ตอนที่ 1080 สงครามที่ใกล้มาถึง

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ภายในชั่วพริบตา เวลาก็ล่วงเลยมาจนเหลือเวลาเพียงสามวันก่อนถึงสงครามชี้ชะตา

ในฝั่งของดินแดนมหาเทพ ทุกคนปรับสภาวะพลังของตนเองให้มั่นคงในระดับที่เต็มประสิทธิภาพที่สุดแล้ว ฉินอวี้โม่เองก็พัฒนาข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพจนบรรลุถึงขั้นสูง หากฮวาฟางเฟยติดอยู่ในวงล้อมของข่ายอาคมนี้อีกครา ต่อให้ไม่สามารถกำจัดนางได้อย่างสิ้นซาก การทำให้บาดเจ็บสาหัสก็มิใช่เรื่องยาก

อวิ๋นซื่อเทียนก็หลอมระเบิดพลังมายาขึ้นมากว่าสองร้อยลูกและได้แจกจ่ายให้กับทุกคนที่มีความสนิทสนมต่อกันเพื่อให้พวกเขาหาจังหวะสร้างผลกระทบที่ร้ายแรงต่ออีกฝ่ายในระหว่างสงคราม

ความแข็งแกร่งของคนอื่น ๆ ก็มีการพัฒนาขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด หลงเพ่ยเอ๋อร์และอีกหลายคนที่มากพรสวรรค์อยู่แล้วได้ทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุดและมีพลังในการต่อสู้ที่แกร่งกล้าอย่างมาก

ในบรรดาคนเหล่านี้ เพียงผู้เดียวที่ไม่มีการพัฒนาที่เด่นชัดก็คือหานโม่ฉือ

เพราะถึงอย่างไร พลังความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ก็ล้ำลึกเกินหยั่งถึงแล้วและเวลาเพียงหนึ่งเดือนไม่เพียงพอสำหรับการทะลวงพลังให้สำเร็จ

นอกเหนือจากการฝึกวิชาเป็นครั้งคราว เขาก็เลือกที่จะอยู่เคียงข้างฉินอวี้โม่เป็นส่วนใหญ่และดูจะไร้ความกังวลอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม ผู้นำขุมกำลังใหญ่ทั้งหลายล้วนมีความเคารพต่อหานโม่ฉืออย่างมาก ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของเขาได้เป็นอย่างดี

แม้ฟู่ชางและคนอื่น ๆ จะแก่ชรากว่าหานโม่ฉือมากนัก แต่เขาและบุคคลระดับสูงอีกหลายคนก็เคารพในความสามารถของหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่อย่างเห็นได้ชัด

ในเวลานี้ บรรดาผู้นำของขุมกำลังทั้งหมดก็มารวมตัวกันที่จวนเจ้าเมืองอู๋อั้นเพื่อหารือถึงการเตรียมการต่อไป

“ความแข็งแกร่งโดยรวมของฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจไม่ด้อยไปกว่าเรามากนัก คู่ต่อสู้ที่จัดการได้ยากที่สุดคือเสียอวิ๋น มังกรกระดูกดำ รวมถึงกองกำลังผีดิบเกราะทอง ถัดจากนั้นก็คือบรรดาผู้อาวุโสของจอมยุทธ์ปีศาจและกลุ่มของฮวาฟางเฟย”

ในช่วงหนึ่งเดือนนี้ พวกเขาส่งคนออกไปสืบข่าวและรวบรวมข้อมูลของจอมยุทธ์ปีศาจได้มากพอสมควร และความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขาแทบไม่แตกต่างไปจากฝ่ายดินแดนมหาเทพเลย

แน่นอนว่าผู้ที่รับมือได้ยากที่สุดก็คือเสียอวิ๋นซึ่งหานโม่ฉือจะรับหน้าที่ในการจัดการกับเขา ในขณะที่มังกรกระดูกดำก็เป็นศัตรูที่คาดว่าบรรดาอสูรของฉินอวี้โม่จะสามารถเอาชนะได้ ส่วนคนอื่น ๆ ที่เหลือจะแยกย้ายกันออกไปเพื่อรับมือกับศัตรูที่เหลือ ซึ่งสถานการณ์ของพวกเขาก็ไม่ถือว่าเลวร้ายนัก

อย่างไรก็ตาม ตัวแปรสำคัญที่สุดในสงครามครานี้คือบรรดาผีดิบเกราะทองของจอมยุทธ์ปีศาจ

ผีดิบเกราะทองของจอมยุทธ์ปีศาจคือซากศพของผู้ทรงพลังที่ถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมาด้วยวิธีการพิเศษ หลายปีที่ผ่านมานี้ จอมยุทธ์ปีศาจได้รวบรวมซากศพของจอมยุทธ์มากฝีมือจำนวนมากและใช้วิธีการพิเศษเพื่อฟื้นคืนชีพพวกเขาขึ้นมาและเสริมความแข็งแกร่งให้กับขุมกำลังตนเอง จากข่าวที่ได้รับมา เกรงว่าผีดิบที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาในตอนนี้ แม้แต่เสียอวิ๋นก็ไม่สามารถรับประกันชัยชนะได้เต็มร้อย

แม้ผีดิบเกราะทองเหล่านี้จะมีจำนวนเพียงไม่มาก ทว่าแต่ละตนก็มีพลังมากพอที่จะรับมือกับคู่ต่อสู้ได้นับร้อย

นอกเหนือจากผีดิบเกราะทองเหล่านี้ ฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจก็ยังมีผีดิบเกราะเงินจำนวนนับร้อยที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าจอมยุทธ์ราชาเซียนขั้นสูงสุด

สิ่งที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าคือการที่ผีดิบเกราะทองและผีดิบเกราะเงินเหล่านี้ล้วนไม่เกรงกลัวต่อความตายและไม่สะทกสะท้านต่อความเจ็บปวดใด ๆ เพราะเหตุนั้น หากต้องต่อสู้กับพวกมัน ทุกคนในฝ่ายดินแดนมหาเทพจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน

“นอกเหนือจากความแข็งแกร่งด้านการต่อสู้ที่เป็นที่ประจักษ์ชัดเจน พวกเขาก็ควรจะมีไพ่ตายอื่นซ่อนไว้มากพอสมควร ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ซ่อนไว้อย่างมิดชิดทีเดียวและเราไม่สามารถสืบหาข้อมูลได้เลย”

ฟู่ชางกล่าวต่ออย่างไม่แปลกใจนักเพราะหากถูกค้นพบได้ง่ายดาย มันก็คงไม่ถูกเรียกว่า ‘ไพ่ตาย’ ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้สืบทราบว่าอีกฝ่ายมีไพ่ตายใดบ้าง มันก็อาจเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ไม่มากนัก ไพ่ตายที่จอมยุทธ์ปีศาจจะใช้ในสงครามครานี้ พวกเขาจะทราบอย่างแน่ชัดก็ต่อเมื่อถึงสงครามจริงเท่านั้น

ทุกคนพยักศีรษะแสดงความเข้าใจ การที่ฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจมีไพ่ตายอยู่ ฝ่ายดินแดนมหาเทพของพวกเขาก็มีอยู่เช่นกัน ไพ่ตายของทั้งสองฝ่ายจะถูกนำมาเปิดเผยก็ต่อเมื่อสงครามมาถึง และเมื่อถึงตอนนั้น มันจะสามารถกำหนดทิศทางของสงครามและผู้ชนะได้

อย่างไรก็ตาม ทั้งฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ในการประจันหน้าคราก่อน พวกนางสามารถเอาชนะจอมยุทธ์ปีศาจได้สำเร็จและครานี้ก็ไม่ต่างกัน ยิ่งไปกว่านั้น ความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นจะไม่เกิดซ้ำสองอีก ครานี้พวกนางจะเอาชนะจอมยุทธ์ปีศาจโดยที่ไม่มีผู้ใดต้องเสี่ยงชีวิตและจะสะสางวิกฤตของดินแดนมหาเทพได้ในที่สุด

“เราจะแบ่งกันรับมือและควบคุมสถานการณ์ของคู่ต่อสู้ให้ได้ ชัยชนะที่แท้จริงขึ้นอยู่กับการต่อสู้กับเสียอวิ๋น โม่ฉือ…เจ้ามั่นใจหรือไม่ว่าจะเอาชนะเสียอวิ๋นได้ ?”

เขามองไปที่หานโม่ฉือและเอ่ยถามเป็นการยืนยัน หากหานโม่ฉือเอาชนะเสียอวิ๋นได้สำเร็จ ฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจก็ไม่มีโอกาสคว้าชัยชนะในสงครามครานี้อย่างแน่นอน

ในทางตรงกันข้าม หากควบคุมเสียอวิ๋นไว้ไม่ได้ ฝ่ายดินแดนเทพมายาจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน

“เรื่องนี้มิใช่ปัญหา”

หานโม่ฉือมีความมั่นใจถึงเก้าในสิบส่วน ทว่ายังไม่กล้ารับประกันเต็มร้อย ถึงอย่างไรเขาก็จะต้องซ่อนพลังดั้งเดิมของเขาไว้เป็นอย่างดีเพื่อมิให้คนของโลกปีศาจค้นพบได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขากังวลก็คือการที่เขาเปิดเผยพลังออกไปคราก่อนและทำให้สมาชิกของโลกปีศาจรับรู้ได้จนถึงขั้นเดินทางมาที่นี่ หากเขาใช้พลังนั้นออกมาอีกครั้ง บุรุษผู้นั้นจะต้องสัมผัสถึงมันได้อย่างแน่นอนและการรับมืออาจไม่ง่ายนัก

“นั่นเป็นเรื่องที่ดี”

แม้ฟู่ชางจะแข็งแกร่งมาก ทว่าเขาก็ไม่ทรงพลังมากพอที่จะมีโอกาสเอาชนะเสียอวิ๋นได้ ในบรรดาทุกคนเหล่านี้ หานโม่ฉือเป็นเพียงคนเดียวที่มีศักยภาพในการเอาชนะผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจ ตราบใดที่เขามั่นใจ การจัดการกับคนอื่น ๆ ก็มิใช่เรื่องที่น่ากังวล

“ผีดิบเกราะทองเหล่านั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตาแก่อย่างพวกเราเอง”

เขามองไปที่จ้าวสำนักเบิกภูผาและเสนอที่จะรับหน้าที่จัดการกับผีดิบเกราะทองของจอมยุทธ์ปีศาจเอง

ผีดิบเกราะทองมีจำนวนที่ไม่มากนักโดยที่มีเพียงสิบเจ็บหรือสิบแปดตนเท่านั้น แม้ฟู่ชางและคนอื่น ๆ จะเอาชนะเสียอวิ๋นไม่ได้ พวกเขาก็แข็งแกร่งพอที่จะรับมือนักรบผีดิบเหล่านั้นได้อย่างไม่เป็นปัญหา

ส่วนฮวาฟางเฟยและคนอื่น ๆ ที่เหลือก็ไม่ถือว่ารับมือได้ยากจนเกินไป

อวิ๋นซื่อเทียนและเซิ่งเซียวก็แสดงความสนใจที่จะต่อสู้กับผีดิบเกราะทองเช่นกัน ด้วยความแข็งแกร่งที่มี พวกนางสามารถเอาชนะพวกมันได้ไม่ยาก ยิ่งไปกว่านั้น อวิ๋นซื่อเทียนก็มีระเบิดพลังมายาซึ่งทำให้มีข้อได้เปรียบอยู่

คนอื่น ๆ ก็ได้เลือกคู่ต่อสู้ของตนเองเช่นกัน และครานี้ฉินอวี้โม่จะต่อสู้กับฮวาฟางเฟยเช่นเดิม

ในการประจันหน้ากันก่อนหน้านี้ นางยังไม่สามารถสังหารฮวาฟางเฟยได้ ทว่าครานี้ ฉินอวี้โม่มั่นใจว่าจะกำจัดอีกฝ่ายได้ด้วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น การที่มารดาของนางหายตัวไปในอดีต มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฮวาฟางเฟยอย่างแน่นอน ครานี้ฉินอวี้โม่จะได้สะสางความบาดหมางทั้งหมดเสียที

บรรดาผู้นำของสำนักห้าขุนเขา นิกายเมฆาล่องลอยและนิกายเต่าดำก็มีคู่ต่อสู้ที่ได้รับมอบหมายแล้วเช่นกัน เพราะเหตุนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่ต้องกังวล

“เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันไปเตรียมตัวเถอะ เราจะรวมตัวกันอีกครั้งในอีกสามวันข้างหน้า”

หลังจากเตรียมการและหารือกัน ฟู่ชางก็บอกให้ทุกคนแยกย้ายกันเพื่อเตรียมความพร้อมในส่วนของตนอีกครา

สมรภูมิรบสำหรับสงครามชี้ชะตาคือที่ราบระหว่างเมืองอู๋อั้นและชายฝั่งทะเล ในอีกสามวัน ทุกคนจะเดินทางไปที่นั่นด้วยกันเพื่อรอการมาถึงของฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจ

ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปในขณะที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมุ่งหน้าเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว

“บุรุษผู้นั้นของเผ่าปีศาจจะมาด้วยรึไม่ ?”

ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ถึงความกังวลใจของหานโม่ฉือและจับมือเขาเบา ๆ พร้อมเอ่ยถาม

“ไม่ต้องกังวลหรอก ข้าเพียงรู้สึกถึงกลิ่นอายที่ทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดเท่านั้น บางทีบุรุษผู้นั้นอาจจะปรากฏตัวในระหว่างสงครามก็เป็นได้”

หานโม่ฉือกล่าวเพื่อมิให้ฉินอวี้โม่เป็นกังวลและยืนยันว่าเขาเตรียมความพร้อมสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว

หากบุรุษผู้นั้นปรากฏตัวจริง หานโม่ฉือจะลงมือสังหารอีกฝ่ายด้วยพลังทั้งหมดที่มีอย่างแน่นอน เผ่าปีศาจคงจะส่งบุรุษผู้นั้นมาตรวจดูสถานการณ์ที่นี่เพียงคนเดียวเท่านั้นและการสังหารเขาจะช่วยคลี่คลายวิกฤตได้ชั่วคราว หลังจากที่สงครามครานี้สิ้นสุดลง หานโม่ฉือก็จะกลับไปที่โลกปีศาจด้วยตัวเองและสะสางปัญหาทั้งหมดอีกครั้ง

ในเวลานี้ แววตาของหานโม่ฉือแสดงถึงจิตสังหารที่รุนแรงซึ่งทำให้ฉินอวี้โม่รับรู้ได้และนางไม่เอ่ยถามสิ่งใดอีกต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น…นางก็จะอยู่เคียงข้างหานโม่ฉือเพื่อฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างไปด้วยกัน