ตอนที่ 1081 สงครามชี้ชะตาในที่ราบว่างเปล่า

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

เวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับชั่วพริบตา และทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่ประตูเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ของวัน

ฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือ ฟู่ชางและคนอื่น ๆ เดินอยู่ในแนวหน้า กองทัพของผู้ที่เข้าร่วมสงครามก็เดินตามไปอย่างใกล้ชิดและปิดท้ายด้วยผู้ที่มาเพื่อรับชมสงครามครั้งใหญ่อันน่าตื่นเต้น

นอกเหนือจากขุมกำลังของดินแดนมหาเทพก็ยังมีจอมยุทธ์อิสระจำนวนหนึ่งที่มารวมตัวกันที่เมืองอู๋อั้นโดยบางส่วนเตรียมความพร้อมที่จะเข้าร่วมสงครามในขณะที่บางคนเพียงมาเพื่อรับชมเรื่องสนุก ๆ เท่านั้น

ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์อิสระเหล่านั้นก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน โดยหนึ่งหรือสองคนในนั้นมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเทียบชั้นกับฟู่ชางผู้เป็นถึงจ้าวสำนักเมฆาครามได้ไม่ยาก

การเสริมเข้ามาของคนเหล่านี้ทำให้ความแข็งแกร่งโดยรวมของฝ่ายดินแดนมหาเทพพัฒนาเพิ่มขึ้นไปอีกครั้ง

ณ ที่ราบระหว่างเมืองอู๋อั้นและชายฝั่งทะเล กองทัพของจอมยุทธ์ปีศาจเดินทางมาถึงก่อนแล้ว

แน่นอนว่าผู้ที่อยู่ในแนวหน้าเป็นเสียอวิ๋น—ผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจ ถัดจากเขาคือมังกรกระดูกดำในร่างบุรุษภายใต้เสื้อคลุมสีดำและมีบุรุษอีกคนที่ยืนอยู่ในอีกฝั่งหนึ่ง ความแข็งแกร่งของบุรุษผู้นั้นเหนือชั้นเกินหยั่งถึง อย่างไรก็ตาม เขาเพียงถือกระบี่เล่มยาวไว้ในมือด้วยท่าทางผ่อนคลายและดูเหมือนไม่มีความคิดที่จะเข้าร่วมในสงครามครานี้

ส่วนด้านหลังของทั้งสามก็คือฮวาฟางเฟยและคนอื่น ๆ

ในบรรดาคนเหล่านั้นก็มีเกือบยี่สิบคนที่ดูโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ พวกเขาสวมเกราะสีทองอร่ามซึ่งปกคลุมตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าและมองไม่เห็นแม้แต่ดวงตาด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าทหารเกราะทองเหล่านี้ก็คือผีดิบเกราะทองที่เลื่องลือนั่นเอง

กลิ่นอายที่ผีดิบเหล่านั้นแผ่ออกมาช่างเหมือนกันทุกประการราวกับพวกมันเกือบยี่สิบตนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันซึ่งทำให้ผู้พบเห็นตกตะลึงได้ตั้งแต่แวบแรก

ด้านหลังผีดิบเกราะทองเหล่านั้นคือผีดิบเกราะเงินที่แผ่กลิ่นอายไม่ต่างกัน อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของผีดิบเกราะเงินอ่อนแอกว่าอย่างเห็นได้ชัดและไม่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกกดดันมากนัก

เมื่อเห็นฉินอวี้โม่และทุกคนที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามา เสียอวิ๋นก็พุ่งออกไปปรากฏตัวตรงหน้าพวกนางทันที

“ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดวันที่เฝ้ารอก็มาถึง !”

เขาหัวเราะเสียงดังและกล่าวราวกับว่าตั้งหน้าตั้งตารอสงครามครานี้เป็นระยะเวลานาน

“ใช่ ครานี้พวกเจ้าจะไม่มีโอกาสได้ฟื้นคืนกลับมาอีก !”

ฉินอวี้โม่ตอบกลับอย่างเย็นชา การต่อสู้ในคราแรกนั้นฝ่ายของพวกนางไม่สามารถกำจัดเสียอวิ๋นไปอย่างสิ้นซากได้ เขาจึงมีโอกาสฟื้นฟูพลังและก่อความวุ่นวายในปัจจุบัน ครานี้เสียอวิ๋นจะไม่มีโอกาสนั้นอีกต่อไปและชีวิตของเขาจะต้องจบลงที่นี่อย่างแน่นอน !

“เหอะ ฉินอวี้โม่ แม้ก่อนหน้านี้ฝ่ายของดินแดนมหาเทพจะเอาชนะพวกข้าได้ แต่พวกเจ้าก็เผชิญกับความสูญเสียอย่างร้ายแรงเช่นกัน อยากเห็นนักว่าครานี้พวกเจ้าจะมีแผนการอย่างไร !”

เสียอวิ๋นแค่นเสียงเย้ยหยันและไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

การที่เขากล้าประกาศทำสงครามเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาต้องเตรียมความพร้อมไว้รอบด้านแล้ว แม้เคยเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ทว่าฝ่ายของดินแดนมหาเทพก็ได้รับผลกระทบไปอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน ทว่าปัจจุบันนี้เขาแข็งแกร่งกว่าก่อนมากและการเตรียมความพร้อมของจอมยุทธ์ปีศาจก็สมบูรณ์พร้อมมากกว่าในอดีต สำหรับการประจันหน้ากับฝ่ายดินแดนมหาเทพครานี้ พวกเขามั่นใจว่าจะคว้าชัยชนะมาได้

นอกเหนือจากนี้ก็ยังมี ‘บุรุษผู้นั้น’ อยู่

เสียอวิ๋นลอบมองไปยังบุรุษผู้นั้นซึ่งกำลังยืนอยู่ด้านข้างและไม่มีทีท่าว่าจะเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยแววตาที่แสดงถึงความมั่นใจเต็มเปี่ยม

แม้บุรุษผู้นั้นไม่มีความคิดที่จะเข้าร่วมสงคราม ทว่าเขาก็ให้คำมั่นไว้แล้วว่าหากจอมยุทธ์ปีศาจเพลี่ยงพล้ำ เขาจะยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างแน่นอน

เพราะเหตุนั้น ต่อให้ครานี้เอาชนะฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ไม่ได้จริง ๆ เสียอวิ๋นก็ไม่กังวลมากนักเนื่องจากมีบุรุษผู้นั้นคอยหนุนหลังอยู่

ไม่มีผู้ใดทราบถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของบุรุษผู้นั้นดีไปกว่าเสียอวิ๋น และเสียอวิ๋นตระหนักดีว่าต่อให้ตนเองจะมีอยู่ถึงสองคนก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะเขาได้

เพราะเหตุนั้น เสียอวิ๋นจึงกล้าเดินหน้าประกาศสงครามก่อนกำหนดเวลาโดยไม่กังวลเกี่ยวกับฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือและคนอื่น ๆ เท่าใดนัก

“เอาล่ะ หยุดพล่ามไร้สาระเสียที มาเริ่มกันเถอะ !”

ฉินอวี้โม่สังเกตเห็นสายตาของเสียอวิ๋นและชำเลืองมองไปที่บุรุษผู้นั้นเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหานโม่ฉือพยักศีรษะเบา ๆ ให้กับนาง นางก็ยืนยันตัวตนของบุรุษลึกลับข้างกายผู้นำจอมยุทธ์ปีศาจได้ทันที

อย่างไรก็ตาม สีหน้าของนางก็ไม่แสดงถึงความตื่นตระหนกใด ๆ แม้ว่าจะมีคนของเผ่าปีศาจปรากฏอยู่ที่นี่ พวกนางก็ยังสงบนิ่งใจเย็นเช่นเดิม

เพราะถึงอย่างไรก็ใช่ว่าหานโม่ฉือจะจัดการกับบุรุษผู้นั้นไม่ได้ เพียงแต่เขาจะต้องแลกมาด้วยต้นทุนที่สูงพอสมควร อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่เอาชนะสงครามครานี้ได้ การที่ต้องยอมแลกด้วยต้นทุนบางอย่างก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่มากเกินไป

“ฉินอวี้โม่ ข้ามาที่นี่เพื่อที่จะสู้กับเจ้า !”

ฮวาฟางเฟยผู้ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังไม่รอให้เสียอวิ๋นกล่าวต่อและตรงออกมาข้างหน้าเพื่อท้าดวลกับฉินอวี้โม่อย่างไม่ลังเล

คราก่อนนางเกือบพ่ายแพ้ต่อฉินอวี้โม่อย่างราบคาบซึ่งเป็นสถานการณ์ที่อัปยศอดสูอย่างที่สุด ในช่วงที่ผ่านมา นางก็หมั่นฝึกวิชาอย่างจริงจังและพัฒนาความแข็งแกร่งให้ได้มากที่สุดเพียงเพื่อที่จะเอาชนะและเหยียบย่ำฉินอวี้โม่ในสงครามชี้ชะตาครานี้

เพราะเหตุนั้น นางจึงไม่ลังเลที่จะประกาศศึกกับฉินอวี้โม่อย่างเปิดเผย

“ตามที่เจ้าปรารถนา !”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะตอบรับและเรียกอสูรมายาของตนออกมาขณะก้าวตรงเข้าไปประจันหน้ากับฮวาฟางเฟยทันที

สมาชิกฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจคนอื่น ๆ ก็เหาะออกมาเพื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นกัน

ภายในชั่วพริบตา ที่ราบว่างเปล่าที่เคยสงบสุขก็เปลี่ยนกลายเป็นสมรภูมิรบที่โกลาหลวุ่นวาย

“เหอะ มังกรกระดูกดำ ครานี้เทพผู้นี้จะเปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นโครงกระดูกไร้ชีวิต !”

ซิวแค่นเสียงเย็นชาและเหาะตรงขึ้นไปเหนือสุดของน่านฟ้าเพื่อประจันหน้ากับมังกรกระดูกดำ

ทั้งสองเป็นศัตรูคู่อาฆาตต่อกันและมีความแข็งแกร่งในระดับที่ไล่เลี่ยกัน สงครามชี้ชะตาครานี้ถือเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าซิวจะได้ดูดกลืนพลังของมังกรกระดูกดำหรือมังกรกระดูกดำเป็นฝ่ายที่ได้ดูดกลืน ความแข็งแกร่งของผู้ชนะจะพัฒนาขึ้นอย่างมากและบรรลุไปสู่ระดับที่สูงกว่าอย่างแน่นอน

เพราะเหตุนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงให้ความสำคัญกับการประจันหน้าครานี้เป็นอย่างมาก

ก่อนหน้านี้ซิวก็รับมือกับมังกรกระดูกดำได้อย่างจวนเจียนเท่านั้นและไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ ทว่าการบ่มเพาะฝึกวิชาในช่วงที่ผ่านมาทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นมากและจะกำราบมังกรกระดูกดำได้อย่างแน่นอน

เมื่อความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุดในครานี้ อสูรมายาอื่น ๆ ของนางไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ แม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของซิวซึ่งเป็นอสูรมายาแห่งโชคชะตาของนางกลับพัฒนาขึ้นมาก ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มันก็เก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวเพื่อบ่มเพาะพลังและประสิทธิภาพในการต่อสู้ของมันก็พัฒนาขึ้นมาถึงหนึ่งในสิบส่วน

“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?! เหตุใดพลังการต่อสู้ของเจ้าถึงพัฒนาขึ้นมามากเช่นนี้ ?!”

สีหน้าของมังกรกระดูกดำบิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด มันคิดไม่ถึงเลยว่าซิวจะมีพัฒนาการที่รวดเร็วเช่นนี้ภายในเวลาเพียงสั้น ๆ

การประจันหน้าครั้งล่าสุดระหว่างทั้งสองเพิ่งผ่านมาเพียงไม่นาน แม้ซิวจะหมั่นฝึกวิชา มังกรกระดูกดำเองก็มิได้อยู่เฉย มันได้ดูดกลืนพลังความมืดเข้าไปจำนวนมากและความแข็งแกร่งของมันก็พัฒนาพอสมควร อย่างไรก็ตาม ครานี้ซิวกลับกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบตั้งแต่ต้นซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าพัฒนาการของซิวในช่วงที่ผ่านมาเหนือกว่ามันมาก

“เหอะ เทพผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังคงเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่อยู่วันยังค่ำ มังกรกระดูกดำที่ต่ำต้อยอย่างเจ้าคิดจะสู้กับเทพอสูรอย่างข้างั้นรึ ? ฝันไปเถอะ !”

ซิวกล่าววาจาเหยียดหยามและปลดปล่อยกระบวนท่าที่ทรงพลังตรงไปที่มังกรกระดูกดำจนมันกระเด็นถอยหลังออกไปในสภาพที่น่าเห็นใจ

“คิดจะเอาชนะข้างั้นรึ ? ฝันไปเถอะ !”

มังกรกระดูกดำก็ไม่ยอมแสดงความหวาดหวั่นออกมาง่าย ๆ มันตะโกนกร้าวและปลดปล่อยพลังทั้งหมดภายในร่างกายออกมาก่อนพุ่งเข้าไปต่อสู้กับซิว

การต่อสู้ระหว่างอสูรทรงพลังทั้งสองติดอยู่ในสภาวะจนมุมซึ่งไม่มีฝ่ายใดชนะหรือพ่ายแพ้ในช่วงสั้น ๆ

ฟู่ชางและคนอื่น ๆ ก็เลือกประจันหน้ากับผีดิบเกราะทองที่ทรงพลังที่สุดในขณะที่คนที่เหลือก็มีคู่ต่อสู้ของตนเองอยู่เช่นกัน เรียกได้ว่าในเวลานี้ การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดอย่างยิ่ง

“เสียอวิ๋น เรามาสู้กันเถอะ !”

หานโม่ฉือเดินตรงเข้าไปหยุดตรงหน้าเสียอวิ๋นและกล่าวอย่างเย็นชา

ทันทีที่หยุดตรงหน้าเสียอวิ๋น หานโม่ฉือก็ดึงดูดความสนใจของบุรุษจากโลกปีศาจ ทว่าบุรุษผู้นั้นก็เพียงกวาดสายตามองเขาชั่วขณะก่อนละสายตาไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่สามารถรับรู้ถึงพลังที่ซ่อนไว้ในร่างกายของหานโม่ฉือได้เลย

หานโม่ฉือยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย นี่คือผลลัพธ์ที่เขาต้องการ เวลานี้เขาเพียงต้องเอาชนะเสียอวิ๋นให้ได้เสียก่อนและค่อยจัดการกับบุรุษผู้นั้นเป็นลำดับต่อไป !