ภายในจวนเจ้าเมือง ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาและนั่งเรียงรายทั้งสองฝั่งในขณะที่ตำแหน่งบัลลังก์หลักยังคงถูกเว้นว่างไว้
เมื่อฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เดินเข้า ทุกคนในห้องโถงก็ลุกขึ้นยืนและทักทายทันที
“สหายน้อยอวี้โม่ เจ้าและโม่ฉือนั่งลงที่บัลลังก์หลักเถอะ”
ฟู่ชางกล่าวขึ้นก่อนเพื่อเชิญให้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือนั่งลงในตำแหน่งบัลลังก์ที่เว้นว่างไว้
พวกเขาตระหนักถึงความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือเป็นอย่างดี และแม้แต่ฟู่ชางเองก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของหานโม่ฉือ
แม้ความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่จะไม่น่าหวาดหวั่นเท่าหานโม่ฉือ ทว่านางก็มีไพ่ตายมากมายและมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง เพราะเหตุนั้นจึงไม่มีผู้ใดคัดค้านกับการที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะได้เป็นผู้ที่นั่งในบัลลังก์หลัก
ฮวาเยว่และคนอื่น ๆ ก็เดินตรงไปยังตำแหน่งที่เป็นของนิกายหมื่นบุปผาและนั่งลง ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใดขณะเดินไปนั่งบนบัลลังก์หลักอย่างว่าง่าย
“ทุกคน ตอนนี้สมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจกำลังรวมตัวกันที่น่านน้ำนอกชายฝั่งและคงจะกำลังวางแผนโจมตีเรา ข้าขอเสนอให้ฝ่ายเราส่งจดหมายท้ารบไปให้กับพวกเขาและกำหนดสถานที่ต่อสู้ในพื้นที่โล่งซึ่งไกลจากตัวเมืองประมาณหนึ่งร้อยลี้เพื่อมิให้บรรดาผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบจากสงครามครานี้ด้วย”
ฟู่ชางกล่าวข้อเสนอออกมาทันที อันที่จริง ทุกคนได้หารือกันก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้เขาเพียงต้องการทราบความเห็นของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเท่านั้น
“ไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะ หากข้าคาดเดาไม่ผิด อีกไม่นานเสียอวิ๋นคงจะให้คนส่งจดหมายท้ารบมาหาเราก่อน”
ฉินอวี้โม่โบกมือเบา ๆ และคิดว่าไม่จำเป็นที่ฝ่ายพวกนางจะต้องส่งจดหมายท้ารบด้วยซ้ำ จากความเข้าใจที่นางมีเกี่ยวกับผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจอย่างเสียอวิ๋น หากต้องการทำสงคราม เขาจะส่งจดหมายท้ารบมาอย่างแน่นอน
สิ่งที่เสียอวิ๋นต้องการคือการโค่นล้มอำนาจของดินแดนมหาเทพและยึดครองดินแดนมาเป็นของตนเอง มิใช่การทำลายดินแดนมหาเทพให้กลายเป็นผุยผง เพราะเหตุนั้น เขาจึงไม่ต้องการให้ดินแดนมหาเทพเกิดความเสียหายมากจนเกินไป
เป็นจริงดังที่ฉินอวี้โม่กล่าวไว้ ในเวลานี้จู่ ๆ ใครคนหนึ่งก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาจากข้างนอกพอดิบพอดี
“ท่านจอมยุทธ์ขอรับ จอมยุทธ์ปีศาจส่งจดหมายท้ารบมาถึงพวกเราแล้วขอรับ”
คนผู้นั้นถือสาสน์ฉบับหนึ่งในมือซึ่งเป็นจดหมายท้ารบที่จอมยุทธ์ปีศาจส่งมานั่นเอง
คาดว่ามีสมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจจับตาดูสถานการณ์ที่เมืองอู๋อั้นอยู่ตลอดเวลาและเมื่อรับรู้ว่าคณะของฉินอวี้โม่มาถึง พวกเขาจึงส่งจดหมายดังกล่าวมาทันที
ทุกคนอ่านเนื้อความในจดหมายและพบว่าเป็นเพียงประโยคที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน นั่นคือพวกเขาปรารถนาที่จะต่อสู้กับฝ่ายดินแดนมหาเทพ ณ ที่ราบระหว่างเมืองอู๋อั้นและชายฝั่งทะเลในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
เมื่อเวลานั้นมาถึง จอมยุทธ์ปีศาจจะใช้ไพ่ตายทั้งหมดที่มีและไม่มีทางยั้งมืออย่างแน่นอน และแน่นอนว่าทุกคนในฝ่ายดินแดนมหาเทพก็จะเตรียมพร้อมรับมือกับมัน
“อีกหนึ่งเดือนรึ ?”
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมองหน้ากันทันที การที่เสียอวิ๋นต้องการถ่วงเวลาอีกหนึ่งเดือนเช่นนี้จะต้องเป็นเพราะเขากำลังเตรียมความพร้อมบางอย่างอยู่เป็นแน่ อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเองก็ไม่รีบร้อนที่จะต่อสู้ ฝ่ายดินแดนมหาเทพเองก็สามารถใช้ประโยชน์จากเวลาอีกหนึ่งเดือนนี้เพื่อเตรียมความพร้อมให้มั่นใจมากยิ่งขึ้น
สงครามชี้ชะตามิใช่เป็นเพียงการต่อสู้ระหว่างสองขุมกำลัง หากแต่เป็นการเผชิญหน้าระหว่างบุคคลสำคัญระดับสูงของทั้งสองฝ่าย ส่วนการคว้าชัยชนะนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าของฝ่ายใดจะได้เปรียบเหนือกว่า ส่วนการต่อสู้ของสมาชิกคนอื่น ๆ ทั้งหมดมิใช่เรื่องที่สลักสำคัญนักและไม่สามารถกำหนดผลลัพธ์ของสงครามได้
ความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ในตอนนี้อยู่ในขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุดและไม่มีทางที่จะทะลวงพลังได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างไรก็ตาม นางสามารถใช้เวลาหนึ่งเดือนนี้เพื่อพัฒนาข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพต่อไป เมื่อสงครามมาถึงและได้ประจันหน้ากับฮวาฟางเฟยอีกครั้ง ฉินอวี้โม่ก็ไม่เพียงแต่จะควบคุมหรือกักขังอีกฝ่ายได้เท่านั้น ทว่ามั่นใจว่าจะปลิดชีวิตคู่ต่อสู้ได้อย่างแน่นอน
สภาวะพลังของคนอื่น ๆ ก็บรรลุถึงระดับที่พร้อมสำหรับการต่อสู้แล้ว ทว่าก็ยังด้อยกว่าทั้งสองอยู่เล็กน้อย เพราะเหตุนั้น พวกเขาจึงสามารถใช้ประโยชน์จากเวลาหนึ่งเดือนนี้เพื่อบ่มเพาะพลังของตนให้คงที่ในระดับที่พร้อมสำหรับการต่อสู้มากที่สุด
“เฮ้ ข้าจะหลอมระเบิดพลังมายาเพิ่มสักหน่อยและทำให้จอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นเผชิญกับความเสียหายอย่างรุนแรง ฮ่า ๆ ๆ”
อวิ๋นซื่อเทียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม เมื่อไม่กี่วันก่อน นางได้เก็บรวบรวมวัตถุดิบไว้เป็นจำนวนมากและเพียงพอสำหรับการหลอมระเบิดพลังมายาได้กว่าหลายร้อยลูก
ทุกคนที่รู้จักนางล้วนตระหนักถึงพลังของระเบิดพลังมายาเป็นอย่างดี ในการต่อสู้ที่จะถึง ระเบิดเหล่านั้นอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้
“ถ้าเช่นนั้นเราก็ตอบรับคำท้าของจอมยุทธ์ปีศาจได้เลย ในช่วงนี้ทุกคนจงเก็บตัวอยู่ในเมืองอู๋อั้นและบ่มเพาะพลังให้อยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์แบบที่สุด นอกจากนี้ เราจะส่งคนไปสืบข้อมูลของจอมยุทธ์ปีศาจเพื่อดูว่าพวกเขามีไพ่ตายใดซ่อนไว้บ้าง”
ฟู่ชางตัดสินใจทันทีและส่งให้คนส่งสาสน์กลับไปยังจอมยุทธ์ปีศาจเพื่อตอบรับคำท้า
หลังจากหารือเพิ่มเติมเล็กน้อยและทุกคนแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน ฉินอวี้โม่ก็เรียกรวมตัวเฉพาะกลุ่มคนที่สนิทสนมเพื่อเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว
สำหรับเวลาหนึ่งเดือนของโลกภายนอก นางสามารถปรับกระแสเวลาในคฤหาสน์เฟิงหัวให้เป็นเวลาได้มากเกือบสามปี ในช่วงสามปีนี้ คาดว่าพลังของหลายคนที่ติดอยู่ในสภาวะคอขวดจะมีโอกาสทะลวงพลังได้สำเร็จ
ฉินอวี้โม่เองก็แยกตัวออกไปเพื่อเริ่มพัฒนาประสิทธิภาพของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพเช่นกัน
ในขณะเดียวกัน หานโม่ฉือกลับปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างสบาย ๆ และผ่อนคลายอย่างมาก ความแข็งแกร่งเดิมของเขาในอดีตฟื้นคืนกลับมาพอสมควรแล้วและไม่มีสิ่งใดที่จะพัฒนาได้ในช่วงนี้ สิ่งเดียวที่เขาต้องทำคือการผสานวิชายุทธ์ที่สั่งสมมาให้เข้ากับพลังดั้งเดิมของตนเพื่อที่จะสามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์และไม่เปิดเผยพลังของเผ่าปีศาจออกไปในสงครามชี้ชะตา ถึงอย่างไรแล้วความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันก็ยังอยู่ในระดับที่อ่อนแอพอสมควรหากต้องเผชิญหน้ากับสมาชิกจากเผ่าปีศาจ
ตลอดเวลาครึ่งเดือนต่อมา ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็เก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวและไม่เคยออกมาปรากฏตัวในโลกภายนอก
สถานการณ์นอกคฤหาสน์เฟิงหัวก็ดำเนินไปอย่างสงบราบรื่น ฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจยังคงประจำการอยู่ที่น่านน้ำนอกชายฝั่งและคนส่วนใหญ่ของฝ่ายดินแดนเทพมายาก็เก็บตัวอยู่ในเมืองอู๋อั้น ทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้น ส่งผลให้สถานการณ์ทุกอย่างเงียบสงบอย่างยิ่ง
ผู้คนในดินแดนมหาเทพรับรู้ได้ถึงพายุที่กำลังก่อตัวเช่นกันและจอมยุทธ์อิสระหลายคนก็ปรากฏตัวที่เมืองอู๋อั้นเพื่อเข้าร่วมในสงครามที่กล่าวได้ว่าจะเป็นสงครามครั้งประวัติศาสตร์ของดินแดนครานี้…
ในฝั่งของจอมยุทธ์ปีศาจ ตอนนี้ความแข็งแกร่งของฮวาฟางเฟยและคนอื่น ๆ พัฒนาขึ้นอีกครั้ง จอมยุทธ์ปีศาจมีวิธีการพิเศษมากมายที่สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วและกระตุ้นศักยภาพสูงสุดออกมา อย่างไรก็ตาม วิธีการพิเศษเหล่านั้นก็มีผลเสียเช่นกัน หากศักยภาพสูงสุดถูกกระตุ้นออกมา แม้ความแข็งแกร่งของคนเหล่านั้นจะพัฒนาขึ้นอย่างมากในช่วงเวลาสั้น ๆ ทว่ามันจะส่งผลกระทบต่อรากฐานพลังของพวกเขาในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม เพื่อสงครามชี้ชะตาในครานี้ ฮวาฟางเฟยและคนอื่น ๆ ก็ไม่สนใจสิ่งอื่นใดนัก ในเมื่อเข้าร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจแล้ว พวกนางก็ตระหนักดีว่าจะพ่ายแพ้สงครามครานี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด มิฉะนั้น ไม่ต้องกล่าวถึงกรณีที่พวกนางต้องตายด้วยซ้ำ ต่อให้รอดชีวิตในตอนสุดท้าย พวกนางก็จะไม่มีที่ยืนในดินแดนมหาเทพอีกต่อไป
เพราะเหตุนั้น คนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะใช้วิธีการพิเศษนี้เพื่อพัฒนาพลังความแข็งแกร่งของตนเอง ตอนนี้ก็เรียกได้ว่าความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกนางเหนือชั้นกว่าฝ่ายดินแดนมหาเทพเสียอีก
ภายในลานกว้างใกล้ชายฝั่ง มังกรกระดูกดำได้เรียกรวมตัวคนกลุ่มหนึ่งอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา นอกเหนือจากผู้อาวุโสหลายคนของจอมยุทธ์ปีศาจก็ยังมีจอมยุทธ์ผู้แข็งแกร่งจากหลายขุมกำลังของดินแดนมหาเทพที่ยอมจำนนต่อขุมกำลังชั่วร้ายนี้
“ท่านมังกรกระดูกดำ ท่านผู้นำจะออกมาเมื่อใดหรือ ?”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยถาม อันที่จริงก่อนหน้านี้เสียอวิ๋นได้เก็บตัวบ่มเพาะพลังมาพักใหญ่แล้ว และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา
เขากล่าวไว้ว่าจะทะลวงพลังสำเร็จภายในหนึ่งเดือน และเมื่อถึงตอนนั้น โอกาสคว้าชัยชนะของฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจก็จะเพิ่มขึ้นมาก เพราะเหตุนั้นสงครามชี้ชะตาจึงถูกกำหนดไว้ในหนึ่งเดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็กังวลกันไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าเสียอวิ๋นยังไม่ปรากฏตัวออกมา พวกเขาไม่อาจควบคุมความสงบนิ่งใจเย็นไว้ได้เลย
.
.