ตอนที่ 1120: นักฆ่าของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ มดทะยานฟ้า

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1120: นักฆ่าของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ มดทะยานฟ้า

เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาหลังจากที่เขาสังหารมังกรอสรพิษได้ในที่สุด หลังจากนั้นเขาก็พลิกอาวุธของเขาขึ้นมาและวัตถุที่เปื้อนเลือดก็พุ่งออกมาจากหัวของมังกรอสรพิษ มันร่อนลงบนมือของเจี้ยนเฉิน

นี่เป็นหินฟ้าสะเทือนในมังกรอสรพิษ มันสามารถเก็บพลังของเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 และสร้างการโจมตีที่ระดับนั้นได้ มันแย่กว่าหินหยกเพลิงที่เขาได้มาจากประธานของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เจี้ยนเฉินเก็บหินฟ้าสะเทือนและยุทธภัณฑ์จักรพรรดิลงไปในแหวนมิติก่อนที่จะนั่งลงใกล้ ๆ แสงสีขาวนวลเปล่งรัศมีออกมาจากเขา ในขณะที่เขาใช้พลังงานดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสงที่เหลืออีกครึ่งสายในการรักษาตัวเอง เขาจำเป็นต้องฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

รูใหญ่ที่เกิดจากฟันของมังกรอสรพิษนั้นฟื้นฟูด้วยอัตราที่มองเห็นได้ เนื้อของเขากำลังเกิดขึ้นมาใหม่ทดแทน

ที่ไกลออกไป โชวชูหยุนและลุยจุนเดินไปหาเซียนสวรรค์คนอื่น ๆ ด้วยอารมณ์ที่งุนงง พวกเขาทั้งหมดหน้าซีดเมื่อได้เห็นมังกรอสรพิษที่ไร้หัวที่นอนอยู่บนพื้น

นี่เป็นสัตว์ที่ทรงพลังที่สุดบนยอดเขามังกรหลับใหล แม้ว่ามันจะยังไม่ถึงขั้นสูงสุดของ 16 ดาว แต่มันก็ไม่ห่างจากระดับนั้นมากนัก มันทรงพลังเท่ากับผู้อาวุโสประจำศาลาทั้งสามในอาณาจักรทะเล พวกเขารู้สึกตกใจมากเมื่พวกเขาได้เห็นศพกับตา

“มังกรอสรพิษนี้ไม่อ่อนแอเลย และทุก ๆ ส่วนของมันนั้นคือสมบัติ ทำความสะอาดมัน และพวกเจ้าก็แบ่งมันไป” จู่ ๆ เจี้ยนเฉินก็พูดกับพวกเขาในขณะที่รักษาตัว เขาจำเป็นต้องฟื้นฟูให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจศพในตอนนี้

โชวชูหยุนและคนอื่น ๆ ดีใจอย่างมาก พวกเขารีบขอบคุณก่อนที่จะเริ่มชำแหละศพทันที

อย่างไรก็ตาม เนื้อของมังกรอสรพิษนั้นแข็งแกร่งมาก แม้ว่ามันจะตายแล้ว แต่พวกเขาก็พบว่ามันยากลำบากมากที่จะชำแหละมันเป็นชิ้น ๆ ได้

ทันใดนั้นเอง เสียงดังเหมือนฟ้าร้องก็ดังผ่านอากาศมา ท้องฟ้าของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เริ่มมืดลงอีกครั้ง และฟ้าก็ร้องอย่างต่อเนื่อง ฟ้าแล่บผ่านเมฆเป็นครั้งคราวและส่งแสงแสบตาสว่างไปทั้งท้องฟ้า

เจี้ยนเฉินลืมตาและมองไปที่ท้องฟ้ามืด เขาขมวดคิ้วและเลิกรักษาตัวเองทันที เขาเอายุทธภัณฑ์จักรพรรดิออกมาจากแหวนมิติเพื่อที่จะช่วยชำแหละมังกร

ด้วยความช่วยเหลือจากเจี้ยนเฉิน เห็นได้ชัดว่าการชำแหละนั้นเร็วขึ้นมา เจี้ยนเฉินเอาเส้นเอ็นออกเจาะลึกเข้าไปถึงหัวใจ เจี้ยนเฉินเอาเกล็ดสีม่วงของมันออกมาทุกเกล็ด เกล็ดนี้แข็งแรงมาก ถ้าเอามันไปทำเป็นชุดเกราะ เกราะคงสามารถป้องกันการโจมตีจากเซียนผู้คุมกฎได้ เกล็ดเหล่านี้ยังสามารถต้านทานได้แม้แต่การโจมตีที่เต็มกำลังของเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 ได้ ดังนั้นมันจึงเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของคนที่อ่อนแอกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

เกราะที่ทำมาจากเกล็ดเหล่านี้จะแข็งแกร่งมาก แต่มันอาจจะปกป้องชีวิตของคนที่ใส่เอาไว้ไม่ได้ ทั้งหมดที่มันให้ได้คือการป้องกันที่แข็งแกร่ง เซียนคุมกฎที่ใส่เกราะนี้สามารถตายได้จากแรงกระแทกที่เกิดจากเซียนราชา แม้ว่าเซียนราชาจะไม่สามารถเจาะเกราะเข้าไปได้

นอกเหนือจากสิ่งของเหล่านี้ เจี้ยนเฉินก็เก็บเอาเลือดของมังกรมาค่อนข้างมากโดยใช้ขวดหยกของโชวชูหยุน ขวดหยกนั้นเหมือนกับแหวนมิติ มันดูเหมือนไม่ใหญ่มาก แต่มันสามารถเก็บของได้มากมายข้างใน มันสามารถเก็บของเหลวได้เป็นพันลิตร

เลือดของมังกรอสรพิษนั้นมีค่ามากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลือดที่มาจากสัตว์อสูรซึ่งเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 ถ้าอาบมัน เซียนสวรรค์หรือผู้ที่ระดับต่ำกว่าก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายได้ แค่มันก็ไม่ได้มีผลมากกับเซียนผู้คุมกฎที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว

ชั้นเมฆในท้องฟ้าลดต่ำลงมาเรื่อย ๆ ฝนกำลังจะตกลงมา

เจี้ยนเฉินรู้ว่าเขามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ท้ายที่สุด เขาก็แล่เอาเนื้อชิ้นใหญ่ของมังกรอสรพิษออกมา ก่อนที่จะเข้าไปหลบในถ้ำใหญ่ที่เป็นที่อยู่ของมังกรอสรพิษ

ฝนตกลงมาในไม่ช้าหลังจากนั้น ฝนกรดตกลงบนร่างที่เหลือของมังกรอสรพิษ และส่วนที่เหลือก็ละลายไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ ส่วนทั้งหมดที่เหลือหายไปในไม่ช้า ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย

เจี้ยนเฉินตกใจขึ้นมาทันทีเมื่อเขาเห็นแบบนี้ เขายังจำครั้งก่อนที่เขารีบหลบอยู่ในโล่เหล็กกับกลุ่มนักผจญภัยฟ้าครามได้ ในตอนนั้น มีสัตว์หลายตัวที่เดินไปมาโดยที่ไม่ได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บอะไรเลย ฝนไม่เป็นอันตรายกับพวกมันเลย แต่ศพของมังกรอสรพิษก็ยังละลายไปหมด นี่ทำให้เขาสับสนมาก

โชวชูหยุนอธิบายหลังจากที่เห็นท่าทางที่สับสนของเจี้ยนเฉิน “นักรบที่เคารพ ฝนของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถทำร้ายสัตว์ที่อาศัยอยู่ในนี้ได้ แต่มันสามารถละลายศพของพวกมันได้ ฝนจะละลายวัตถุภายนอกที่นำเข้ามาที่นี่ได้ มีเพียงของที่อยู่ที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้วที่ไม่ได้รับผลกระทบอะไร”

“นั่นไม่ได้หมายความว่าถ้าข้าตัดหินแล้วเอามาบังหัวของข้า ข้าก็จะป้องกันฝนได้อย่างนั้นหรือ” เจี้ยนเฉินถาม

“ถูกต้อง ท่านสามารถทำเช่นนั้นได้ แต่มันก็ยังอันตรายมากอยู่ดี ไม่มีใครกล้าที่จะทำแบบนั้นเพราะหินที่นี่นั้นไม่ได้ถูกทำลายไม่ได้ การต่อสู้จะเกิดขึ้นตอนที่ท่านเจอกับสัตว์เข้า และมันจะอันตรายได้ถ้าหินแตกออก อีกทั้งสภาพอากาศของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นั้นแตกต่างจากด้านนอก มันชื้นและมีลมแรงที่นี่ ดังนั้นบางครั้งน้ำบนพื้นก็สามารถกระเซ็นไปจากลมที่พัดมาได้ ดังนั้นมันจึงไม่ปลอดภัยที่ท่านจะหลบอยู่ใต้หิน วิธีการที่ดีที่สุดคือการหลบสภาพอากาศแบบนี้อยู่ในถ้ำ” โชวชูหยุนอธิบาย หลังจากนั้น เขาก็ดูเนื้อของมังกรอสรพิษที่ละลายไปอย่างเจ็บปวดแล้วพูดว่า “น่าเสียดาย เนื้อมังกรอสรพิษจำนวนมากต้องมาสูญเปล่า มันขายได้แพงเลยด้านนอก”

เจี้ยนเฉินเข้าใจในที่สุด จากนั้นเขาก็แบ่งเลือดและเนื้อส่วนน้อยที่เขาได้มาให้กับโชวชูหยุนและคนอื่น ๆ ก่อนที่จะนั่งลงและเริ่มรักษาตัวเอง

ฝนหยุดในวันต่อมา เจี้ยนเฉินนำกลุ่มนักผจญภัยฟ้าครามไป ในขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในภูเขาเพื่อไปยังส่วนลึกของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ เขาฟื้นฟูเต็มที่แล้วด้วยพลังบรรพกาลและพลังงานดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสงของเขา เขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง

ทางลงภูเขานั้นง่ายกว่าเดิมมาก แม้ว่าพวกเขายังไปเจอกับสัตว์ดุร้ายเป็นครั้งคราว แต่พวกมันก็ไม่ได้ทรงพลังใกล้เคียงกับมังกรอสรพิษเลย พวกมันทั้งหมดอยู่ในระดับ 14 และ 15 ดาว ศพของสัตว์ดุร้ายพวกนี้ค่อนข้างธรรมดา ไม่ได้มีค่าเหมือนของมังกรอสรพิษ แม้แต่คนของกลุ่มนักผจญภัยฟ้าครามก็ไม่สนใจที่จะชำแหละมัน

“โชวชูหยุน เจ้าไปเจอน้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลกที่ส่วนลึกของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ตรงไหน ? ” เจี้ยนเฉินถามโชวชูหยุนในขณะที่พวกเขากำลังลงเขา พวกเขาเข้ามาในส่วนลึกอย่างเป็นทางการแล้วในตอนนี้

“ท่านนักรบที่เคารพ มันจะดีที่สุดที่จะให้ข้าระบุหาก่อน เพราะพวกเราเข้ามาในส่วนลึกด้วยเส้นทางที่แตกต่างออกไปในครั้งนี้ ข้าจำเป็นต้องหาร่องรอยที่ข้าทิ้งเอาไว้” โชวชูหยุนตอบกลับ

“ตกลง เจ้านำไปเลย ข้าจะจัดการกับสัตว์ดุร้ายที่มาหาเรื่องพวกเราระหว่างทางเอง เมื่อพวกเราพบน้ำศักดิ์สิทธิ์ จะมีส่วนแบ่งของเจ้าด้วย” เจี้ยนเฉินพูดกับโชวชูหยุน

ทั้งหมดเดินทางต่อไป โดนมีโชวชูหยุนที่นำหน้าอยู่แทน

ในเวลาเดียวกัน เผ่าร้อยบาทาจากเมืองดีออคก็เข้ามาในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ภายใต้การนำทางของหลันโม่เช่นกัน หลันโม่ใช้วิชาลับเพื่อที่จะค้นหาว่ากลุ่มนักผจญภัยฟ้าครามอยู่ที่ไหน และเขาก็นิ่งอึ้งไป เขาพึมพำ “เป็นไปได้ยังไง ? พวกเขาไปถึงที่ส่วนลึกของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเขาไปไกลขนาดนั้นด้วยเวลาอันสั้นได้ยังไง ? มันไม่เร็วไปหน่อยหรือ ? “

“ต้องมีจอมยุทธนำกลุ่มของพวกเขาเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะเดินทางไปได้เร็วแบบนั้นได้ยังไง ? พวกเราจำเป็นต้องเร่งมือเพราะว่าพวกเขาไปถึงที่ส่วนลึกของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเราไปกันเถอะ” ชายชราพูดอย่างเฉยเมยออกมาจากกลุ่ม ก่อนที่จะมุ่งหน้าไป

ไม่นานหลังจากที่คนของเผ่าร้อยบาทาเข้าไปในอาณจักรศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มจอมยุทธจากเผ่าฮวงเต่า เมืองบีโบ้ก็มาถึงเช่นกัน พวกเขามีจอมยุทธ 15 ดาวนำกลุ่มอยู่ พวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่ส่วนลึกเหมือนกัน

ในพริบตาเดียว สามวันก็ผ่านไป เจี้ยนเฉินเข้าไปลึกขึ้นพร้อมกับกลุ่มนักผจญภัยฟ้าคราม ในระหว่างช่วงเวลานั้น และพวกเขาก็พบเข้ากับอันตรายหลายครั้ง มีสัตว์สิบกว่าตัวที่ซุ่มโจมตีพวกเขา ตัวที่อ่อนแอที่สุดมีระดับ 13 ดาว และมีสัตว์ 15 ดาวอยู่บ้าง

ทันนั้นเอง เสียงหึ่งหึ่งของการประพือปีกก็ดังมาจากทุกทิศทาง กลุ่มของเจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะหยุดชะงัก

“มันเสียงอะไรกันน่ะ?” ลุยจุนมองไปรอบรอบ เขาค่อนข้างเคร่งเครียด แม้แต่จอมยุทธ 15 ดาวยังตายได้ในส่วนลึกของที่นี่ ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องระมัดระวัง

เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆ แต่เขาก็ไม่เห็นอะไรเลย โชคไม่ดีที่พลังแห่งการรับรู้ของเขาถูกข่มเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถขยายมันออกไปได้เกินพันเมตร มันไม่ไกลเกินไปจากที่สายตาของเขามองเห็นเลย

เสียงหึ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ และปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ กลุ่มก้อนสีดำใหญ่ค่อยค่อยปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน มันมีอยู่ทุกที่รอบ ๆ พวกเขา

“นี่มันฝูงมดบินหยกเขียว ตัวที่เล็กที่สุดมีขนาดเท่ากำปั้น ในขณะที่บางตัวนั้นมีขนาดเท่าผู้ใหญ่เลยทีเดียว” สายตาของเจี้ยนฉินดีกว่าโชวชูหยุนและคนอื่น ๆ มาก ดังนั้นเขาจึงบอกได้ว่าอะไรที่อยู่ในกลุ่มก้อนดำใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปมากได้ เขารู้สึกถึงปัญหา เขาพบว่ามีมดบินอยู่มากมายเหลือเกิน มันรวมกลุ่มกันและบดบังไปทั่วทั้งท้องฟ้า

ท่าทางของโชวชูหยุนและลุยจุนเปลี่ยนไปเมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนั้น ความกลัวปรากฏอยู่ในสายตาของพวกเขา และพวกเขาก็ร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว “บัดซบ มันเป็นนักฆ่าในตำนานของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ มดทะยานฟ้า พวกมันมีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนและร่างของมันก็แข็งแกร่งเหมือนเหล็ก พวกมันหิวกระหายพลังงานและต้านทานการโจมตีจากพลังงานได้ทั้งหมด พวกมันไม่ได้รับผลอะไรจากความสามารถของเซียนผู้คุมกฎและเซียนราชา ถอย ถอยเร็ว พวกเราจำเป็นต้องหนีจากมดทะยานฟ้าทันที แม้แต่คนที่ทรงพลังเท่ากับผู้อาวุโสประจำศาลายังถูกกลืนกินได้เลย”

ท่าทางของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไป มันต้านทานการโจมตีที่เป็นพลังงานทั้งหมดได้และไม่มีผลกับความสามารถทางมิติ เซียนผู้คุมกฎและเซียนราชาต้องเสียเปรียบมากเมื่อเผชิญหน้ากับมดทะยานฟ้า

คนที่ระดับต่ำกว่าเซียนผู้คุมกฎก็เหมือนมดปลวก เหตุผลที่พูดแบบนั้นก็เพราะ เซียนผู้คุมกฎทั้งหมดมีพื้นฐานจัดการกับมิติได้และมีความสามารถในการรวบรวมพลังธรรมชาติ แต่ควมสามารถนั้นก็กลับไร้ประโยชน์ต่อหน้ามดทะยานฟ้า

พวกเขาทั้งหมดหันไปและพุ่งหนีไปจากทิศทางที่พวกมันบินเข้ามา อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ถูกมดทะยานฟ้าล้อมเอาไว้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเผชิญหน้ากับมดทะยานฟ้าทุกทางที่พวกเขาหนีไป

มดทะยานฟ้านั้นไม่ได้ทรงพลังถ้านับเป็นตัว พวกมันมีความสามารถประมาณระดับเซียนปฐพี แต่พวกมันช่างมีจำนวนมากมายเหลือเกิน