ตอนที่ 1112: นักผจญภัยฟ้าคราม
เจี้ยนเฉินได้ยินเสียงพูดคุยอื้ออึงดังและชัดเจนเพราะเขานั่งอยู่ใกล้ ๆ เขามองไปที่กลุ่มคนที่เข้ามาในโรงเตี้ยม พวกเขามีกันทั้งหมด 10 คน และพวกเขาก็ไส่ชุดรัดกุมและดูเหมือนมีประสบการณ์มาก คนที่อยู่ด้านหน้าสุดเป็นชายตัวใหญ่ตาโตคิ้วหนาพร้อมทั้งมีเคราเฟิ้ม มีชายชราสองคนตามเขามาด้านหลัง พวกเขานั้นชราแต่ดวงตาของพวกเขาก็ส่องสว่างอย่างดุร้าย พวกเขาทั้งหมดเป็นเซียนผู้คุมกฎหรือจอมยุทธ 13 มดาวในอาณาจักรทะเล คนอีก 7 คนที่ตามหลังพวกเขาอยู่นั้นทั้งหมดเป็นจอมยุทธ 12 ดาว หรือเซียนสวรรค์วัฏจักรที่หก
“คนที่อยู่หน้าสุดเป็นหัวหน้าของนักผจญภัยฟ้าคราม พวกเขามีสมาชิกในกลุ่ม 9 คน แล้วชายชรา 2 คนที่ไม่รู้ว่าเป็นใครก็ปรากฏขึ้นมา ข่าวลือมันจริงหรือเปล่า ? นักผจญภัยฟ้าครามกำลังรับสมัครจอมยุทธ 13 ดาวและกำลังเตรียมตัวที่จะเข้าไปที่ส่วนลึกของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งจริง ๆ งั้นหรือ?” บางคนสงสัย
“นักผจญภัยฟ้าครามเป็นมนุษย์ทั้งหมดจริง ๆ มีเพียงชายชราคนหนึ่งเท่านั้นที่เป็นสัตว์อสูร” เจี้ยนเฉินพึมพำในใจ เขามองกลุ่มนี้ออกเพียงปราดเดียว
อีกกลุ่มเดินเข้ามาจากด้านนอก พวกเขาทั้งหมดใส่ชุดเกราะสีฟ้าและดูค่อนข้างน่าประทับใจ พวกเขาใส่ตราสีม่วงสดใสบนหน้าอกของเขา และมีคำที่เย็บอยู่บนนั้นด้วยภาษาของเผ่าพันธุ์ทะเลว่า หลันชาน
“นั่นคือคนของเผ่าลังชาน เผ่าลังชานเป็นหนึ่งในสามเผ่าใหญ่ในเมือง พวกเขามาที่นี่เพราะเรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลกอย่างนั้นหรือ ? “
“คนที่อยู่ด้านหน้าสุดเป็นคุณชายใหญ่ หลันโม่ ร่างกายของเขาถูกปรับปรุงด้วยสมบัติสวรรค์” ในตอนที่เขายังเด็ก พรสวรรค์ของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก เขามาถึงระดับ 13 ดาวในเวลาแค่ 300 ปี
กลุ่มนั้นเดินเข้าไปที่นักผจญภัยฟ้าครามทันที คุณชายใหญ่ หลันโม่ จ้องอย่างวางมาดไปที่หัวหน้าแล้วพูด “โชวชูหยุน พวกเราเผ่าหลันชานต้องการที่จะเข้าไปในส่วนลึกของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ เจ้าควรจะร่วมมือกับพวกเรา พวกเราจะเข้าไปในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน และเจ้าจะได้ส่วนแบ่งสี่ในสิบส่วนจากทุกอย่างที่พวกเราได้”
“คุณชายเผ่าหลันชันทำเกินไปแล้ว เขากำลังตั้งใจที่จะดึงนักผจญภัยฟ้าครามไปอยู่ฝ่ายพวกเขา เพื่อที่พวกเขาจะได้รู้ว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลกนั้นอยู่ไหน แต่พวกเขาก็ยังให้ส่วนแบ่งพวกนั้นแค่สี่ในสิบส่วน นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย”
“แย่จริง ใครกันที่ปล่อยให้เผ่าหลันชานทรงพลังขนาดนี้ ? พวกเขาควบคุมหนึ่งในสามของเมือง และหัวหน้าเผ่าของพวกเขายังเป็นจอมยุทธ 14 ดาวอีกด้วย มีไม่มากคนนักหรอกในเมืองที่อยากจะไปหาเรื่องพวกเขา”
“มีข่าวลือว่าเผ่าของพวกเขามีบรรพชนที่มีอายุมากกว่าสี่พันปีแล้ว เขาเป็นจอมยุทธ 15 ดาวและเขาท่องเที่ยวอยู่ข้างนอกมาหลายทศวรรษแล้ว ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่ามันจริงหรือไม่”
หลายคนซุบซิบกันเบา ๆ ในโรงเตี้ยม บางคนนั้นไม่พอใจที่กับสิ่งที่คุณชายใหญ่ของเผ่าหลันชันต้องการจะทำ ในขณะที่อีกหลายคนนั้นละอากับอำนาจของเผ่าหลันชาน
ความโกรธฉายแววอยู่ในดวงตาของหัวหน้า แต่เขาก็ซ่อนมันไปอย่างรวดเร็ว เขายืนขึ้นและป้องมือไปที่หลันโม่ เขาพูด “ช่างเป็นเกียรติกับนักผจญภัยฟ้าครามนักที่คุณชายใหญ่หลันโม่เหลือบมองที่พวกเรา อย่างไรก็ตาม พวกเราเคลื่อนไหวกันเองเสมอ ดังนั้น ข้าต้องขอขอบคุณในความมีน้ำใจและปฏิเสธข้อเสนอของท่าน”
“โชวชูหยุน ข้าไม่เคยเอ่ยปากเชิญกลุ่มนักผจญภัยมาก่อน เจ้าเป็นกลุ่มแรก แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะปฏิเสธน้ำใจของข้า เจ้าดูถูกข้างั้นหรือ ? ” น้ำเสียงของหลันโม่กลายเป็นเย็นชาขึ้นมา
โชวชูหยุนยังคงยิ้ม “คุณชายหลันโม่เข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่มีความตั้งใจที่จะดูถูกท่านเลย พวกเราแค่เคยเคลื่อนไหวกันเองเท่านั้น”
ยามรักษาการในชุดเกราะเดินมาจากด้านหลังของหลันโม่ เขาจ้องเขม็งไปที่โชวชูหยุน “มันเป็นเกียรติสำหรับเจ้าที่คุณชายหลันโม่มาเชิญเจ้า ดังนั้นอย่าเลือกผิดล่ะ เจ้าต้องเข้าร่วมกับพวกเรา หรือไม่งั้นเจ้าก็จะไม่ได้ออกไปจากโรงเตี้ยมในวันนี้”
บรรยากาศในโรงเตี้ยมเกิดความวิตกกังวลขึ้นมาทันทีเพราะสิ่งที่ยามรักษาการพูด คนที่นั่นหยุดสิ่งที่กำลังทำและหันไปทางหลันโม่และนักผจญภัยฟ้าคราม
คนของนักผจญภัยฟ้าครามทั้งหมดหน้าซีด มีเพียงชายชรา 2 คนเท่านั้นที่ยังสงบอยู่เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ใบหน้าของโชวชูหยุนหมองลง ในเมื่อสถานการณ์มาจนถึงจุดนี้แล้ว เขาก็คงต้องอ่อนน้อมก่อนถ้าเขาจะพยายามเอาออกมาจากจุดนี้ให้ได้ เขาพูดอย่างเย็นชา “คุณชายหลันโม่ กลุ่มของข้าอาจจะอ่อนแอกว่าเผ่าของเจ้ามาก แต่พวกเราก็ไม่ได้กลัวเจ้า ถ้าเจ้าต้องการที่จะใช้กำลังบังคับ พวกเราก็มาดูกันว่าใครจะไม่ได้ออกไปจากโรงเตี้ยมในวันนี้”
หลันโม่แค่นเสียงเย็นชาไปที่ชายชราทั้งสอง เขาพูด “โชวชูหยุน เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่า กลุ่มของเจ้าที่รับสมัครจอมยุทธ 13 ดาวมา 2 คนจะต่อต้านเผ่าของข้าได้ ? เจ้าประเมินตัวเองสูงไปแล้ว”
“อย่างน้อยเผ่าของเจ้าก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้จนกว่าบรรพชนของเจ้าจะกลับมา ดูเหมือนว่าบรรพชนของเจ้าจะหายไปหลายสิบปีแล้ว” โชวชูหยุนไม่ยอมแพ้ เขาไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย
ใบหน้าของหลันโม่มืดครึ้ม และจิตสังหารก็เป็นประกายอยู่ในดวงตาของเขา ในฐานะที่เป็นคุณชายใหญ่ของสามเผ่าใหญ่ในเมือง สถานะของเขานั้นสูงส่ง ไม่เคยมีใครกล้าทำตัวหยาบคายกับเขามาก่อน เขาไม่กังวลแม้ว่าพวกนั้นจะมีจอมยุทธ 13 ดาว
เขาจ้องมองอย่างเย็นชาไปที่โชวชูหยุนและชายชราทั้งสองคน ในตอนที่เขากำลังจะทันได้พูดอะไร เสียงหัวเราะเยาะเย้ยก็ดังมาจากด้านนอก “ข้าไม่คิดเลยว่าคุณชายหลันโม่ที่เป็นที่รู้จักกันดีจะรังแกกลุ่มนักผจญภัย เหลือเชื่อจริง ๆ แต่ว่า นักผจญภัยฟ้าครามไม่ใช่กลุ่มนักผจญภัยเล็ก ๆ พวกเขาไม่ใช่กลุ่มที่เจ้าจะไปรังแกได้”
ชายหนุ่มชุดขาวที่ดูเหมือนจะมีอายุยี่สิบปีเดินเข้ามาจากด้านนอก เขามองหลันโม่อย่างขบขัน ในขณะที่มีชายวังกลางคนสองสามคนตามเขามา แต่ละคนนั้นเปล่งรัศมีไปด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่กล้าหาญ
“ข้าก็คิดว่าเป็นใคร ? คุณชายใหญ่ของเผ่าคีรังค์ คีดีนั้นเอง” หลันโม่เหยียด เผ่าคีรังค์มีฐานะในระดับเดียวกันในเมืองศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็เป็นหนึ่งในสามเผ่าใหญ่เหมือนกัน
คีตี้ไม่สนใจหลันโม่ เขามาถึงที่ข้าง ๆ โชวชูหยุนและป้องมือ “หัวหน้าโชวชูหยุน เผ่าคีรังค์ของข้ากำลังเป็นพันธมิตรกับเผ่าซี่ พวกเรากำลังจะเข้าไปที่ส่วนลึกของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ พวกเราอยากจะชวนให้หัวหน้าโชวชูหยุนมาเข้าร่วมกับพวกเราอย่างจริงใจ”
“ข้าเพิ่งรู้มาว่าเผ่าคีรังค์นั้นมาด้วยความตั้งใจเดียวกับข้า ยังไงก็เถอะ ข้าจะนั่งอยู่ที่นี่แล้วดูว่าเจ้าจะดึงเอานักผจญภัยฟ้าครามไปเข้าพวกได้อย่างไร แต่ข้าก็ได้ยินมาว่าเผ่าใหญ่จากเมืองดอร์คก็จะไปที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เพื่อที่จะไปเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลกมาเช่นกัน” หลันโม่เหยียด หลังจากนั้น เขาก็มองไปรอบ ๆ โรงเตี้ยมและเห็นว่าโต๊ะทั้งหมดมีคนนั่งแล้ว
“คุณชาย ให้ข้าหาที่ให้ท่านเอง” ยามรักษาการด้านหลังนายน้อยลังโม่ก้าวไปข้างหน้า เขามองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาที่แหลมคม และในท้ายที่สุด สายตาของเขาก็หยุดไปที่เจี้ยนเฉินที่นั่งอยู่คนเดียว หลังจากนั้น เขาก็เดินไปที่โต๊ะและกระตุกเจี้ยนเฉิน “เจ้าหนู คุณชายกำลังจะใช้โต๊ะนี้ ออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าให้คุณชายเสียเวลา”
ทุกคนในโรงเตี้ยมนั่งเป็นกลุ่ม และพวกเขาก็กำยำและเปล่งรัศมีด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่ทรงพลังออกมา ไม่เพียงแต่เจี้ยนเฉินจะดูธรรมดามากเท่านั้น แต่เขายังดูค่อนข้างผอมบางในสายตาของยามรักษาการด้วย ดังนั้น เขาจึงดูเหมือนคนที่ง่ายที่จะจัดการ
“คุณชายหลันโม่ช่างหยิ่งผยองนักที่กล้าบังคับเอาที่นั่งไปจากข้า มันก็นานมาแล้วตั้งแต่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เจ้าต้องไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วแน่” เจี้ยนเฉินพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเลย เขาไม่สนใจกลุ่มของหลันโม่ เขาทำเหมือนว่าพวกนั้นไม่มีอะไร
คนทั้งหมดในโรงเตี้ยมตกใจกับสิ่งที่เจี้ยนเฉินพูด หลันโม่เป็นคุณชายใหญ่ของเผ่าหลันชาน หนึ่งในเผ่าใหญ่ของเมืองศักดิ์สิทธิ์ เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงและฐานะและเขายังเป็นจอมยุทธ 13 ดาวอีกด้วย แต่ยังมีคนมาบอกว่าเขาเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่อีก นี่มันน่าเหลือเชื่อสำหรับทุกคน
ในเวลาเดียวกันนั้น ทุกคนในโรงเตี้ยมก็มองไปที่เจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็พบว่าเขานั้นธรรมดามากไม่ว่าจะสังเกตเขายังไงก็ตาม เขาไม่ดูเหมือนเป็นจอมยุทธที่ทรงพลังเลย
“เขาเป็นใครกันถึงได้พูดกับคุณชายหลันโม่แบบนั้น ? เขาไม่น่าจะเป็นจอมยุทธขั้นสูงที่ไม่ทำตัวเด่นใช่หรือไม่ ? “
“คนผู้นั้นต้องตายแน่ที่มาดูถูกคุณชายหลันโม่ ข้ามั่นใจว่าเขาจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้แน่”
ความคิดแบบเดียวกันเกิดขึ้นในหัวของทุก ๆ คน
ใบหน้าของหลันโม่หมองหม่น ยามรักษาการคำรามออกมา “เจ้ากล้าดียังไงมาพูดกับคุณชายแบบนั้น ! ดูเหมือนเจ้าจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ซะแล้ว ! ” แสงสีฟ้ากระพริบอยู่ในมือของยามรักษาการและหอกสามง่ามก็ปรากฏขึ้นมาจากที่ใดก็ไม่รู้ เขาแทงไปที่เจี้ยนเฉินอย่างไม่ปราณี
เจี้ยนเฉินนั่งอยู่อย่างสงบโดยไม่เงยหน้าขึ้นเลย เขาโบกมือขวาอย่างนุ่มนวลและส้อมโลหะในมือของเขาพุ่งออกไป มันผ่านหว่างคิ้วของยามรักษาการด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
พรวด!
เลือดพุ่งออกมาจากแผลที่หน้าผากของยามรักษาการ ส้อมหายไปในหัวของเขา และเขาก็ล้มลงอย่างไม่มีเสียงเลย
คนในโรงเตี้ยมโกลาหลทันที ในตอนนั้นเอง คนหลายคนก็ร้องออกมาเสียงดัง มีหลายคนที่ไม่คิดว่าชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่ตรงนั้นเป็นจอมยุทธที่ไม่ทำตัวเด่นอะไร จอมยุทธที่กล้าพอที่ฆ่ายามรักษาการของหลันโม่
“ยามรักษาการนั่นตายได้ไง ? ข้าไม่เห็นว่าอะไรเกิดขึ้นเลย”
“เขาใช้อะไรฆ่ายามรักษาการอย่างนั้นหรือ ? “
หลายคนพึมพำด้านใน พวกเขาไม่เห็นในตอนที่เจี้ยนเฉินโจมตีออกไป และไม่มีใครเห็นว่าเจี้ยนเฉินใช้อะไรฆ่ายามรักษาการ
เห็นได้ชัดว่าหลันโม่นิ่งอึ้งไป เขาไม่คิดว่าจะมีบางคนในเมืองที่กล้าหาญพอที่จะฆ่ายามรักษาการของเขาต่อหน้าเขา นี่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย แต่ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาพูดออกมาอย่างเย็นชา “เจ้าหนู เจ้ากล้าดียังไงมาฆ่ายามรักษาการของข้า”