับซ้อน ประหนึ่งกำลังนึกทบทวนใจสิ่งที่ไม่อยากจำ
“ส่วนใหญ่เป็นเพราะมีคนคอยช่วยเหลือ… ในแง่หนึ่ง ฉันมีโอกาสได้บันทึกพลังในระดับสูงมากมาย และในอีกแง่หนึ่ง ฉันถูกพาไปยังสถานที่ต่างๆ ตลอดหลายเดือนเพื่อบันทึกวัฒนธรรมที่แตกต่างกันและฉากวิวทิวทัศน์อันงดงาม…”
โดเรียนเงียบงันสักพักก่อนจะพยักหน้า
“ฟังดูไม่ง่ายเลยนะ…”
จากนั้นก็ถามต่อ
“เกอร์มัน·สแปร์โรว์?”
“ค่ะ” ฟอร์สไม่ปฏิเสธ
โดเรียนปิดปากเงียบอีกครั้ง จากนั้นก็ถามในอีกไม่กี่วินาทีถัดมา
“เขาต้องการทำธุรกิจอะไรกับเรา? หรือระบุให้ชัด เขากำลังปรารถนาสิ่งใด?”
ฟอร์สรวบรวมสมาธิก่อนจะตอบกระอักกระอ่วน
“เขาต้องการสูตรโอสถของจอมเวทท่องมิติ และอยากใช้กล่องวันวานเพื่อแลกเปลี่ยนกับสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ หนึ่งในสองชิ้นที่ตระกูลของอาจารย์ครอบครอง”
เป็นข้อเสนอที่ใจกว้างมาก ฟอร์สคิดว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์จะขอแลกเปลี่ยนกับสูตรโอสถและสมบัติปิดผนึก คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยอมใส่กล่องวันวานเข้ามาในข้อแลกเปลี่ยนด้วย
แต่แน่นอนว่านั่นคือกรณีที่ตระกูลอับราฮัมเป็นอิสระจากคำสาป ลำพัง ‘คำมั่นสัญญา’ ยังไม่ใช่สิ่งที่รับประกันผลสำเร็จ
โดเรียนไม่แปลกใจกับเรื่องที่อีกฝ่ายขอแลกเปลี่ยนกับสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ มันเตรียมใจกับเรื่องนี้ไว้แล้ว แต่โดเรียนคาดไม่ถึงกับอีกหนึ่งเงื่อนไข เพราะอันที่จริง ตระกูลอับราฮัมในปัจจุบันแทบไม่มีสิ่งใดดึงดูดสายตาครึ่งเทพได้เลย
มันขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เขาต้องการสูตรโอสถจอมเวทท่องมิติไปทำอะไร?”
“ฉันเองก็ไม่ทราบ” ฟอร์สตอบเถรตรง
โดเรียนยืนขึ้นพลางเดินวนเวียน
ทันใดนั้น มันชะงักฝีเท้าและหันมาจ้องฟอร์ส
“ผมอยากพบเขาเป็นการส่วนตัวก่อนตัดสินใจ”
“ตกลงค่ะ” ฟอร์สรับปากโดยไม่ลังเล
โดเรียนถอนหายใจโล่งอก เตรียมส่งศิษย์กลับไปและกินยาที่เตรียมไว้
มันเลือกเวลานัดพบเป็นตอนนี้เพราะคำนวณแล้วว่าคำสาปสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หากมีเหตุไม่คาดฝัน ศัตรูจะหมดสิทธิ์สื่อวิญญาณของตนด้วยประการทั้งปวง
แต่เมื่อฟอร์สลุกขึ้น หญิงสาวมิได้เดินไปทางประตู แต่ยืนอยู่ในจุดเดิมพลางเหยียดแขนจับอากาศ
แขนของหญิงสาวทรุดลงทันที จากนั้นก็ดึงร่างที่แต่งกายด้วยเสื้อนอกสีดำและหมวกผ้าไหมออกมา
ร่างดังกล่าวมีผมสีดำตาสีน้ำตาล ใบหน้าชัดลึกเย็นชา ไม่ใช่ใครนอกจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์
ดวงตาเกอร์มัน·สแปร์โรว์กลอกไปมาเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนจากท่าทีแข็งทื่อเป็นมีชีวิตชีวา
“อาจารย์ เขามาแล้ว” ฟอร์สแนะนำหน้าขรึม “นี่คือเกอร์มัน·สแปร์โรว์”
พฤติกรรมดังกล่าวทำให้โดเรียน·เกรย์·อับราฮัมอ้าปากค้าง ตอบสนองไม่ถูกไปชั่วขณะ
แม้ว่ามันจะเป็นคนของตระกูลโบราณที่ถือครองความรู้มากมาย แต่ก็ยังมีหลายสิ่งที่มันจินตนาการไม่ได้ด้วยประสบการณ์ของผู้วิเศษลำดับเจ็ด
หลังจากย้ายจิตใต้สำนึกเสร็จ ไคลน์สอดมือเข้าไปในเสื้อและหยิบนาฬิกาพกสีทองออกมา
เป๊าะ! มันเปิดฝาตรวจสอบ จากนั้นก็กล่าวกับโดเรียนอย่างไร้อารมณ์
“คุณมีเวลาสามนาที”
…ตรงตามข่าวลือไม่มีผิด เย็นชา เย่อหยิ่ง และเสียสติ… โดเรียนไม่กล้าปล่อยเวลาให้สูญเปล่า รีบเข้าประเด็นทันที
“อยากฟังเหตุผลที่ผมต้องเชื่อคำมั่นสัญญาของคุณ”
ขณะปิดนาฬิกาพก ไคลน์สอดกลับเข้าไปในเสื้อและพูด
“อันที่จริง ผมทราบรายละเอียดของพิธีกรรมที่จะทำให้มิสเตอร์ประตูกลับมาได้”
ดวงตาโดเรียนส่องประกายทันที ขณะเตรียมถามต่อ มันได้ยินเกอร์มัน·สแปร์โรว์กล่าวเสียงเย็น
“แต่ผมไม่คิดจะทำแบบนั้น”
“ทำไมกัน…?” โดเรียนและฟอร์สต่างฉงน แต่คนหนึ่งกล้าถาม ส่วนอีกคนไม่
ไคลน์มองออกไปนอกหน้าต่าง
“คุณรู้จักการกัดกร่อนจากอวกาศไหม”
เมื่อเอ่ยถึงความรู้เกี่ยวกับอวกาศ ตระกูลอับราฮัมย่อมยืนหนึ่งหากไม่นับเทพแท้จริงและเทวทูต ไคลน์เชื่อว่าประเด็นดังกล่าวต้องถูกบันทึกไว้ในตำราของตระกูลไม่มากก็น้อย
โดเรียนรวบรวมความคิด
“ทราบ”
“ผมสงสัยว่ามิสเตอร์ประตูจะถูกอวกาศกัดกร่อนโดยสมบูรณ์แล้ว” ไคลน์อธิบายฉะฉาน “สำหรับคำมั่นสัญญาที่จะขจัดคำสาป… วิธีของผมสามารถลงมือได้ในทันที แต่คุณอาจไม่อยากทำก็ได้ และมันก็ไม่ได้ช่วยขจัดคำสาปโดยสมบูรณ์”
“วิธีอะไร?” โดเรียนถามพลางข่มอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
สีหน้าไคลน์แปรเปลี่ยนเป็นขึงขัง
“คุณและตระกูลต้องเปลี่ยนความศรัทธามายังเทพที่ผมนับถือ ด้วยวิธีดังกล่าว ในยามที่พระจันทร์เต็มดวงหรือจันทราโลหิตปรากฏ พวกคุณทุกคนจะได้รับพรที่ช่วยให้รอดพ้นจากคำสาป”
หลังจากย่อยโอสถปราชญ์โบราณเสร็จสมบูรณ์ ไคลน์ไม่ต้องเสียเวลาดึงคนเข้ามาในมิติหมอกเพื่อหลีกเลี่ยงเสียงเพรียกจากมิสเตอร์ประตูอีกต่อไป มันสามารถใช้ ‘อ้อมกอด’ เทวทูตกับทุกคนได้อย่างสะดวกสบาย สิ่งเดียวที่มันกังวลคือการที่ตระกูลอับราฮัมอาจมีสมาชิกมากเกินไปจนตนช่วยเหลือได้ไม่ทันเวลา หรือไม่ก็พลังวิญญาณหมดเสียก่อน
“…เทพของท่านเป็นใคร” โดเรียนเงียบไปสักพักก่อนจะถาม
ไคลน์ข่มความอายพร้อมกับกล่าวเสียงขรึม
“มหาเดอะฟูล”
“เดอะฟูล… คุณเป็นคนของตระกูลอันทีโกนัส?” โดเรียนพยายามเชื่อมต่อข้อมูล
ไคลน์ส่ายหน้า
โดเรียนเงียบไปอีกครั้ง แต่หลังจากพิจารณาว่าตนมีเวลาไม่ถึงสามนาที มันรีบถาม
“ถ้าเราเชื่อในตัวตนดังกล่าว พวกเราจะรอดพ้นจากปัญหาที่มาพร้อมคำสาปได้ใช่ไหม?”
ในฐานะสมาชิกของตระกูลเก่าแก่ มันทราบดีว่าการศรัทธาในตัวตนลึกลับเป็นเรื่องอันตรายมากเพียงใด จึงกังวลว่าพวกตนอาจหลบหลีกปัญหาจากมิสเตอร์ประตูได้ก็จริง แต่ก็ต้องเผชิญกับปัญหาใหม่แทน
ไคลน์ตอบเสียงเย็น
“นี่เป็นแค่วิธีชั่วคราว ผมจะหาวิธีที่ยั่งยืนให้พวกคุณในภายหลัง”
โดเรียนพยักหน้าก่อนจะกล่าว
“ผมจะพยายามศรัทธาในเทพของคุณ และจะมอบสูตรโอสถจอมเวทท่องมิติให้คุณ หากปัญหาถูกขจัดได้จริงแม้จะเป็นเพียงชั่วคราว พวกเราค่อยมาแลกเปลี่ยนสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์กัน”
มันคิดจะใช้ตัวเองเป็นหนูทดลองไปก่อน จึงยังไม่มีแผนจะบอกกับสมาชิกคนอื่นในระยะนี้ โดยจะรอให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์ค้นพบวิธีที่ยั่งยืนเสียก่อน หรือไม่ก็ค่อยบอกในตอนที่สถานการณ์เริ่มวิกฤติสุดขีด
“ตกลง” ไคลน์หยิบปากกาและกระดาษออกจากกระเป๋า จากนั้นก็เขียนพระนามเต็มอันทรงเกียรติของเดอะฟูล
สำหรับโดเรียน มันใช้บอลคริสตัลในการดึงความทรงจำเพื่อเขียนสูตรโอสถจอมเวทท่องมิติ
แลกเปลี่ยนเสร็จ ไคลน์ชำเลืองอ่านวัตถุดิบเสริมและพิธีกรรม
“วัตถุดิบเสริม: หนอนดวงดาวหนึ่งตัว หนอนกาลเวลาหนึ่งตัว และหนอนวิญญาณหนึ่งตัว”
“พิธีกรรมเลื่อนลำดับ สร้างตำนานไว้บนสถานที่เก้าแห่งนอกโลก”
………………………