ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 879 กระบี่เดียวดับความวุ่นวาย!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ขณะเห็นผู้สืบทอดที่ตนโปรดปรานที่สุด ถูกศัตรูสังหารทิ้งต่อหน้า ผู้วิเศษเซิงก็เดือดดาลขึ้น

เขายกมือขึ้น ลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกมา

ลำแสงพุ่งสู่ท้องฟ้า กระจายออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วกลายเป็นละอองแสงมัวซัว ครอบคลุมฟ้าดินตรงหน้าไว้

เวลาของโลกใบนี้ในวนาทีนี้เริ่มย้อนทวน!

ศิลาเทพย้อนทวนเวลา!

ไหลทวนกลับไป ย้อนเปลี่ยนเวลา!

ทิวทัศน์ของฟ้าดินตรงหน้าบังเกิดการเปลี่ยนแปลง ร่องรอยโลหิตหายไป คังผิงกลับคืนสู่สภาพปกติ ยังไม่ได้ถูกเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าตาย

เยี่ยนจ้าวเกอมองภาพนี้พร้อมกับเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าแซ่เยี่ยนจะให้เขาตายยามสาม ผู้ใดจะยื้อถึงยามห้าได้ (มาจากคำพูดโบราณว่า ยมราชบอกให้มารับยามสาม ผู้ใดกล้ายื้อถึงยามห้า)”

ชายหนุ่มกระตุ้นตราประทับตะวันขวางผู้วิเศษเซิงที่เข้าใกล้ กระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าในมือบังเกิดประกายสีแดงที่ดุดันหลายสาย วาดผ่านท้องฟ้า!

ประกายสีแดงไปถึงที่ใด ล้วนฉีกกระชากมิติ ตัดขาดเวลา

ละอองแสงขมุกขมัวที่เกิดจากศิลาเทพย้อนทวนเวลาถูกชะล้างอย่างรวดเร็ว ฟ้าดินเหลือเพียงร่องรอยสีแดงหลายสาย คล้ายกับบาดแผล

ความน่าอัศจรรย์ของละอองแสงถูกลบทิ้ง

ความสามารถที่มันกำลังแสดง ถูกหยุดไว้กลางทาง

เวลาเลื่อนไหล กลับคืนสู่จุดเริ่มต้น

บนร่างของคังผิงมีละอองเลือดระเบิดออกมาอีกครั้ง ชีวิตดับสิ้นไป!

สุดท้ายเขาก็ยังถูกเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าทิ้งต่อหน้าผู้วิเศษเซิงอยู่ดี!

ขณะเห็นเยี่ยนจ้าวเกอใช้ประกายกระบี่ทำลายความสามารถของศิลาเทพย้อนทวนเวลา ยังคงสังหารคังผิงด้วยหนึ่งฝ่ามืออย่างเหี้ยมหาญ ผู้วิเศษเซิงที่ตอนแรกโกรธเกรี้ยวตกใจกลับเยือกเย็นลงหลายส่วน

“กระบี่ลวงเซียน กลับเป็นกระบี่ลวงเซียนซึ่งเป็นการสืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์” ผู้วิเศษเซิงกล่าวอย่างใจเย็น “เขตตะวันอาคเนย์เป็นที่ที่มีพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนอย่างแท้จริงๆ”

ว่าแล้ว เขาก็พลันนำตรากระบี่กาลเวลาของตัวเองออกมา โถมเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอ

เขาไม่สนใจตราประทับตะวันอีก เป้าหมายของตรากระบี่กาลเวลา ถึงกับเจาะจงที่กระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าในมือเยี่ยนจ้าวเกอ

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงของผู้วิเศษเซิงมีคุณสมบัติพิเศษ สามารถผนึกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของผู้อื่นได้

เขาอยากจะลองดูว่า ระหว่างกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าของเยี่ยนจ้าวเกอ ใครจะกดข่มใครกันแน่

เยี่ยนจ้าวเกอไร้ความเกรงกลัว ชูกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าขึ้น กระตุ้นกระบี่ลวงเซียน ประกายแสงสีแดงกระจัดกระจาย บดขยี้มิติ ตัดการไหลเลื่อนของกาลเวลา

ประกายกระบี่ลวงเซียนลบเลือนประกายกระบี่ของกระบี่กาลเวลา ปลายกระบองไม้ไผ่ปะทะกับรอยตราของตรากระบี่กาลเวลา

ตราอาคมลักษณะประหลาดพลันประทับบนกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้า

เห็นกระบองไม้ไผ่สั่นระริกเล็กน้อยกลางอากาศ

ประกายของวิเศษบนตรากระบี่กาลเวลาริบหรี่ลงไปหลายส่วนเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าไม่ปรากฏความลนลาน แสงสีม่วงหมุนเวียนบนกระบองไม้ไผ่ ตราอาคมและรอยตราที่ประทับบนปลายพลันจางลง หายไปในชั่วอึดใจเดียว

วินาทีถัดมา กระบองไม้ไผ่สั่นไหวทีหนึ่ง ฟาดใส่ตรากระบี่กาลเวลาอีกครั้ง!

เสียงเปรี้ยงดังขึ้น

ผู้วิเศษเซิงเกือบกำตรากระบี่กาลเวลาไม่ได้

เยี่ยนจ้าวเกอยกกระบองไม้ไผ่ขึ้นเอียงๆ จากนั้นก็ฟาดใส่ตรากระบี่กาลเวลาอีกครั้ง

‘เป็นสิ่งของใดกันแน่’ ผู้วิเศษเซิงปั้นสีหน้าเคร่งเครียดถึงขีดสุด ได้แต่เก็บตรากระบี่กาลเวลากลับไปอย่างจนปัญญา

สำหรับกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้า ก่อนหน้านี้ได้มีคนในราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องบอกกับเขาแล้ว

ทว่าของวิเศษที่สามารถกดข่มอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำ กลับไม่อาจทำอะไรอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง ยอดฝีมือระดับผู้วิเศษเซิงย่อมไม่จดจำใส่ใจ

แต่ใครจะคาดคิดว่า เยี่ยนจ้าวเกอครั้งนี้ลงมืออีกครั้ง กระบองไม้ไผ่ท่อนนี้แม้แต่กระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนกับตรากระบี่กาลเวลาก็ยังสู้ได้หรือนี่

ผู้วิเศษเซิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สงบจิตใจ ใช้ท่ากระบี่และพลังฝึกปรือทั้งหมดออกมา โจมตีใส่เยี่ยนจ้าวเกอ

เมื่อมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอยู่ เขาก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ทว่าต่อให้ไร้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง เขาก็เป็นยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลางอยู่แล้ว

นอกจากนี้ยังเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนระยะกลางที่โดดเด่น แทบจะสู้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าได้อยู่แล้ว

ผู้วิเศษเซิงในตอนนี้กระตุ้นประกายกระบี่ถึงขีดสุด

ระหว่างฟ้าดินปรากฏเงาร่างของเขามากมายนับไม่ถ้วน กระจายไปทั่วทั้งแปดทิศ ทิ่มแทงกระบี่ใส่เยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกัน!

เงาร่างเหล่านี้ไม่ใช่มายา แต่ล้วนเป็นของจริง!

นี่เป็นขีดจำกัดที่ผู้วิเศษเซิงได้กระตุ้นกระบี่กาลเคลื่อนคล้อยถึงขีดสุด จนมีความเร็วแทบจะเหนือกว่ามิติและเวลา ครอบครองเวลาทุกวินาทีและสถานที่ทุกบริเวณ

ระหว่างเสี้ยววินาที เงาร่างทุกเงาอยู่ในชั่ววินาทีของตัวเอง ล้วนเป็นของจริง

กาลเวลาชั่วพริบตาแสนสั้นอย่างแท้จริง แม้จะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน ก็ยากจะคว้าไว้

เมื่อผู้วิเศษเซิงจำนวนมากขนาดนี้ลงมือพร้อมกัน แม้ว่าจะแยกแยะลำดับก่อนหลังได้อย่างละเอียด แต่ยามสะท้อนในสายตาของศัตรู กลับเหมือนลงมือพร้อมกัน

ผู้วิเศษเซิงจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนเป็นตัวจริง ลงมือกลุ้มรุมคนผู้หนึ่งอย่างพร้อมเพรียง!

นี่เป็นกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้วิเศษเซิง หมายบดขยี้มิติ ทำลายฟ้าดินอย่างแท้จริง!

เยี่ยนจ้าวเกอพอเผชิญกับกระบี่นี้ เขาเพียงกระทำการเคลื่อนไหวอย่างเดียว

มือซ้ายกำเป็นมุทรากระบี่ มือขวาขวางกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าไว้ด้านหน้า ใช้กระบี่เดียวต้านทาน

ประกายสีแดงไร้สิ้นสุดกระจายกันพุ่งขึ้นและลดต่ำกลางอากาศ จากนั้นก็รวมตัวกันโดยมีเยี่ยนจ้าวเกอเป็นศูนย์กลาง

เยี่ยนจ้าวเกอสะบัดกระบี่ขวางลง ประกายกระบี่สีแดงทั่วร่างแผ่ขายออกไปสี่ทิศแปดทาง

ประกายสีแดงพอบรรลุถึงรอบนอก ก็สัมผัสกับเงาร่างของผู้วิเศษเซิงมากมาย

เงาร่างของผู้วิเศษเซิงเหล่านั้นพลันเปลี่ยนจากจริงเป็นมายา เหมือนกับเงาฟองความฝัน จากนั้นก็ถูกทำลายทีละครั้งใต้แสงอาทิตย์

เหลือแต่เพียงตัวจริงที่พุ่งโถมมาถึงด้านหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ

คมกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอปะทะกับปลายกระบี่ของผู้วิเศษเซิง

สถานที่ที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันพลันเกิดคลื่นคลั่งระลอกหนึ่งกระจายไปรอบๆ อีกครั้ง

ผู้วิเศษเซิงปั้นสีหน้าเคร่งเครียดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “พลังฝึกปรือของเจ้าน้อยกว่าข้าถึงขนาดนั้น แม้นว่ากระบี่ลวงเซียนกดข่มกระบี่กาลเคลื่อนคล้อยได้ ก็ไม่สมควรเป็นเช่นนี้”

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าหนักแน่น “สาเหตุง่ายดายยิ่ง พลังที่แท้จริงของพวกเรา ไม่ได้แตกต่างเท่าระดับของพวกเรา”

ญาณจริงแท้ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งได้จากการฝึกฝนคัมภีร์พลิกฟ้า กำเนิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการสนับสนุนของเคล็ดวิชาในคัมภีร์นภาหยินหยาง จากนั้นก็มอบให้เยี่ยนจ้าวเกอออกกระบวนท่า

ในส่วนลึกที่สุดของทั้งหมด หลักการที่เกิดจากการประสานสามพิสุทธิ์เป็นหนึ่ง กลายเป็นแกนหลักและแหล่งกำเนิด สะท้อนความน่าอัศจรรย์ออกมาอย่างต่อเนื่อง

พร้อมกับที่เยี่ยนจ้าวเกอหยุดยั้งกระบี่ที่แข็งแกร่งถึงขีดสุดของผู้วิเศษเซิง ตราประทับตะวันที่อยู่ด้านบนก็ร่วงลงใส่ผู้วิเศษเซิง!

ผู้วิเศษเซิงจนปัญญา ได้แต่พุ่งตัวถอยหลัง

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอได้เปรียบแล้วไม่ปราณี ใช้กระบี่ลวงเซียนออกทันที

เมื่อมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงตราประทับตะวันคอยช่วยเหลือ เยี่ยนจ้าวเกอก็บดขยี้ผู้วิเศษเซิงที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดจนสี่ทะเลปั่นป่วน

พอมาถึงขั้นนี้ ไม่ว่าผู้วิเศษเซิงจะคับข้องและแค้นใจขนาดไหน ก็ได้แต่ต้องอดกลั้นไว้ในจิตใจ

เขาคิดจะถ่วงเวลาเพื่อผลาญพลังของเยี่ยนจ้าวเกอ เพราะไม่เชื่อว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลางคนหนึ่ง จะมีพลังลมปราณมากกว่ายอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่ใช้ไร้ขอบเขต พลิกฟ้า หยินหยาง และไท่จี๋เป็นรากฐาน พูดถึงระดับความยิ่งใหญ่ของญาณจริงแท้แล้ว ไม่ด้อยไปกว่าเลย

พูดถึงด้านความเร็วในการฟื้นฟูญาณจริงแท้ เยี่ยนจ้าวเกอยังเหนือกว่าเขาเสียอีก!

สุดท้ายผู้วิเศษเซิงก็ค้นพบอย่างหมดหนทางว่า เขาที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ผลาญพลังเยี่ยนจ้าวเกอที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าไม่ได้!

เรื่องที่ฝืนสามัญสำนึก ดูเหมือนเหลวไหลน่าขันนี้ กลับเป็นเรื่องจริงที่จำเป็นต้องเชื่อ

เหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้คน และต้องถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ของทะเลหวงเจียจนถึงทั้งเขตตะวันอาคเนย์ หรือแม้กระทั่งโลกซ้อนโลกได้บังเกิดขึ้นแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอถือกระบี่อยู่ในมือ ไล่ตามผู้วิเศษเซิงที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ทั้งยังมีพลังเทียบเท่าระดับเก้า ตั้งแต่ทะเลทางใต้ของทะเลหวงเจีย เข่นฆ่าไปถึงทะเลตะวันตก ไม่มีผู้ใดต้านได้!

คมกระบี่ปรากฏไปยังที่ใด ทุกสิ่งล้วนแตกพ่าย

คนทั้งสองเดี๋ยวไล่ล่าเดี๋ยวหยุด ไม่ทันไรก็เข้าใกล้ดินแดนจิตคุณธรรม

………………..