ตอนที่ 1076 องค์ชายสี่ฉีจวิ้น

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

เวลานี้ ทุกคนในนครไป๋อวิ๋นทราบแล้วว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือปรากฏตัวและเรียกรวมตัวทุกคนที่หน้าจวนตระกูลฉิน

“ข้าได้ยินว่าจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่งดงามดุจดั่งเทพธิดาและจอมยุทธ์หานโม่ฉือก็รูปงามไร้ผู้ใดเปรียบ ไม่อาจทราบได้เลยว่ามันเป็นเรื่องจริงรึไม่ ?”

หลายคนที่ไม่เคยพบหน้าคนทั้งสองต่างก็มีสีหน้าสงสัยใคร่รู้อย่างยิ่ง พวกเขาไม่เพียงแต่สงสัยถึงความแข็งแกร่งของทั้งสองเท่านั้น ทว่ายังรวมถึงรูปลักษณ์ของทั้งสองด้วยเช่นกัน

“เป็นจริงทุกประการ ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์เท่านั้น ทว่าความแข็งแกร่งของทั้งจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่และจอมยุทธ์หานโม่ฉือก็เหนือชั้นยิ่งนัก เพียงการโบกมือเบา ๆ ทั้งสองก็ทำลายรากฐานพลังของสมาชิกที่ยโสโอหังของตระกูลราชวงศ์เหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ข้าก็เชื่อว่าตราบใดที่จอมยุทธ์ทั้งสองต้องการ มันก็ไม่ยากที่จะทำลายทั้งจักรวรรดิไป๋อวิ๋นด้วยการขยับมือเท่านั้น”

อีกคนหนึ่งพยักศีรษะเห็นด้วยทันที พวกเขาไม่ทราบเลยว่าความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือบรรลุถึงระดับใด เพียงแต่พวกเขาก็สัมผัสได้อย่างเลือนรางว่ามันจะต้องเหนือธรรมชาติมาก

อย่างไรก็ตาม การที่บอกว่าพวกนางสามารถทำลายล้างทั้งดินแดนหวนหลิงได้อย่างง่ายดายด้วยการโบกมือนั้นก็มิใช่เรื่องโกหกเลย เพราะมันคือข้อเท็จจริง

“ดูนั่นสิ พวกนางออกมาแล้ว !”

เมื่อเห็นสองคนก้าวออกมาจากด้านในจวนตระกูลฉิน ทุกคนก็ตื่นเต้นยิ่งขึ้นและมองตรงไปยังทิศทางนั้นอย่างไม่กะพริบตาด้วยกังวลว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉืออาจหายตัวไปหากละสายตาซึ่งจะทำให้ไม่มีโอกาสได้เห็นทั้งสองอีก

“แม่เจ้า ช่างงดงามมากจริง ๆ !”

เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของทั้งสองอย่างชัดเจน ดวงตาของทุกคนก็เต็มไปด้วยประกายแสง แม้ในดินแดนหวนหลิงจะมีบุรุษและสตรีที่รูปงามมากมาย ทว่าไม่มีผู้ใดเฉียดเข้าใกล้ระดับความงดงามของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือแม้แต่น้อย

ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านรูปลักษณ์และความสง่างาม ทั้งสองก็โดดเด่นอย่างไร้ผู้ใดเปรียบ เพียงแรกเห็นก็ทำให้ทุกคนรู้สึกอับอายในรูปลักษณ์ตนเองได้อย่างง่ายดาย

เมื่อได้พบหน้าคนทั้งสอง แม้แต่ผู้ที่รูปลักษณ์ขี้เหร่ที่สุดก็ไม่มีความคิดริษยาแม้แต่น้อย คนเหล่านั้นทำได้เพียงชื่นชมและเชิดชูฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือโดยที่ไม่มีความคิดในด้านลบใด ๆ

“คารวะท่านจอมยุทธ์ทั้งสอง !”

ไม่อาจทราบได้ว่าผู้ใดเป็นผู้ที่คุกเข่าคนแรก ทว่าหลังจากนั้นคนอื่น ๆ ทั้งหมดก็คุกเข่าลงตาม ๆ กันเพื่อแสดงความเคารพต่อฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ

ทั้งสองเป็นยอดอัจฉริยะในตำนานของดินแดนหวนหลิง การคุกเข่าและก้มศีรษะแสดงความเคารพเช่นนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นสมควรแล้ว

“ทุกคนลุกขึ้นเถอะ”

ฉินอวี้โม่โบกมือเล็กน้อยและแผ่พลังออกไปเพื่อประคองให้ทุกคนลุกขึ้นยืนตามเดิม

“ท่านจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ ท่านมาที่ดินแดนหวนหลิงในครานี้เพื่อสะสางเรื่องของตระกูลราชวงศ์โดยเฉพาะหรือขอรับ ?”

“ท่านจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ ท่านจะไปจากที่นี่อีกหรือไม่ขอรับ ? องค์ชายองค์หญิงของตระกูลราชวงศ์ในอดีตเป็นอย่างไรกันบ้างขอรับ ?”

“ท่านจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ มีข่าวลือว่าท่านตายไปแล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ ?”

…..

คำถามมากมายรัวมาจากฝูงชนรอบตัวอย่างต่อเนื่องซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสงสัยใคร่รู้ที่ทุกคนมีเกี่ยวกับฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือได้อย่างชัดเจน

“ทุกคน คำถามเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่สามารถถามจากผู้นำของตระกูลฉินได้หลังจากนี้และเขาจะเป็นคนตอบคำถามทุกอย่างเอง หานโม่ฉือและข้ามาที่นี่ในครานี้เพียงเพื่อเยี่ยมชมดินแดนเก่าเท่านั้นและไม่มีจุดประสงค์ใดที่เฉพาะเจาะจง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าตระกูลราชวงศ์ในปัจจุบันจะกลายเป็นเช่นนี้ พวกเราจึงถือโอกาสนี้ในการคลี่คลายปัญหาความวุ่นวายทั้งหมด แม้เราออกจากดินแดนหวนหลิงไปนานมากแล้ว ที่แห่งนี้ก็ยังคงเป็นรากเหง้าของเรา”

ฉินอวี้โม่โบกมือเพื่อเป็นสัญญาณให้ทุกคนใจเย็นลง นางเริ่มจากการอธิบายคร่าว ๆ ก่อนกล่าวต่อ “หากมีผู้ใดที่ต้องการก่อกวนให้ดินแดนหวนหลิงเกิดความยุ่งเหยิง ผู้นั้นก็ควรจะคิดไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน แม้เราจะอยู่ในดินแดนระดับสูง เราก็สามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ ความแข็งแกร่งของเราในตอนนี้เหนือกว่าระดับที่ทุกคนในดินแดนหวนหลิงจะจินตนาการได้และการจัดการทุกอย่างก็ง่ายดายเพียงขยับมือ ไม่ว่าพวกเจ้าคิดทำสิ่งใด จงพิจารณาให้ดีเสียก่อนว่าพร้อมที่จะสลายกลายเป็นเถ้าถ่านโดยที่ไม่มีวันได้ผุดได้เกิดหรือไม่ !”

คำข่มขู่ในวาจาของฉินอวี้โม่ถูกสื่อออกไปอย่างชัดเจนและแสดงถึงความต้องการที่จะมิให้เกิดสถานการณ์วุ่นวายใดในดินแดนหวนหลิงอีก

แม้ออกจากดินแดนหวนหลิงไปนานแล้ว พวกนางก็ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นที่นี่ นับประสาอะไรกับสิ่งที่เกิดจากการกระทำของผู้ไม่หวังดี ถึงอย่างไร ดินแดนหวนหลิงก็เป็นรากเหง้าของพวกนางและฉินอวี้โม่หวังว่าเมื่อบิดามารดาและญาติสนิททั้งหลายกลับมาในอนาคต ที่แห่งนี้จะกลายเป็นดินแดนแห่งความสงบสุข มิใช่บรรยากาศมัวหมองเช่นตอนที่ฉีเซิ่งเป็นผู้ปกครอง

“พวกเราเข้าใจแล้วขอรับ/เจ้าค่ะ”

ทุกคนกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกันทันที ในเมื่อฉินอวี้โม่กล่าวเช่นนี้ แม้บางคนจะยังมีความคิดที่ไม่ดีอยู่เล็กน้อย พวกเขาก็ต้องล้มเลิกตัดใจจากมันไป

พวกเขายังไม่อยากตายและไม่ต้องการทำให้ยอดอัจฉริยะผู้ทรงพลังเช่นนี้ต้องขุ่นเคืองใจ ยิ่งไปกว่านั้น หากในอนาคตพวกเขาเกิดโชคดีขึ้นมา พวกเขาอาจได้เดินทางไปที่ดินแดนระดับสูงซึ่งในตอนนั้นก็อาจต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ

สิ่งที่สำคัญก็คือความสัมพันธ์ในดินแดนหวนหลิงในอดีตก็เป็นไปด้วยดีอย่างมากซึ่งทุกคนสามารถเรียนรู้จากกันและกันเพื่อพัฒนาต่อไปด้วยกันได้ ต่อให้มีการแข่งขันหรือความขัดแย้งเป็นครั้งคราว พวกเขาก็ไม่เคยใช้วิธีการสกปรกหรือน่ารังเกียจเหมือนคนของตระกูลราชวงศ์

“ฉีเซิ่งที่เป็นเนื้อร้ายของตระกูลราชวงศ์ถูกข้ากำจัดไปแล้วและตระกูลราชวงศ์ต้องมีจักรพรรดิองค์ใหม่ ข้าอยากให้ทุกคนช่วยเสนอมาว่าผู้ใดคู่ควรที่จะครองบัลลังก์ปกครองจักรวรรดิไป๋อวิ๋นในรุ่นต่อไป”

ฉินอวี้โม่กล่าวและเอ่ยถามความคิดเห็นของทุกคน

องค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิไป๋อวิ๋นเป็นตำแหน่งที่หลายคนหมายปอง อย่างไรก็ตาม คนตระกูลฉินไม่สนใจตำแหน่งดังกล่าวแม้แต่น้อย พวกเขาทราบว่าฉินอวี้โม่มีขุมกำลังอยู่ในดินแดนระดับสูงแล้ว พวกเขาต่างก็ต้องการพัฒนาตนเองอย่างเต็มที่และหาโอกาสในการขึ้นไปในดินแดนระดับสูงเช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้น ฉินอวี้โม่มีความสัมพันธ์อันดีกับฉีเยวี่ยนเวยและฉีอวี้ตั้งแต่อดีต แม้ทราบดีว่าพวกเขาจะไม่ขัดข้อง นางก็ไม่ต้องการเปิดโอกาสให้เกิดความผิดใจกันเพราะการเลือกจักรพรรดิองค์ใหม่ เพราะเหตุนั้น สำหรับตำแหน่งองค์จักรพรรดิของตระกูลราชวงศ์ ฉินอวี้โม่จึงยังต้องการเลือกคนจากตระกูลฉีเช่นเดิม

“ข้าขอเสนอองค์ชายสี่ องค์ชายสี่เป็นคนถ่อมตนและมากด้วยพรสวรรค์ หากมิใช่เพราะถูกฉีเฉิงกดข่มก่อนหน้านี้ เขาก็คงกลายเป็นจอมยุทธ์ยอดฝีมือของดินแดนหวนหลิงไปนานแล้ว”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลราชวงศ์กล่าวออกไป เขาไม่พอใจฉีเซิ่งและฉีเฉิงมาตั้งแต่ต้น การที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือกำจัดพวกเขาไปในครานี้ถือเป็นบุญคุณที่คนตระกูลราชวงศ์รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

องค์ชายสี่ที่เขากล่าวถึงมีนามว่า ‘ฉีจวิ้น’ และเป็นน้องชายต่างมารดาของฉีเซิ่ง แม้เป็นถึงองค์ชายสี่ เขาก็ถูกกดขี่ข่มเหงโดยพี่ชายอย่างฉีเซิ่งและฉีเฉิงมาตลอดส่งผลให้สถานการณ์ของเขาไม่ดีนัก

ฉีจวิ้นเป็นคนอ่อนน้อมและไม่วางท่าโอหังต่อหน้าผู้คน และสิ่งที่สำคัญคือเขาไม่เคยคิดดูแคลนผู้ใดเพียงเพราะตนเป็นองค์ชายสี่ของตระกูลราชวงศ์

ก่อนหน้านี้เมื่อฉีเซิ่งหาทางกำจัดตระกูลใหญ่มากมาย ฉีจวิ้นก็พยายามขัดขวางเขา ทว่าลงเอยด้วยการถูกจับตัวไปขังไว้ในคฤหาสน์องค์ชายสี่โดยที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาและไม่มีโอกาสออกมาได้ การเลือกเขาเป็นองค์จักรพรรดิของตระกูลราชวงศ์ถือเป็นทางเลือกที่ดีอย่างแท้จริง

“ไปพาตัวองค์ชายสี่มาที่นี่ หากผู้ใดคิดขัดขวางก็ฆ่าเสียให้หมด !”

ฉินอวี้โม่เรียกเสี่ยวเฮยออกมาและถ่ายทอดคำสั่งออกไปทันที

เสี่ยวเฮยกลับคืนร่างอสูรและกวาดสายตามองทุกคนด้วยแววตาน่าเกรงขามจนทุกคนแอบยอมจำนนอยู่ภายในใจ

“นี่คงจะเป็นยูนิคอร์นสีนิล—อสูรพันธสัญญาตัวแรกของท่านจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ มันได้ต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคสงครามมากมายเคียงข้างท่านจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ตลอดเวลาที่ผ่านมาและความแข็งแกร่งในปัจจุบันของมันก็น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง !”

ใครคนหนึ่งจดจำเสี่ยวเฮยได้ทันที ในดินแดนหวนหลิงมีภาพวาดของฉินอวี้โม่ที่โด่งดังอยู่ภาพหนึ่งซึ่งเป็นภาพที่นางกำลังนั่งอยู่บนหลังเสี่ยวเฮย แน่นอนว่าคนเหล่านี้ก็จดจำภาพวาดนั้นได้อย่างชัดเจน

“ดูน่าเกรงขามจริง ๆ !”

ทุกคนถอนกันหายใจเบา ๆ และรู้สึกหวาดหวั่นต่อเสี่ยวเฮยไม่น้อย