ตอนที่ 1625 ส่งตัวเจ้าหนูนั่นมา

Alchemy Emperor of the Divine Dao

การที่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์สามารถสังหารเซียนได้นั้นเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไป หากเป็นเช่นนั้นจริงลำดับของระดับพลังบ่มเพาะจะมีความหมายอะไร?

เพียงแต่อย่างมากรุ่นเยาว์ผู้นี้คงมีพลังต่อสู้เทียบเท่าเซียนระดับต้นสูงสุดอย่างฉงปาตู้เท่านั้น ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงไม่ถูกประมุขตระกูลหลงซัดลอยกระเด็นจนต้องหลบหนี

ฉงเยี่ยมองไปยังหลิงฮันด้วยสายตาเย็นชาและกล่าว “เห็นข้าอยู่ตรงหน้าแล้ว ยังไม่คุกเข่าร้องขอความตายอีกรึ!”

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “มีเหตุผลอะไรที่ข้าต้องทำตามที่เจ้าพูด?”

“เหตุผล?” ฉงเยี่ยแสยะยิ้ม “ข้าคือเซียนระดับกลาง คำพูดของข้าคือเหตุผล! เจ้าที่สังหารคนตระกูลฉงไปแล้ว คิดว่าจะมีชีวิตต่อไปได้?”

Anchor

ดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาไม่ได้มีอำนาจเหมือนกับดินแดนต้องห้ามอื่นๆเนื่องจากเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน ในตระกูลฉงมีราชาเซียนอยู่เพียงคนเดียวและไม่มีเซียนระดับสูงอยู่เลย นอกจากเขาแล้วก็มีเซียนระดับกลางอีกสองและเซียนระดับต้นอีกสี่

ด้วยเหตุนั้นแล้วฉงปาตู้จึงมีความสำคัญต่อตระกูลฉงอย่างมาก ด้วยพรสวรรค์ของเขาย่อมสามารถบรรลุเป็นเซียนระดับสูงได้อย่างไม่มีปัญหา หรือบางทีอาจจะบรรลุเป็นราชาเซียนก็เป็นได้

แต่ถึงอย่างนั้นฉงปาตู้กลับถูกหลิงฮันสังหาร!

ไม่อาจยอมได้!

ไม่ใช่แค่หลิงฮันแต่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับหลิงฮันจะต้องตาย ทว่าตอนนี้ที่นี่มีเซียนระดับสูงอยู่ เพื่อไม่เป็นการยั่วยุอีกฝ่าย เขาจึงจะแค่กำราบหลิงฮันและนำตัวกลับไปลงโทษที่ดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาแล้วค่อยให้ราชาไค่หยุนมาจัดการทุกคนชีวิตบนดาวดวงนี้ด้วยตัวเอง

ฉงเยี่ยกวาดสายตามองรอบข้างหลิงฮันก่อนจะดวงตาเปิดกว้าง

สตรีเซียนสองคน!

แถมยังงดงามมากอีกด้วย! เขาจ้องมองใบหน้าของสตรีนกอมตะอยู่ชั่วครู่ และเมื่อเข้าหันไปมองใบหน้าของจักรพรรดินี จิตใจของเขาก็สั่นสะท้านทันที

ในฐานะเซียน ต่อให้สวรรค์ล่วงหล่นเขาก็คงไม่แสดงท่าทีตกตะลึง แต่ตอนนี้เพียงแต่จ้องมองสตรีตรงหน้าหัวใจของเขาก็สั่นรัวราวกับเพิ่งเคยเห็นสตรีเป็นครั้งแรก

ข้าต้องการสตรีผู้นี้!

“นางเป็นสตรีของเจ้า?” ฉงเยี่ยชี้ไปยังจักรพรรดินี

“อย่าได้คิดชั่วร้ายกับภรรยาข้าหากยังไม่ยากตายเร็ว” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส

“ฮ่าๆๆ!” แน่นอนว่าฉงเยี่ยไม่เก็บคำขู่ของหลิงฮันมาใส่ใจ สตรีตรงหน้าเป็นเพียงเซียนระดับต้นเท่านั้น ต่อหน้าเซียนระดับกลางเช่นเขาต่อให้มีเซียนระดับกลางพันคนเขาก็ยังสามารถกำราบได้เพียงพลิกฝ่ามือ

“ข้ามาแล้ว!” สุนัขตัวดำปรากฏตัว ข้างกายของมันมีเด็กน้อยอายุราวๆสี่ถึงห้าปี กระต่ายยักษ์ที่สูงเท่ามนุษย์ครึ่งตัวและโสมเดินได้ขนาดเท่าแขนของมนุษย์ยืนอยู่ด้วย

ทั้งสี่คือสี่สหายจอมสร้างปัญญาแห่งสำนักละอองดารา

“ตัวอัปลักษณ์ เจ้ามีธุระอันใดกับน้องเล็กของข้า?” สุนัขตัวดำยืนสองขา มันเอาขาหน้าล้วงผ่านเข้าไปในกางเกงในโลหะและเกาก้นดัง แกร่ก แกร่ก ก่อนจะยกมือขาหน้ากลับมาสูดดมที่จมูกด้วยสีหน้าเคลิมเคลิ้ม

“ไปไกลๆข้า!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีถีบสุนัขตัวดำลอยกระเด็น ก่อนหน้าหันกลับมากล่าวด้วยน้ำเสียงน่ายำเกรง “เจ้าหนูนั่นเป็นคนของข้า เจ้าต้องการอะไรจากเขา?”

มุมปากของฉงเยี่ยกระตุก อีกฝ่ายเป็นได้ด้วยอายุเพียงเท่านั้น? ไม่มีทาง ต้องเป็นดวงวิญญาณของเซียนที่เข้าสิงร่างคนอื่นเป็นแน่

“โฮ่ง เด็กน้อยตัวเหม็น นายท่านหมาจะกัดก้นเจ้าแห่งแยกเป็นสามส่วน!” สุนัขตัวดำทะยานร่างกลับมาและโจมตีใส่จักรพรรดิเพลิงอัสนี

จักรพรรดิเพลิงอัสนีนั้นแต่เดิมเป็นถึงตัวตนระดับขอบเขตตำหนักอมตะ ความเข้าใจในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขาเหนือว่าระดับเซียนหลายเท่า แต่ด้วยระดับพลังบ่มเพาะในปัจจุบันทำให้พลังต่อสู้ของเขาเทียบเท่าเซียนระดับต้นเท่านั้น

สุนัขตัวดำเองก็น่าอัศจรรย์ไม่แพ้กัน กายหยาบของมันทรงพลังเป็นอย่างมาจนแม้จะเป็นพลังโจมตีของเซียนระดับต้นก็ไม่สามารถสร้างบาดแผลให้มัน มันตอบโต้กับจักรพรรดิเพลิงอัสนีได้โดยไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแม้แต่น้อย

ฉงเยี่ยที่มองการปะทะของทั้งสองตกตะลึงจนแทบกระอักโลหิต

น่าสะพรึงกลัวนัก เซียนระดับต้นทั้งสองคนนี้มีพลังต่อสู้เทียบได้กับเซียนระดับกลาง กล่าวคือทั้งสองสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้

นี่เขาเก็บตัวอยู่ในดินแดนต้องห้ามนานเกินไปจนโลกพัฒนาไปถึงไหนต่อไหนแล้วงั้นรึ?

ฉงเยี่ยพยายามสงบสติอารมณ์ จะอย่างไรพวกเขาก็มีพลังต่อสู้เทียบเท่าเซียนระดับกลางเท่านั้น เทียบกับดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาที่มีตัวตนระดับเซียนอยู่แล้ว แค่พลังต่อสู้เทียบเท่าเซียนระดับกลางไม่นับเป็นอันใดได้

“พวกโอหัง!” ฉงเยี่ยเค้นเสียงและจดจ้องไปยังหลิงฮันอีกครั้ง “เจ้าบัดซบ นี่เจ้ายังไม่คุกเข่ารับบทลงโทษของตัวเองอีก?”

“ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่อย่าได้ฝันว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เจ้าต้องการ!” เซียนซิงฉาทนไม่ไหว ตัวเขาที่เป็นถึงเซียนระดับสูงจะยอมปล่อยให้อีกฝ่ายมาทำกร่างได้อย่างไร?

“ถ้าเจ้าไม่อยากทำให้ประมุขของข้าโกรธ ข้าขอแนะนำให้เจ้าอยู่เฉยๆ!” ฉงเยี่ยไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ในฐานะของจอมยุทธจากดินแดนต้องห้าม เขาจำเป็นต้องแยแสเซียนคนอื่นด้วย?

เซียนซิงฉาเกรี้ยวกราด เขาเค้นเสียงและกล่าว “อย่าคิดใช้ราชาเซียนมากดดันข้า เจ้าคิดว่าพวกข้าก็ไม่มีผู้หนุนหลังระดับราชาเซียน?”

เมื่อไม่กี่ปีก่อน ดินแดนต้องห้ามมากมายได้เข้าร่วมเป็นพันมิตรกับหลิงฮัน คิดว่าดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาของพวกเจ้าจะสามารถต่อกรกับดินแดนต้องห้ามจำนวนมากได้พร้อมกัน?

“ข้าว่าเจ้าคงบ้าไปแล้ว ถึงขนาดกล้าเป็นศัตรูกับตระกูลของข้า!” ฉงเยี่ยแสยะยิ้ม ดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆานั้นเก็บตัวนานเกินไป ไม่มีทางที่พวกเขาจะรับรู้ว่าหลิงฮันนั้นเคยสังหารราชาเซียนไปแล้วถึงสองคน

ฉงเยี่ยคิดว่าเซียนซิงฉาแค่หลอกเขา อีกฝ่ายไม่ได้มีผู้หนุนหลังแบบที่ว่าจริงๆ

เซียนซิงฉาอยากจะใช้ฝ่ามือตบฉงเยี่ยให้ตาย เพียงแต่ว่าการที่มีดินแดนต้องห้ามมากมายไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถผลีผลามทำอะไรตามใจได้ เพราะอย่างไรพันธมิตรที่ว่าก็ก่อตั้งขึ้นกับหลิงฮันไม่ใช่เขา

เซียนซิงฉาโกรธจนตัวสั่น เขาพยายามอดกลั้นอารมณ์เอาไว้และสะบัดมือกล่าว “ไสหัวไปจากที่นี่!”

“ส่งตัวเจ้าหนูบัดซบนั่นมาแล้วข้าจะยอมไป!” ฉงเยี่ยกล่างอย่างไม่แยแส ครั้งนี้เขาจะนำตัวหลิงฮันไปก่อนแล้วครั้งต่อไปค่อยให้ราชาไค่หยุนมาทำการสังหารหมู่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนดาวดวงนี้ด้วยตัวเอง!

แววตาของเซียนซิงฉาส่องประกายเย็นยะเยือกและทะยานร่างไปปรากฏด้านหน้าฉงเยี่ย นี่เขาต้องลงมือสังหารเซียนจริงๆ?

“หลบไป!” เสียงตำหนิของจักรพรรดินีดังขึ้น ร่างของนางพุ่งออกไปพร้อมกับปลดปล่อยออร่าทรงพลังออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด