หลินสวินก้าวย่างกลางอากาศมาถึงบนชายฝั่งทะเล

“หลินสวิน ขอโทษ ข้า…” กู้อวิ๋นถิงถูกปล่อยตัว ตอนนี้บนใบหน้าเต็มไปด้วยความอับอาย ไม่มีหน้าเผชิญหน้ากับหลินสวินอยู่บ้าง

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้า ก็ให้จบที่ข้า”

หลินสวินตบไหล่เขา จากนั้นก็มองไปยังฉู่จงเทียนที่อยู่ห่างออกไป

ชั่วขณะนี้เขาราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ปกปิดไอสังหารของตนเลยสักนิด นัยน์ตาดำไหวเคลื่อนดุจหุบเหว อานุภาพไร้รูปปกคลุมฟ้าดินผืนนี้

แข็งแกร่งมาก!

ทุกคนใจสั่น ส่วนใหญ่ต่างเห็นหลินสวินสำแดงฤทธิ์กับตาเป็นครั้งแรก

“ถือว่าไม่เลว แต่ถ้าไม่มีอริยะหญิงคนนั้นสนับสนุนเจ้า เจ้าก็สร้างคลื่นลมอะไรไม่ได้แน่”

ฉู่จงเทียนนิ่งไม่ขยับ รอบตัวแผ่แสงศักดิ์สิทธิ์สีทองที่แปรเป็นปราณดาบน่าครั้นคร้ามนับร้อยพัน เรืองแสงระเรื่อ สภาพการณ์น่าตกใจ

“เจ้าพูดผิดแล้ว ข้าหลินสวินฝึกปราณมาถึงวันนี้ กำบคนรุ่นเดียวกัน ยังไม่เคยต้องอาศัยมือผู้อื่นมาแก้ปัญหา การจะจัดการกับเจ้าก็เช่นกัน”

ครั้นคำพูดนี้ของหลินสวินดังออกมา ทุกคนในลานต่างเห็นด้วยอย่างยิ่ง

คำพูดนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่คำเท็จสักนิด!

คนที่รู้อดีตของเทพมารหลิน ใครกล้าบอกว่าเขาเคยใช้อำนาจอื่นรังแกคน

ไม่มี!

ชื่อเสียงทั้งหมดของเขา ล้วนแลกมาด้วยการต่อสู้ของเขาเอง สั่งสมผลงาน ไม่มีเหตุผลอื่นปน ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถใส่ความได้

หากไม่ใช่เพราะครั้งก่อนมีอริยะหกคนลงมือพร้อมกัน รังแกกันเกินไป หญิงลึกลับคนนั้นก็ไม่มีทางปรากฏตัวช่วยเหลือเทพมารหลิน

ตอนนี้ฉู่จงเทียนกลับพูดออกมาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเจตนาใส่ความ

“เช่นนี้ดีที่สุด ข้าก็สามารถบอกเจ้าได้ว่า การต่อสู้ในครั้งนี้ข้าจะกำราบเจ้าด้วยตัวเอง ทำให้เจ้าตายอย่างไร้ข้อกังขา!”

ไอสังหารในตัวฉู่จงเทียนตลบม้วนออกมา ราวกับคลื่นโหมซัดสาดสะเทือนฟ้า กวาดล้างพื้นที่บริเวณนี้ทั้งแถบ เขายืนตระหง่านอยู่ตรงนั้นราวกับเทพไท้ ปราณดาบทั่วตัวรุนแรง แสงทองสว่างไสว

“ฝึกปราณมานานนับพันปี แม้อวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนั้นยังสู้ไม่ได้ก็กล้าคุยโวเช่นนี้แล้วหรือ”

หลินสวินยิ้ม

ชิ้ง!

ดาบศักดิ์สิทธิ์ทะมึนทึบ ส่งเสียงก้องหู

เงาร่างของฉู่จงเทียนไม่ขยับ แต่ในชั่วพริบตานี้กลับมีปราณดาบสีทองนับร้อยสายกวาดมา ราวกับน้ำตกสายรุ้งผืนหนึ่ง สว่างไสวไร้เทียมทาน ทะลวงสังหารเข้าไป

หลินสวินกำหมัด นัยเร้นลับของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์รวมอยู่ในนั้น จากนั้นจู่ๆ ก็ฟันต่อยปล่อยออกไป ประกายหมัดรวบกระชับ เรียบง่ายและว่างเปล่า แตกกระจายในห้วงอากาศ

ตอนนี้เขาแสดงอานุภาพของ ‘หนึ่งหมัดสะเทือนสวรรค์’ ได้อย่างสบายๆ แตกต่างจากก่อนจะเข้าร่วมการประลองกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์มานานแล้ว

ตูม!

ปราณดาบและพลังหมัดปะทะกัน ทำให้ห้วงอากาศยุบทลาย แสงศักดิ์สิทธิ์ระเบิดกระจาย

ชั่วพริบตานั้นทั้งสองต่อสู้กับอย่างดุเดือด

ทุกคนต่างถอยหนี การต่อสู้ระดับนี้เป็นศึกอันเป็นประวัติการณ์อย่างแน่นอน พลังทำลายล้างสะเทือนขวัญ ใครก็ไม่อยากโดนลูกหลง

ชิ้ง!

ปราณดาบตัดผ่านไปมา เงาร่างของฉู่จงเทียนราวกับสุริยันเคลื่อนขวางกลางอากาศ แสงศักดิ์สิทธิ์สีทองที่อยู่รอบตัวเขา แปรเปลี่ยนเป็นประกายดาบสีทองอร่ามเหี้ยมโหดทั้งหมด

จากนั้นภาพที่น่าทึ่งก็ปรากฏขึ้น ปราณดาบเหล่านั้นแปรเป็นดาบปีกคู่หนึ่ง เต็มไปด้วยความแหลมคมไร้เทียมทานปกคลุมฟ้าดิน

ฉู่จงเทียนเคลื่อนไหวไวยิ่งขึ้น กลิ่นอายน่ากลัวกว่าเดิม ตอนที่พุ่งสังหารห้วงอากาศล้วนยุบทลาย ประกายดาบมากมายนับร้อยพันพลุ่งพล่านกวาดล้าง สังหารกลางฟ้าดิน

เจตดาบระดับนั้น ราวกับสามารถเฉือนเทพผีได้!

เงาร่างของหลินสวินราวกับภาพมายา ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง แสดงอานุภาพของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ แต่ละหมัดสำแดงฤทธิ์ ล้วนเผยพลานุภาพที่แข็งแกร่งและสะเทือนฟ้าดิน

มาถึงระดับอย่างเขา แต่ละกระบวนท่าล้วนเต็มไปด้วยพลังแห่งแก่นมรรค สามารถชักนำอานุภาพฟ้าดิน ทำให้สรรพสิ่งสั่นสะเทือน ไม่สามารถเปรียบเทียบด้วยคำพูดเดิมแล้ว

ทั้งสองปะทะกันราวกับฟ้าร้องคำรามใส่กัน นอกจากเสียงครวญแข็งกร้าวของดาบ ยังมีเสียงคำรามที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งของพลังหมัด ระเบิดคลื่นพลังที่น่ากลัวไร้ขอบเขตออกมา

พริบตาที่เข้าปะทะ ก็ได้ปะทะกันนับร้อยครั้งแล้ว แสงประกายรุนแรงส่องสว่างผืนฟ้าแถบนี้

ทั้งสองปะทะผ่านกันไป ต่างเผยสีหน้าแปลกประหลาด

ฉู่จงเทียนยิ่งตะลึง ตกใจกับพลังของหลินสวิน นี่ไม่เหมือนที่เขาคาดการณ์เลยสักนิด

ส่วนหลินสวินแปลกใจเล็กน้อย หลังจากการปะทะในช่วงสั้นๆ ทำให้เขาคาดการณ์ออกมาได้ในทันใดว่า ในการฝึกปราณด้านมกุฎมรรคาของอีกฝ่าย คงจะทะลวงถึง ‘บรรลุสูงสุด’ แล้ว

นี่คือระดับที่สูงที่สุดในมกุฎมรรคา ก้าวสู่ระดับนี้ เรียกได้ว่าเป็นนายเหนือหัวชั้นยอดแล้ว

ก็ไม่แปลกที่คนผู้นี้ได้ที่หนึ่งของการประลองกระดานดาราถึงสามครั้งติดต่อกัน และการกระทำยังเผด็จการและตรงไปตรงมา ที่แท้ก็มีฝีมือนี่เอง

ฉัวะ!

ฉู่จงเทียนวนเวียนอยู่ในอากาศ ราวกับปักษาเทพโจมตีเก้าสวรรค์ พุ่งเข้าใส่อีกครั้ง คราวนี้ทุกคนต่างสังเกตเห็นว่าพลังของฉู่จงเทียนน่ากลัวกว่าเดิม

ด้านหลังเขา ปีกนกที่แปลงมาจากปราณดาบหนาแน่นคู่หนึ่งราวกับพญาเผิงปีกทอง ตอนนี้จู่ๆ ก็มีสายฟ้ามากมายพร่างพราวขึ้นมา แสงสะดุดตาทำให้แทบหยุดหายใจ

“ดาบปีกฟ้าคะนอง!”

มีคนตะโกน นี่คือวิชาลับที่ไม่มีการเผยแพร่ให้ภายนอกของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ฝึกยากและน่ากลัวอย่างมาก

ดาบปีกนี้ไม่เพียงรวดเร็ว พลังต่อสู้ยังเพิ่มขึ้นอย่างมาก สามารถปั่นป่วนฟ้าดิน พลิกหมุนภูผาธารา พลังสังหารรุนแรงอย่างที่สุด แทบจะไม่มีสิ่งใดที่เฉือนไม่ได้

หลินสวินกลับไม่ลนลาน โคจรมรรคแห่งเจินหลง ชือน้ำแข็งเกิดการเปลี่ยนแปลงทันที ทำให้หลินสวินราวกับแปรเปลี่ยนเป็นชือน้ำแข็งตัวหนึ่ง เคลื่อนไหวคดโค้ง กดข่มท้องฟ้า

ครืนโครม!

ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดอีกครั้ง ปราณดาบทะลวงสวรรค์ พลังหมัดดุจมังกร

คลื่นพลังต่อสู้อันน่ากลัวพลุ่งพล่านราวกับมหาสมุทร ฟ้าดินทั้งผืนถูกกลบจนมิด เห็นเพียงเงาร่างของคนสองคนปะทะกันไม่หยุด

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น ทั้งสองต่างถอยออกไป

ฉู่จงเทียนสีหน้าเย็นเยียบ ตรงไหล่ของเขาถูกพลังหมัดซัดใส่ มีเลือดสดไหลออกมา อีกนิดก็จะซัดโดนศีรษะของเขาแล้ว

ส่วนรอบตัวหลินสวินแสงใสไหลเคลื่อน ร่างกายแผ่แสงมรรค กลิ่นอายผงาดผยองข่มโลก เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นตามอารมณ์ ก็มีอานุภาพของเทพมารผู้กลืนกินภูผาธาราแล้ว

“เทพมารหลิน แข็งแกร่งมาก!” หลายคนใจสั่น

ทุกคนต่างรู้ดี ว่าหลินสวินเพิ่งจะคว้าอันดับหนึ่งของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ไปด้วยอายุที่ยังไม่ถึงสามสิบปี สามารถเรียกว่าเป็นบุคคลชั้นยอดในบรรดาคนในรุ่นเยาว์ของยุคนี้แล้ว

แต่ฉู่จงเทียนสะดุดตากว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ในพันปีมานี้ปรากฏตัวบนโลกสามครั้ง คว้าอันดับหนึ่งของกระดานดาราทั้งสามครั้ง สะเทือนลมเมฆใต้หล้า ถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก

นอกจากแพ้ให้กับอวิ๋นชิ่งไป๋ ก็แทบไม่มีใครสู้ได้แล้ว

แต่ตอนนี้ฉู่จงเทียนโจมตีอย่างแข็งกร้าว ทว่ากลลับคล้ายไม่สามารถทำอะไรเทพมารหลินได้ ทั้งยังบาดเจ็บอีกด้วย!

นี่ก็หมายความว่า ในการแข่งขันด้านมกุฎมรรคา เทพมารหลินเหนือว่าคนรุ่นเยาว์แห่งยุคแล้ว มีพลังที่จะท้าทายยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎรุ่นก่อนแล้วงั้นหรือ

หากเป็นเช่นนี้จริงก็น่าตกใจเกินไปแล้ว!

ตอนนี้ในใจฉู่จงเทียนยากจะสงบ เดิมทีคิดว่าออกด่านครั้งนี้จะสามารถกวาดล้างคู่ต่อสู้ในยุคนี้ทั้งหมด คนที่สามารถชิงชัยกับตนได้ ก็มีเพียงบุคคลขอบเขตมกุฎรุ่นก่อนเหมือนตนเท่านั้น

แต่ตอนนี้กลับเจอคู่ต่อสู้เสียแล้ว!

นี่ทำให้เขายากจะเชื่อ

ยามที่เขาพ่ายแพ้ให้กับอวิ๋นชิ่งไป๋ อีกฝ่ายได้รับการขนานนามว่าเป็นอันดับหนึ่งในระดับที่ต่ำกว่าราชันแล้ว แต่เทพมารหลินที่อยู่ตรงหน้ายิ่งเด็กกว่าอวิ๋นชิ่งไป๋ตอนนั้น

“เจ้ามาอย่างทรงอานุภาพเต็มเปี่ยม กลับมีฝีมือเพียงเท่านี้ ถึงว่าตอนนั้นจึงแพ้ด้วยน้ำมืออวิ๋นชิ่งไป๋ ล้วนเป็นเรื่องที่ถูกกำหนดแต่แรกแล้ว”

หลินสวินขมวดคิ้ว

ไม่ใช่การเสียดสี แต่หลังผ่านการประชันกันอย่างแท้จริง เขาได้คาดเดารากฐานและความตื้นลึกของอีกฝ่ายอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว

ฉู่จงเทียนแข็งแกร่งมากจริงๆ แต่กลับทำให้หลินสวินประเมินค่าสูงเกินไป เดิมทีคิดว่าบุคคลชั้นยอดที่ปิดด่านมานับพันปี เคยปั่นป่วนเมฆลมใต้ฟ้า ก็ควรจะมีพลังต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า กลับทำให้หลินสวิน… ผิดหวัง

ความจริงไม่ใช่ว่าฉู่จงเทียนไม่แข็งแกร่ง แต่ตัวเขาในตอนนี้ได้ยืนอยู่ในระดับสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนของมกุฎมรรคา หนึ่งปีที่ได้เคี่ยวกรำในแดนลับไร้มรณะ ยิ่งทำให้มรรควิถีของเขาสมบูรณ์ถึงที่สุด

อย่างเช่นตอนนี้เขาอยากยกระดับพลังต่อสู้ ก็ต้องพึ่งการฝึกพลังยุทธ์ บนด้านมรรคาไม่มีพื้นที่ในการพัฒนาแล้ว!

“คุยโตไม่รู้จักกระดาก!”

เสียงของฉู่จงเทียนต่ำลึก สายตาเย็นชา มองหลินสวินอย่างไร้ปรานี

เขาชูแขนขวาขึ้น เสียงชิ้งดังสนั่น ปรากฏทวนสำริดที่ปลดปล่อยประกายสายฟ้าเล่มหนึ่ง

“สังหาร!”

เขากวัดแกว่งทวน ฟ้าร้องคำราม สายฟ้าพุ่งยิงดุเดือด ด้านหลังปีกคมดาบกางออกแล้วพุ่งสังหารทันที คำพูดของหลินสวินเสียดแทงศักดิ์ศรีของเขาจนเจ็บ

ตั้งแต่เขาปรากฏตัวสู่โลก ก็มองคนรุ่นปัจจุบันอย่างเย่อหยิ่ง ถูกฝากความหวังเอาไว้ ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดในการแย่งชิงอำนาจมหายุค

ความพ่ายแพ้เดียวก็คือแพ้ให้อวิ๋นชิ่งไป๋ นี่เป็นความเสื่อมเสียอย่างหนึ่ง ไม่ว่าชาตินี้เขาจะรุ่งโรจน์เพียงใด ไปถึงจุดที่สูงแค่ไหน ก็ไม่สามารถล้างความเสื่อมเสียนี้ได้แน่

แต่ว่า…

เขาแพ้ในมืออวิ๋นชิ่งไป๋ได้ กลับยอมถูกคนหนุ่มอย่างหลินสวินเย้ยหยันและดูหมิ่นไม่ได้อย่างแน่นอน!

ฉึก!

สีหน้าของหลินสวินไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยกมือขึ้นชี้ ประทับปี้อั้นสายหนึ่งปรากฏ ควบรวมท่วงทำนองแห่งมรรคเจินหลง ประชันกับทวนของอีกฝ่าย

เห็นได้ชัดว่าทวนสำริดนั่นเป็นสมบัติโบราณที่ยอดเยี่ยม แหลมคมไร้เทียมทาน มีสายฟ้าพันรอบ เพียงพอจะทำลายล้างและบดขยี้สรรพสิ่ง

เพียงแต่หลินสวินไม่ใช่มะพลับนิ่มที่จะบีบเค้นได้ตามใจ

ตูม!

เขายังคงปล่อยหมัดมือเปล่า อานุภาพราวกับเทพมารเคลื่อนกวาด เริ่มสำแดงมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร สัญลักษณ์อักษรเคราะห์เป็นสายๆ ปรากฏขึ้น ประทับกลางอากาศ ส่งเสียงกึกก้องไปทั่วราวกับเสียงมังกรครวญเป็นระลอกๆ สะเทือนทั่วสี่ทิศ

ผู้ฝึกปราณหลายคนถูกสะเทือนจนสองหูอื้ออึง ตาลาย เลือดลมปั่นป่วน ทรมานจนแทบกระอักเลือด

ในด้านจิตใจ ยิ่งได้รับการข่มขวัญเหมือนถูกอานุภาพมังกรกดข่ม!

พวกเขาหวาดผวา ต่างถอยหนีอีกครั้ง

“ฆ่า!”

ฉู่จงเทียนตะเบ็งเสียง ทั้งสองเข่นฆ่ากันอยู่กลางอากาศ ราวกับมังกรสองตัวกำลังฟาดฟัน แสงศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่านราวกับกระแสน้ำ สั่นไหวอยู่ระหว่างพวกเขา กลายเป็นพลังทำลายล้างที่น่ากลัว!

นี่เป็นการต่อสู้ที่สะเทือนฟ้าดิน!

อย่างน้อยสำหรับผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นหลินสวินหรือฉู่จงเทียน ล้วนเรียกได้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในบรรดาบุคคลแห่งยุค

“ความแข็งแกร่งของฉู่จงเทียนนั้นไม่มีข้อกังขาอยู่แล้ว แต่ที่น่าทึ่งที่สุดคือเทพมารหลินอย่างไม่ต้องสงสัย!”

“ไม่ผิด ด้วยพลังต่อสู้ที่เขาสำแดงออกมา แม้ไปเข้าร่วมการประลองกระดานดาราก็มีคุณสมบัติช่วงชิงที่หนึ่ง น่าเสียดายที่มหายุคใกล้มาเยือน การประลองกระดานดาราจึงไม่อาจดำเนินการได้แล้ว…”

ห่างออกไปผู้ฝึกปราณอุทานด้วยความตกใจ รู้สึกว่ามาไม่เสียเที่ยวอย่างที่สุด เพราะได้เห็นการต่อสู้ไร้เทียบเทียมกับตา

เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในลาน ทำให้การวิจารณ์ของพวกเขาหยุดไปกะทันหัน

ฟุ่บ!

กลางอากาศ ฉู่จงเทียนถูกอักษร ‘เคราะห์’ สายหนึ่งประทับกลางอกอย่างแรง ทำให้เขาหนังแตกเนื้อโผล่ กระดูกแตกหัก

ครั้งนี้ทุกคนต่างเห็นอย่างชัดเจน ในการเผชิญหน้ากันตัวต่อตัว เทพมารหลินโจมตีคู่ต่อสู้อย่างแข็งกร้าว เผยอานุภาพไร้ที่เปรียบ!

ในใจทุกคนต่างสะท้าน ฉู่จงเทียนจะแพ้จริงๆ หรือ

ในเวลาเดียวกันหลินสวินก้าวย่างกลางอากาศ บีบเข้ามาพร้อมพูดอย่างเย็นเยียบ “แม้แต่อวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนั้นยังสู้ไม่ได้ ยังกล้าท้าทายข้างั้นหรือ รนหาที่ตายก็แบบนี้แหละ!”

เสียงดังครืนๆ ก้องฟ้าดิน

ทุกคนต่างอึ้งงัน ความหมายในคำพูดนี้น่าตกใจเกินไป มีเพียงเอาชนะอวิ๋นชิ่งไป๋ได้ จึงจะมีสิทธิ์ท้าทายเขาเทพมารหลินงั้นหรือ

นี่เห็นได้ชัดว่าแม้แต่อวิ๋นชิ่งไป๋ก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา!

——