ตอนที่ 1624 ตระกูลฉงมาถึง

Alchemy Emperor of the Divine Dao

เวลาค่อยๆดำเนินไปเรื่อยๆจนผ่านไปหนึ่งปี

จักรพรรดินีและสตรีนกอมตะขัดเกลารากฐานได้สำเร็จ ในด้านของจักรพรรดินีนั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า ภายใต้ต้นสังสารวัฏระยะเวลาหนึ่งปีเทียบเท่ากับสามพันปี ด้วยพรสวรรค์ของนางและอำนาจของแก่นกำเนิดนิรันดร์ทำให้พลังบ่มเพาะของจักรพรรดินีในตอนนี้บรรลุเป็นเซียนระดับต้นขั้นสูงสุดเป็นที่เรียบร้อย

พลังต่อสู้แท้จริงของจักรพรรดินีในตอนนี้สามารถต่อกรได้กับเซียนระดับสูงขั้นสูงสุด กล่าวคือนางมีพลังต่อสู้สูงกว่าแปดดาว!

สตรีนกอมตะถูกทิ้งห่างไว้ไกล แม้นางจะมีวาสนาสืบทอดของนกอมตะสวรรค์สามตัว แต่หลังจากบรรลุเป็นเซียนแล้วพัฒนาการของนางก็เริ่มเป็นไปอย่างเชื่องช้าง ตัวนางในตอนนี้ยังมีพลังบ่มเพาะของเซียนระดับต้นขั้นต้นอยู่เหมือนเดิมและยังอีกห่างไกลกว่าจะบรรลุเป็นขั้นกลาง

หลิงฮันเองก็บ่มเพาะพลังอย่างบ้าคลั่ง เขากินเม็ดยาสะสมพลังปราณเป็นกิจวัตรประจำวัน จำนวนดวงดาวที่เขาควบแน่นได้ตอนนี้คือหกล้านดวง เกรงว่าอาจต้องใช้เวลาถึงสามกว่าจะควบแน่นถึงสิบล้านดวงได้

ความเร็วระดับนี้คือขีดจำกัดสูงสุดแล้ว นอกเสียจากว่าเขาจะมีทรัพยากรอย่างสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ ความเร็วในการควบแน่นดวงดาวถึงจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้

สหายคนอื่นๆก็มีพัฒนาการยอดเยี่ยมเช่นกัน อย่างเช่นจักรพรรดิพิรุณ เขาบรรลุขั้นสมบูรณ์ของระดับวารีนิรันดร์เป็นที่เรียบร้อยและกำลังพยายามควบแน่นดวงดาวให้ถึงสิบล้านดวง แต่เรื่องที่คาดไม่ที่สุดคือเจ้าสุนัขตัวดำนั้นมันได้กลายเป็นเซียนแล้ว!

ไม่ใช่แค่หลิงฮันที่ประหลาดใจแต่ศิษย์ทุกคนของสำนักก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน ใครจะไปนึกว่าสุนัขที่ไร้ยางอายไร้ศีลธรรมเช่นนั้นจะกลายเป็นเซียนได้จริงๆ

ตอนนี้สุนัขตัวดำก็มีสหายพี่น้องเพิ่มขึ้นมาอีกสองคนคือเจ้ากระต่ายและโสมเฒ่า การรวมกลุ่มกันของทั้งสามตัวส่งผลให้ทั่วทั้งสำนักเต็มไปด้วยความวุ่นวาย

นอกจากนั้นการปรากฏตัวของจักรพรรดิเพลิงอัสนีในร่างของเด็กน้อยก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงด้วยเช่นกัน

แต่โชคดีที่ทุกคนรู้ในเวลาต่อมาไม่นานว่าจักรพรรดิเพลิงอัสนีนั้นเป็นร่างกำเนิดใหม่ของ ‘เซียน’ ถึงทุกคนจะตกตะลึงกับความเร็วที่จักรพรรดิเพลิงอัสนีใช้บ่มเพาะพลังกลับไปเป็นเซียน แต่ด้วยการที่อีกฝ่ายเป็นร่างกำเนิดใหม่ทุกคนจึงยังพอทำใจยอมรับได้

ในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้รวมๆแล้วมีเซียนถือกำเนิดถึงห้าคนซึ่งทำลายความเชื่อที่ว่าจะมีศิษย์เพียงคนเดียวของสำนักที่จะสามารถบรรลุเป็นเซียนได้ทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ศิษย์ทุกคนรู้สึกมีกำลังใจ จะบ่มเพาะพลังช้าหรือเร็วนั้นไม่สำคัญ แต่ไม่ว่าใครก็ล้วนมีความหวังที่จะกลายเป็นเซียนได้ทั้งสิ้น

และในวันนี้เอง คลื่นแสงแห่งเต๋าได้ทะยานร่อนลงมาจากห้วงอวกาศ

เซียนทุกคนปรากฏตัวออกมาต้อนรับทันที หากอีกฝ่ายเป็นเซียนที่ไม่ประสงค์เกรงว่าดาวดวงนี้คงเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่

แต่ทว่ากลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่ใครเป็นแต่เป็นเซียนหวู่เซียง

เมื่อรู้เรื่องนี้หลิงฮันก็รีบไปพบเซียนหวู่เซียงทันทีและได้พบกับสภาพย่ำแย่และบาดแผลสาหัสตามร่างกายอีกฝ่าย

“เกิดอะไรขึ้น?” หลิงฮันเอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย

หลายปีที่ผ่านมา เซียนหวู่เซียนนั้นเป็นทั้งคนที่คอยชี้แนะและสหายของเขา เมื่อสภาพของอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้ไม่แปลกที่หลิงฮันจะรู้สึกโกรธ

เซียนหวู่เซียงถอนหายใจและกล่าว “พอข้าบรรลุกลับเป็นเซียนได้อีกครั้งข้าก็มุ่งหน้าไปตามหาคนทรยศทั้งสามทันที แต่ผลสุดท้าย…”

หลังจากไต่ถามไปได้สักพัก หลิงฮันก็รับรู้ว่าหนึ่งในจอมยุทธที่เคยเป็นศิษย์ของเซียนหวู่เซียงนั้นได้ตายไปแล้ว ในขณะที่ศิษย์อีกสองคนบรรลุเป็นเซียนระดับกลางได้สำเร็จเพราะดูดซับแก่นพลังจากร่างของเซียนหวู่เซียง

นอกจะจะล้างแค้นไม่สำเร็จเซียนหวู่เซียงยังถูกไล่ล่ากลับอีกด้วย หากไม่ใช่เพราะความเร็วของเซียนนั้นเทียบเท่าเขาเกรงว่าเขาไม่ได้แค่บาดเจ็บสาหัสแต่คงสิ้นชีพไปแล้ว

หลังจากรอคอยมาหลายปีเขาก็อุตส่าห์กลับเป็นเซียนได้อีกครั้งแท้ๆแต่ดันไม่สามารถล้างแค้นได้ ช่างน่าหดหู่นัก

ต้องบรรลุเป็นเซียนระดับกลางถึงจะแก้แค้นได้?

เขาไม่มีความมั่นใจขนาดนั้น หลังจากเมื่อกลับมาสู่จุดเดิมแล้วก็เป็นเรื่องยากมากที่เขาจะยกระดับพลังของตนเองขึ้นไปอีกได้ เวลาผ่านไปหลายร้อยล้านปีศิษย์ทรยศของเขาเพิ่งจะบรรลุเป็นเซียนระดับกลาง หากค่อยๆบ่มเพาะไล่ตามให้ทันเขาจะต้องใช้เวลาอีกกี่ร้อยล้านปีกว่าจะได้ล้างแค้น?

“มั่นใจในตัวเองไว้!” หลิงฮันตบไหล่เซียนหวู่เซียง “เอาไว้ข้าบรรลุเป็นเซียนเมื่อไหร่ข้าจะคิดค้นเม็ดยาระดับเซียนขึ้นมาเพื่อช่วยให้บ่มเพาะพลังได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าก็จะสามารถล้างแค้นศิษย์ทรยศทั้งสองได้ด้วยตัวเอง”

ความแค้นต้องชำระด้วยมือตนเอง หากหยิบยืมมือคนอื่นมาช่วยต่อให้ล้างแค้นได้ความโกรธก็ไม่หายไป

เซียนหวู่เซียงพยักหน้าด้วยท่าทางที่มั่นใจในตัวหลิงฮัน ก่อนหน้านี้เขาตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ไม่เพียงหลิงฮันจะช่วยให้เขากลับมาเป็นเซียนได้เหมือนเดิม แต่อาจจะทำให้เขาสามารถบรรลุเป็นเซียนระดับกลางหรือเซียนระดับสูงด้วยก็เป็นได้

ไม่กี่วันถัดมา คลื่นแสงแห่งเต๋าก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

Anchor

เซียนซิงฉาและเซียนคนอื่นๆไม่สบอารมณ์เล็กน้อย หรือพวกเขาแปะป้าย ‘ห้ามเซียนรบกวน’ ที่ด้านนอกดาวมู่ถูเอาไว้ดี? พักหลังนี้มีแต่เซียนปรากฏตัวป้วนเปี้ยนวุ่นวายไม่รู้จบ!

‘ครืนน’ คลื่นออร่าอันทรงพลังที่สัมผัสได้บ่งบอกว่าเซียนผู้นี้ไม่ใช่เซียนระดับต้น!

“ฮึ่ม!” เซียนซิงฉาตอบเค้นเสียงอย่างไม่พอใจและตอบโต้กลับด้วยออร่าอันทรงพลัง

“ข้าฉงเยี่ย มาจากAnchorดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆา!” เสียงอันทรงพลังกล่าวดังก้องด้วยน้ำเสียงราวกับว่าตนเองอยู่เหนือกว่า

“เซียนระดับกลางตัวจ้อยกล้าทำท่าทางอวดดีเช่นนั้น?” เซียนซิงฉากล่าวตอบ

เมื่อคลื่นแสงแห่งเต๋าสลายไปก็ได้ปรากฏร่างของชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าหล่อเหลา มือทั้งสองของเขาพาดเอาไว้ที่ด้านหลังด้วยท่าทางไม่หวั่นเกรงต่อเซียนระดับสูงอย่างเซียบซิงฉา “ประมุขของข้าคือราชาเซียน ที่ข้ามาที่นี่เพราะได้รับคำสั่งโดยตรงจากประมุข หากเจ้าเสียมารยาทต่อข้าก็เปรียบเหมือนเจ้าเสียมารยาทต่อราชาเซียน”

ใบหน้าของเซียนซิงฉากลายเป็นบูดบึ้ง หากมีแค่เขาเพียงคนเดียวล่ะก็เขาคงไม่ปล่อยให้เซียนระดับกลางพูดพล่ามอย่างหยิ่งผยองเช่นนี้และจัดการอีกฝ่ายตามใจต้องการ เพียงแต่ว่าตัวเขามีสำนักละออกดาราเป็นความรับผิดชอบที่ต้องแบกเอาไว้

เพราะเหตุนั้นเขาจึงไม่อาจลงมือผลีผลามตามใจชอบและกล่าวกลับไปด้วยน้ำเสียงมืดมน “เจ้ามีธุระอะไรที่นี่?”

“นำตัวบัดซบที่ชื่อหลิงฮันมาออกมา!” ฉงเยี่ยกล่าวเย็นชา กล้าดีอย่างไรมาสังหารคนของดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆา? ฮึ่ม!

เซียนซิงฉาชะงัก เหตุใดถึงต้องเป็นหลิงฮัน?

ดูเหมือนว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้จะสร้างปัญหาได้ไม่รู้จบจริงๆ

หลายปีที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยพบเห็นราชาเซียนเลยแม้แต่คนเดียว แต่พอหลิงฮันมาอยู่ที่สำนักละอองดารา ราชาเซียนกลับค่อยๆปรากฏตัวขึ้นมาทีละคนสองคน

“โอ้ ในที่สุดตระกูลฉงก็หาตัวข้าพบสินะ” หลิงฮันปรากฏตัวด้วยรอยยิ้ม ข้างกายของเขาขนาบไว้ด้วยจักรพรรดินีและสตรีนกอมตะ หลิงฮันต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่เป็นถึงเซียนระดับกลาง แน่นอนว่าพวกนางไม่ยอมให้หลิงฮันมาเพียงคนเดียวแน่นอน

ฉงเยี่ยหันมามองหลิงฮันอย่างรวดเร็วก่อนจะหรี่ตาเล็กน้อย หลิงฮันไม่เหมือนกับที่เขาจินตนาการไว้ อีกฝ่ายยังไม่แม้แต่บรรลุระดับสร้างสรรพสิ่ง