ตอนที่ 1273 ส่งท่านกลับไปได้

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่ได้คิดจะอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ตอนนี้หอหมอปีศาจก็มั่นคงแล้ว ในแดนเหนือ หากพวกนั้นกล้าลงมือกับข้าก็ลองดู!”

“พี่ใหญ่ แต่มันก็ยังอันตรายเกินไปจริง ๆ นะ!” เยวี่ยเจ๋อไม่เห็นด้วย

“ตอนนี้พลังของข้าก็ฟื้นคืนกลับมาแล้ว แต่ก็ต้องรีบเพิ่มพลังให้เร็วขึ้นสักหน่อย วิธีการอ่อนโยนมันใช้ไม่ได้ผล! จำเป็นต้องรับแรงกดดันจากภายนอก!” มู่เฉียนซีกล่าว

เยวี่ยเจ๋อจนปัญญาจริง ๆ เขารู้ดีว่าพี่ใหญ่กำลังบีบบังคับตนเองอยู่

เขากล่าวเสียงต่ำว่า “ข้าเข้าใจแล้ว แต่หากว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ใหญ่จริง ๆ หอหมอปีศาจของเราจะไม่มีทางให้พวกมันได้อยู่เป็นสุขแน่!”

หลังจากที่มอบหมายเรื่องต่าง ๆ ให้เยวี่ยเจ๋อแล้ว มู่เฉียนซีก็พาเหลิ่งหนิงจือออกเดินทางไปยังหุบเขาปีกสวรรค์

เนื่องจากหัวหน้าหุบเขาได้เชิญเหล่าบรรดานักปรุงยามาเป็นจำนวนมาก ท่านผู้อาวุโสเจียงจึงรอต้อนรับแขกเหรื่ออยู่ด้านนอกหุบเขา

ไม่นานนักสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ผู้อาวุโสเจียงเรียกศิษย์ไปต้อนรับอย่างรวดเร็ว

“ไม่ทราบว่าเป็นท่านนักปรุงยาท่านใดที่มาหุบเขาปีกสวรรค์ของพวกเรา”

บนร่างสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาตัวนั้นมีคนยืนอยู่ประมาณสี่ห้าคน ชายหนุ่มที่ยืนข้างชายชราชุดคลุมยาวสีขาวกล่าวขึ้นว่า “ท่านอาจารย์ของพวกเราเป็นหัวหน้านักปรุงยาแห่งสำนักเทียนหลิง”

ดวงตาของท่านผู้อาวุโสเจียงเปล่งประกายขึ้น เขายิ้มพลางกล่าวว่า “ที่แท้ก็เป็นท่านยอดปรมาจารย์ไป๋นี่เอง เดินทางมาไกล ต้องขออภัยท่านด้วยที่ต้อนรับไม่ดีพอควร!”

ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึงผู้อาวุโสฝ่ายดูแลของสำนักระดับสองครึ่ง แต่ยอดปรมาจารย์นักปรุงยาท่านนี้ก็ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย หยิ่งผยองเป็นอย่างยิ่ง

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าตัวนั้นยังไม่ทันลดตัวลงจรดพื้นดิน จู่ ๆ อำนาจของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกก็พัดกระโชกเข้ามา

ปีกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาตัวนี้ของพวกเขาแข็งแกร่งมาก พลังอำนาจที่พัดกระโชกมานั้นเกือบจะทำให้พวกเขาร่วงลงมา

“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหก!” พวกเขาล้วนแต่ตกตะลึงขึ้น

ความแข็งแกร่งของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกเทียบเท่ากับความแข็งแกร่งของขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูง ต่อให้ยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูงจับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกมาได้ แต่คนที่สามารถฝึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกได้เช่นนี้กลับมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

ฝ่ายตรงข้ามใช้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกมาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภา เบื้องหลังของพวกเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!

ผู้อาวุโสเจียงรีบออกไปต้อนรับ ท่านยอดปรมาจารย์ไป๋รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้กระทำการกำเริบแต่อย่างใด

เดิมทีคิดว่าเป็นยอดปรมาจารย์นักปรุงยาที่มีเบื้องหลังแข็งแกร่งและบารมีสูงส่ง แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ที่ยืนอยู่บนร่างสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกจะเป็นหญิงสาวหน้าตางดงามสองคน

หญิงสาวชุดขาวผู้นั้นดูเย็นชาดุจดั่งหยกเย็น แต่กลับงดงามสุดที่จะพรรณนา ดู ๆ ไปแล้วอายุอานามก็ประมาณยี่สิบต้น ๆ

ส่วนหญิงสาวชุดม่วงที่อยู่ข้าง ๆ ดูแล้วน่าจะประมาณสิบหกสิบเจ็ดปีเท่านั้น แต่รูปร่างหน้าตากลับงดงามอย่างไร้ที่เปรียบไม่เป็นสองรองใครจนทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ทั้งหมดดูจืดชืดไปในฉับพลัน

สีหน้าของยอดปรมาจารย์ไป๋ดำคล้ำขึ้นด้วยความโกรธ เดิมทีคิดว่าผู้ที่มานี้จะเป็นคนพิเศษ เป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจเสียอีก! นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเด็กสาวธรรมดา ๆ เช่นนี้

สาวน้อยสองคนนี้กลับทำให้ผู้อาวุโสเจียงผิดหวังเล็กน้อย แต่การที่พวกนางสามารถใช้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกมาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาเช่นนี้ได้ ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

เขายิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าคือผู้อาวุโสฝ่ายดูแลของสำนักปีกสวรรค์ ผู้อาวุโสเจียง ไม่ทราบว่าแม่นางน้อยทั้งสองมาจากที่ใด?”

เหลิ่งหนิงจือกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หอหมอปีศาจ!”

คนข้าง ๆ ได้ยินเช่นนี้ต่างก็ตกตะลึงขึ้น หอหมอปีศาจ นึกไม่ถึงเลยว่าหอหมอปีศาจจะส่งนักปรุงยามาด้วย

หากเป็นคนของหอหมอปีศาจ การที่พวกนางจะใช้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกมาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ก็ใครใช้ให้หอหมอปีศาจมั่งคั่งไม่ขาดแคลนเงินทองกันล่ะ ความรวดเร็วในการสะสมเงินทองนี้ทำให้ทุกคนล้วนแต่อิจฉาริษยาไม่น้อย

ยอดปรมาจารย์ไป๋กล่าวเย้ยหยันว่า “หมอปีศาจไม่กล้าโผล่หน้าออกมาเจอผู้คนแล้วเหรอ ถึงได้ส่งเด็กสาวสองคนนี้มายังหุบเขาปีกสวรรค์ ดูท่าคงจะช่วยอะไรไม่ได้หรอก รีบไสหัวกลับไปซะเถอะ!”

มู่เฉียนซีกระโดดลงมาจากร่างสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาและกล่าวว่า “ข้ามาช้า แต่ข้าจะเอาผลวิญญาณหัวใจซ่อนเร้นกลับไปให้ได้! หากท่านอยากไสหัวกลับไป ข้าช่วยส่งท่านได้นะ!”

“เสี่ยวเหลิ่ง!”

เสี่ยวเหลิ่งกระโดดลงมาจากร่างสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภา พลังธาตุน้ำแข็งแผ่ซ่านออกมา ทำให้เหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นทั่วหน้าผากของยอดปรมาจารย์ไป๋ท่านนี้

เป็นยอดฝีมือ! หญิงสาวที่ดูอายุยังน้อยผู้นี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นยอดฝีมือระดับเก้าเป็นแน่!

ผู้อาวุโสเจียงรีบออกตัวพูดไกล่เกลี่ย เขายิ้มพลางกล่าวว่า “ทุกท่านล้วนแต่เป็นแขกคนสำคัญทั้งนั้น! หุบเขาปีกสวรรค์ของพวกเรายินดีต้อนรับทุกท่าน ข้าว่าเชิญทุกท่านด้านในเถอะ เชิญด้านใน”

มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวเหลิ่ง กลับมาเถอะ!”

สีหน้าของยอดปรมาจารย์ไป๋ในตอนนี้ดำคล้ำยิ่งกว่าก้นหม้อเสียอีก คนของหอหมอปีศาจช่างหยิ่งผยองเกินไปแล้ว ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!

เหล่าบรรดานักปรุงยาที่เดินทางมา ณ ที่แห่งนี้ล้วนแต่ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น ทว่า ผู้ที่มีอายุน้อยเช่นนี้กลับไม่เคยมีมาก่อน

เมื่อท่านหัวหน้าหุบเขาจางเห็นมู่เฉียนซีและพวกก็ตกตะลึงนิ่งอึ้งไป ผู้อาวุโสเจียงกล่าวแนะนำว่า “ท่านหัวหน้าหุบเขา แม่นางน้อยสองท่านนี้มาจากหอหมอปีศาจ…”

“ข้าแซ่มู่!”

“ท่านปรมาจารย์มู่!”

หัวหน้าหุบเขาจางตะลึงขึ้นอีกครั้ง มู่…

แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้วก็ไม่มีทางเป็นไปได้ มู่เฉียนซีไม่มีทางปรากฏตัวออกมาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้แน่นอน หากเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับรนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัย

“ส่วนท่านนี้คือท่านยอดปรมาจารย์ไป๋แห่งสำนักเทียนหลิง”

ผู้ที่เดินทางมาที่นี่ล้วนแต่เป็นแขกทั้งสิ้น ท่านหัวหน้าหุบเขาจางให้คนต้อนรับพวกเขาอย่างกระตือรือร้น

รออีกสามวันเมื่อทุกคนมารวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้วจะประกาศอีกครั้งว่าจะให้พวกเขาทำสิ่งใด

ผลวิญญาณหัวใจซ่อนเร้นนั้นดึงดูดยอดปรมาจารย์นักปรุงยามาไม่น้อย

ส่วนนักปรุงยาที่อยู่ภายใต้ยอดปรมาจารย์นักปรุงยานั้นย่อมรู้อยู่แก่ใจดีว่าไม่สามารถเอาชนะยอดปรมาจารย์เหล่านี้ได้ คนเหล่านั้นจึงไม่มา

สามวันต่อมา หลังจากที่เหล่าบรรดานักปรุงยามากันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ท่านหัวหน้าหุบเขาก็กล่าวว่า “ที่ข้าเรียกนักปรุงยาทุกท่านมาในวันนี้ก็เพื่อจะให้ทุกท่านหลอมยาลูกกลอนให้กับข้า”

“หลอมยาลูกกลอน ยาลูกกลอนขั้นสวรรค์เหรอ?” พวกเขากล่าวถาม

“บุตรชายของข้าฝึกบำเพ็ญนอกรีตจนเกิดปัญหาขึ้น ตอนนี้ได้กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปโดยสมบูรณ์แล้ว นักปรุงยาทุกท่านตามข้าไปดูอาการของเขาเถิด”

ยอดปรมาจารย์นักปรุงยาเหล่านั้นพากันไปดูอาการของนายน้อยหุบเขา ทันทีที่ดูอาการเสร็จ สีหน้าของพวกเขาก็เคร่งเครียดขึ้น

นายน้อยหุบเขาผู้นี้อยู่ในอาการหลับใหลหมดสติไป พลังจิตถูกทำลายไปโดยสมบูรณ์ เส้นปราณพลังขาดสะบั้นไปทั้งหมด มีเพียงแค่ลมหายใจอ่อน ๆ เท่านั้น

คนป่วยเช่นนี้จะช่วยได้อย่างไรกัน?

เว้นเสียแต่จะใช้วิธีการฟื้นคืนชีพ

พวกเขาต่างพากันส่ายหน้า และในตอนนี้เอง มู่เฉียนซีก็เดินเข้าไปตรวจดูอาการข้างเตียง

เมื่อตรวจดูอย่างละเอียด มู่เฉียนซีก็รู้สึกสงสัยขึ้น หากแค่ฝึกบำเพ็ญนอกรีตก็คงไม่ถึงขั้นนี้กระมัง

ร่องรอยของพลังจิตก็ไม่เหลือแม้แต่น้อย ประหลาดเกินไปแล้ว!

ในตอนนี้เอง ยอดปรมาจารย์นักปรุงยาท่านหนึ่งก็กล่าวขึ้นว่า “ท่านหัวหน้าหุบเขาจาง อาการของนายน้อยหุบเขาหนักเกินไปจริง ๆ พวกเราไร้ความสามารถแล้วจริง ๆ ท่านควรจัดเตรียมพิธีศพเถอะ!”

“ท่านหัวหน้าหุบเขาจาง ดูท่าพวกเราคงจะช่วยท่านไม่ได้แล้วล่ะ”

“……”

ทว่า มู่เฉียนซีกลับไม่ได้เปล่งเสียงกล่าวแต่อย่างใด เพราะนางพบว่าหลังจากที่หัวหน้าหุบเขาจางได้ยินคำพูดของยอดปรมาจารย์นักปรุงยาเหล่านั้นแล้ว กลับไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางโศกเศร้าหรือสิ้นหวังเลย

หัวหน้าหุบเขาจางกล่าว “ข้าได้สูตรยาลูกกลอนมาสูตรหนึ่ง หากสามารถหลอมยาลูกกลอนชนิดนี้ออกมาได้ ก็สามารถรักษาบุตรชายของข้าได้ แต่น่าเสียดายที่หุบเขาปีกสวรรค์ของข้าไม่มีนักปรุงยาคนใดสามารถหลอมออกมาได้สำเร็จ จึงเป็นเหตุให้ข้าเชิญทุกท่านมาที่นี่”

เหล่าบรรดานักปรุงยาทั้งหลายเผยสีหน้าดีอกดีใจออกมา “ยาลูกกลอนชนิดใดกัน นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีฤทธิ์ที่ดีเช่นนี้”

“ท่านหัวหน้าหุบเขาจางหมายความว่าจะแบ่งปันสูตรยานั้นให้กับพวกเราอย่างนั้นหรือ?”

“……”

สำหรับนักปรุงยาแล้ว สูตรยาเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจพวกเขามาก โดยเฉพาะสูตรยาที่วิเศษเช่นนี้

ท่านหัวหน้าหุบเขาจางกล่าว “แน่นอน! ทุกท่านสามารถดูสูตรยาได้”

ท่านหัวหน้าหุบเขาจางใจกว้างเช่นนี้ กลับทำให้คนอื่นไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรเสียแต่ละคนก็ล้วนแต่อยากได้สูตรยาไปครอบครองเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ยอดปรมาจารย์นักปรุงยาสีหน้าดำคล้ำท่านหนึ่งเดินออกมาและกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ให้ข้าดูสูตรยาเพียงแค่คนเดียว ข้าก็สามารถหลอมยาออกมาช่วยนายน้อยหุบเขาได้สำเร็จแล้ว”

.