บทที่ 1073 สหายหมากล้อม

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,073 สหายหมากล้อม

นี่คือแอปพลิเคชันที่หลินเป่ยเฉินไม่เคยใช้งานมาก่อน

เพราะมันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เด็กหนุ่มไม่เคยสนใจ

แอปพลิเคชันนี้มีชื่อว่า…

‘เทพโกะสะท้านฟ้า’

นับเป็นแอปพลิเคชันที่ชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้ว

หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นนวดขมับของตนเอง

บังเอิญเกินไปไหมเนี่ย?

นักหลอมกระบี่มีงานอดิเรกคือเล่นหมากล้อม แล้วแอปพลิเคชันที่เขาได้ในครั้งนี้ ก็มีไว้เพื่อเล่นหมากล้อมเช่นกัน?

หรือว่าเรื่องนี้มีผู้คนวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า?

เหตุไฉนโทรศัพท์มือถือถึงได้ฉลาดขึ้นเช่นนี้?

หลินเป่ยเฉินทั้งประหลาดใจและมีความสุข

หลังจากนั่งพิจารณาอยู่ครู่ใหญ่ หลินเป่ยเฉินก็พอจะคาดเดาเหตุผลได้แล้ว

เมื่อคืนนี้ เขาช่วยกวาดล้างสำนักยุทธ์คนนอก ถือว่าเป็นการทำความดีครั้งยิ่งใหญ่ และเมื่อสักครู่ เขาสแกนร่างของเฉินเซียวเยี่ยน เมื่อนำองค์ประกอบทั้งสองอย่างมารวมกัน โทรศัพท์มือถือจึงให้รางวัลเขาเป็นแอปพลิเคชันสำหรับการเล่นหมากล้อม

ดาวน์โหลดดีไหมนะ?

ยังจะต้องถามอีกหรือ?

เมื่อมีแอปพลิเคชันนี้ ทุกอย่างก็ง่ายขึ้นแล้ว

หากสามารถเอามาใช้ได้ถูกวิธี เขาก็น่าจะเกลี้ยกล่อมให้เฉินเซียวเยี่ยนช่วยหลอมกระบี่ได้ไม่ยาก

สวรรค์ช่างเมตตาหลินเป่ยเฉินเหลือเกิน

เด็กหนุ่มกดปุ่มดาวน์โหลดโดยไม่ลังเล

“ติ๊ง”

‘แอปพลิเคชันเทพโกะสะท้านฟ้าต้องการข้อมูลในการดาวน์โหลด 2 GB กรุณาตรวจสอบสัญญาณอินเทอร์เน็ตและพลังงานแบตเตอรี่ของท่านให้เพียงพอ…’

หลินเป่ยเฉินใช้ศิลาบูชา 10 ก้อนชาร์จแบตโทรศัพท์

จากนั้นจึงดาวน์โหลด

“ฮื่อ อ้า…”

เขาส่งเสียงกระซิบผ่านลำคอ

ความรู้สึกของการถูกรีดเค้นพลังออกจากร่างกายเกิดขึ้นอีกครั้ง

“เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?”

อาจารย์อาอิ๋นซานหันมามองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความพิศวง

“เพราะว่าอาจารย์อางดงามมากเกินไปไงล่ะขอรับ ข้าน้อยจึงอ่อนระทวยเช่นนี้…” หลินเป่ยเฉินตอบไปโดยไม่รู้ตัว

จนเมื่อพูดจบแล้วนั่นแหละ เขาถึงได้รู้ตัวว่าเผลอหลุดปากออกไปอีกแล้ว

เรานี่มันเจ้าชู้เรี่ยราดจริง ๆ

ผู้อื่นจะคิดอย่างไรบ้างเนี่ย?

อิ๋นซานหยุดชะงัก ก่อนที่สองแก้มขาวเนียนของนางจะแดงก่ำขึ้นมาทันที

เฉียนเหมยกับเฉียนเจินผู้นั่งอยู่ด้านข้างเคยชินกับเหตุการณ์เช่นนี้เสียแล้ว นายท่านของพวกนางเป็นบุคคลที่มีเสน่ห์ สตรีทั่วไปจึงยากที่จะไม่ลุ่มหลงเขาได้

ส่วนซวีเชียนน่ะหรือ?

เด็กหนุ่มผู้เป็นลูกศิษย์จากสำนักกระบี่อมตะอาศัยโอกาสนี้รับประทานอาหารและเครื่องดื่มจากหอเจ็ดดาราให้ได้มากที่สุด เขาปฏิญาณตนในใจว่าจะต้องฝึกกระบี่ให้หนักหน่วงมากขึ้น ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบตัวในขณะนี้ ซวีเชียนไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย

ผ่านไป 20 ลมหายใจ

“ติ๊ง! การดาวน์โหลดเสร็จสิ้น”

“ให้ติดตั้งเลยไหมเจ้าคะ”

เสียงของผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะถามขึ้นอีกครั้ง

“ติดตั้งได้เลย”

หลินเป่ยเฉินออกคำสั่ง

ในเวลาเดียวกันนี้…

วูบ!

เสียงวัตถุบางอย่างพุ่งแหวกสายลมดังขึ้นในอากาศ

นักหลอมกระบี่เฉินเซียวเยี่ยนผู้ที่นั่งหลับตาอยู่ตลอดเวลาพลันลืมตาขึ้นมาแล้ว

ดวงตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับ

มือข้างหนึ่งของเขายกขึ้นคว้าจับอะไรบางอย่าง

กริ๊ก!

ได้ยินเหมือนเสียงสิ่งของที่ทำขึ้นจากทองคำและโลหะกระทบกัน

เฉินเซียวเยี่ยนคลายมือของตนเองออกอย่างช้า ๆ

เม็ดหมากล้อมสีดำเม็ดหนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ

“มาแล้วหรือ”

เฉินเซียวเยี่ยนรีบลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปยังโต๊ะกระดานหมากล้อมที่ตั้งอยู่กลางห้องโถงใหญ่ในโรงเตี๊ยม

โต๊ะกระดานหมากล้อมตั้งอยู่บนแท่นไม้ยกพื้นสูง เห็นได้ชัดว่าทางโรงเตี๊ยมได้เตรียมการล่วงหน้าอยู่พอสมควร พื้นผิวของโต๊ะตัวนี้ได้รับการแกะสลักเป็นลวดลายตารางวางหมาก ด้านข้างมีกล่องใส่หมากล้อมตั้งอยู่แยกเป็นกล่องสีขาวและสีดำ และแต่ละฝั่งของโต๊ะก็ตั้งเก้าอี้ไว้ฝั่งละตัว

บัดนี้ สิ่งที่ทุกคนต้องตกตะลึงก็คือไม่ทราบที่โต๊ะหมากล้อมตัวนี้ ปรากฏชายชราเสื้อผ้าเก่าขาดผู้หนึ่งมานั่งอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่

ชายชรามีผมเผ้ายุ่งเหยิงราวกับรังนก กลางแผ่นหลังสะพายไม้เท้าที่ทำขึ้นจากลำไผ่สีแดงเข้ม ข้างเอวเหน็บน้ำเต้าที่ผูกรัดเอาไว้ด้วยเชือกเส้นหนึ่ง ผมที่ยุ่งเหยิงนั้นห้อยลงมาปิดหน้าปิดตา ทำให้ยากที่จะมีผู้ใดมองเห็นได้ว่าชายชรามีหน้าตาที่แท้จริงเป็นเช่นไร

แต่เมื่อเฉินเซียวเยี่ยนเห็นชายชราผู้นี้ เขาก็แสดงความตื่นเต้นออกมา

ไม่ปรากฏร่องรอยของความเย็นชาอีกต่อไป

เฉินเซียวเยี่ยนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น แปรเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน

“มาถึงแล้ว ในที่สุดท่านก็มาถึงแล้ว…”

เฉินเซียวเยี่ยนยืนอยู่ฝั่งตะวันออกของโต๊ะหิน ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ร้อนแรง จ้องมองชายชราผมยุ่งไม่วางตา

ความตื่นเต้นและความกระวนกระวายที่เฉินเซียวเยี่ยนแสดงออกมา แทบไม่ต่างจากเจ้าสาววัยแรกแย้มที่กำลังจะถูกส่งตัวเข้าเรือนหอ

“พร้อมหรือไม่?”

ชายชราผมยุ่งถามน้ำเสียงแหบแห้ง ถ้อยคำเหมือนคนลิ้นแข็ง ฟังดูแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

“พร้อมแล้ว”

เฉินเซียวเยี่ยนร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย จังหวะที่หย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตะวันออกของโต๊ะหมากล้อม เขาก็กล่าวต่อ “พวกเราเริ่มกันได้เลย ข้าเตรียมตัวมานานมาก ข้ามีชีวิตอยู่เพื่อรอคอยวันนี้ ช่างยาวนานเหลือเกิน ครั้งนี้ข้าจะต้องเอาชนะท่านให้ได้”

ทุกคนที่นั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมต่างก็จ้องมองไปที่ชายชราผมยุ่งด้วยความสงสัย

ชายชราผู้นี้เข้ามาได้อย่างไร?

เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?

และเขาเป็นใครกันแน่?

เหตุไฉนผู้อาวุโสเฉินจึงต้องตื่นเต้นที่ได้พบเจอเขาขนาดนั้น?

หลายคนเกิดคำถามขึ้นในใจโดยไม่รู้ตัวเมื่อจ้องมองชายชราผมยุ่ง และก็ยิ่งต้องประหลาดใจมากกว่าเดิมเมื่อลองตรวจสอบพลังลมปราณที่แผ่ออกมาจากร่างกายของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งทุกคนก็ได้พบว่าชายชราผมยุ่งท่านนี้ หาได้มีพลังลมปราณไม่

แม้แต่เหยียนหรู่อี้จากคฤหาสน์กำยานก็ยังอดขมวดคิ้วไม่ได้

นางตรวจไม่พบพลังลมปราณจากร่างของชายชราเช่นกัน

ดูเหมือนเขาจะเป็นเพียงชายชราธรรมดาจริง ๆ

แต่คงมีเพียงคนโง่เท่านั้นที่หลงเชื่อ เพราะเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

“อาจารย์เจ้าคะ ตาเฒ่าผู้นี้เป็นใคร?”

หูเหม่ยเอ๋อร์ถามออกมาด้วยความสงสัย

เหยียนหรู่อี้ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “น่าจะเป็นผู้อาวุโสฉีในตำนาน”

“ผู้อาวุโสฉี?”

ซวีหวันเองก็อุทานออกมาด้วยความสงสัยเช่นกัน

เหยียนหรู่อี้รับหน้าที่อธิบายว่า “ที่ผู้อาวุโสเฉินไม่ตีกระบี่มาหลายปี ก็เกี่ยวข้องกับคนผู้นี้เช่นกัน ว่ากันว่าสมัยยุครุ่งเรือง ผู้อาวุโสเฉินทำเงินได้มากมายจากการตีกระบี่ทั่วแผ่นดินตงเต้า แขกต่างแดนจำนวนมากพร้อมทุ่มเงินให้ท่านเป็นจำนวนมหาศาล แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด หลังจากที่เล่นหมากล้อมกับผู้อาวุโสปริศนาท่านนี้ ผู้อาวุโสเฉินก็ไม่เคยตีกระบี่ให้ผู้ใดอีกเลย…”

“เขามีที่มาที่ไปเป็นอย่างไรเจ้าคะ?”

หูเหม่ยเอ๋อร์ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เหยียนหรู่อี้ส่ายหน้า และตอบว่า “ไม่มีผู้ใดทราบว่าผู้อาวุโสฉีท่านนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร นอกจากยามเล่นหมากล้อมกับผู้อาวุโสเฉินแล้ว ก็แทบไม่มีใครเคยพบเจอผู้อาวุโสฉีอีกเลย หลายสำนักถึงกับส่งคนไปสืบสวนเรื่องนี้ แต่กลับไม่เคยพบเจอเบาะแสใด ๆ ทั้งสิ้น”

ห่างออกมาไม่ไกล

หลินเป่ยเฉินกำลังนั่งจ้องมองชายชราผมยุ่งด้วยความตกตะลึง

เพราะเขาไม่รู้เลยว่าฝ่ายตรงข้ามมาปรากฏตัวขึ้นที่โต๊ะหมากล้อมตั้งแต่เมื่อไหร่

ความสามารถพิเศษเฉพาะตัว?

หรือมีความแข็งแกร่งสูงส่งชนิดที่สามารถรอดพ้นการตรวจจับของเขาไปได้?

หากเป็นอย่างหลัง อย่างน้อยก็ต้องมีพลังอยู่ในขั้นเซียนระดับเจ็ดแล้ว

หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบด้วยความกังวลบางอย่าง

เขาใช้ความคิดเล็กน้อย สุดท้ายก็นำโทรศัพท์มือถือออกมาใช้ฟังก์ชันสแกนอีกครั้ง และคราวนี้เขาต้องการสแกนข้อมูลของชายชราผมยุ่ง…

“ติ๊ง!”

‘สิ่งมีชีวิตไม่ทราบสายพันธุ์’

‘คำเตือน : ห้ามเป็นศัตรูกับคนผู้นี้เด็ดขาด’

‘คำเตือน : ห้ามเป็นศัตรูกับคนผู้นี้เด็ดขาด’

‘คำเตือน : ห้ามเป็นศัตรูกับคนผู้นี้เด็ดขาด’

ข้อความสีแดงเด้งเตือนขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์รัว ๆ สะท้อนประกายอยู่ในแววตาของหลินเป่ยเฉิน

เอาอีกแล้วไง!

หัวใจของหลินเป่ยเฉินเต้นระทึกด้วยความตื่นตระหนก

สแกนไม่ได้?

ครั้งสุดท้ายที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ก็คือตอนที่เขาเผชิญหน้ากับเหลียงหยวนเตา ผู้ปกครองมณฑลเฟิงอวี่ ซึ่งภายหลังก็ได้รับการเปิดเผยว่าเหลียงหยวนเตาเป็นสิ่งมีชีวิตจากเผ่าพันธุ์มารโลหิตปลอมตัวมานั่นเอง

แต่หลังจากที่หลินเป่ยเฉินเลื่อนขั้นพลังและโทรศัพท์ได้รับการอัปเกรด ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตชนิดใดที่โทรศัพท์มือถือจะสแกนไม่ได้อีก

ดูเหมือนว่าชายชราในชุดซอมซ่อผู้นี้… คงมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาเสียแล้ว

หลินเป่ยเฉินรีบปิดปากของตนเองและจัดชายชราผมยุ่งผู้นี้เข้าไปอยู่ในหมวดหมู่สิ่งมีชีวิตที่เขาจะไม่มีทางไปยั่วโมโหเด็ดขาด

ทันใดนั้น…

“ช้าก่อน”

ชายชราผมยุ่งที่โต๊ะหมากล้อมยกมือกอดอก เงยหน้าขึ้นมาจากกระดานหมาก และกล่าวด้วยเสียงอันแปลกประหลาดของเขาว่า “เฉินเซียวเยี่ยน เจ้ายังไม่พร้อม… จงจัดการปัญหาของเจ้าให้เรียบร้อยเสีย แล้วพวกเราค่อยมาเดินหมากกัน”