คำพูดนั้นทำให้เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายต้องเปลี่ยนสีหน้าไปทันที
เทพสวรรค์สองดาวนั้นกลับมาถามเหล่าเทพสวรรค์ขั้นกลางทั้งหลายว่าอยากอยู่หรือตาย เรื่องนี้มันย่อมจะฟังดูแสนตลก
แต่เวลานี้มันไม่มีเวลาจะมาหัวเราะใดๆ สถานการณ์ตรงหน้านี้มันคือสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไม่เหลือที่ให้พวกเขาคิดเรื่องราวมากมาย
ตัวเลือกนี้จะตัดสินผลชีวิตของพวกเขาทั้งหลายทันที
จะเชื่อเย่หยวนหรือจะต่อสู้ในศึกที่ตายแน่นอน?
หลี่เยว่นั้นสับสนไม่อาจตัดสินใจเพราะเขานั้นไม่ชอบใจท่าทางโอหังอวดดีของเย่หยวนอย่างมาก
แต่เขานั้นก็เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าดีว่าต่อให้จะอยากหนีมันก็คงไม่อาจรอดพ้นไปได้!
“พี่เย่ ข้าจะเชื่อฟังท่าน!” ในเวลานั้นเองที่เจิ้งหยูเฟิงได้ก้าวออกมายอมรับคำเย่หยวนเป็นคนแรก
เขานั้นรู้ดีว่าพวกตนไม่เหลือเวลาให้ลังเลอีกแล้ว!
“น้องชาย หวังว่าเจ้าจะไม่หลอกลวงเรา!” เทพสวรรค์อีกผู้กล่าวเสริม
“น้องเย่ เทพสวรรค์ผู้นี้ขอฝากชีวิตเฒ่าๆ นี้ไว้ด้วย!”
…
เมื่อต้องเผชิญความตายอยู่ตรงหน้าการตัดสินใจใดๆ มันจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในสถานการณ์ที่ต้องตายแน่นอนเช่นนี้ พวกเขาย่อมจะเลือกเชื่อเย่หยวนมากกว่าตายไปเปล่าๆ
หลี่เยว่ที่ได้ยินก็ได้แต่ต้องยืนนิ่ง จนสุดท้ายเขาก็กล่าวขึ้นมาในที่สุด “เจ้าหนุ่ม หากเจ้ากล้าหลอกลวงเทพสวรรค์ผู้นี้ต่อให้ข้าตายไปข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะหยิบเข็มทองออกมาเต็มกำมือ
เมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้นพวกเขาต่างก็ต้องอ้าปากค้าง
เจ้าเด็กคนนี้มันคิดจะทำอะไรกันแน่?
“ข้าจะฝังเข็มใส่พวกเจ้า อย่าได้ขัดขืนหลบหลีกมัน ไม่เช่นนั้นแล้วก็อยากมาถามหาความรับผิดชอบจากข้า” เย่หยวนบอก
หลี่เยว่ที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น “เจ้าหนุ่ม เจ้าคิดจะฝังเข็มทองใส่พวกเราอย่างนั้นหรือ?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ใช่!”
หลี่เยว่จึงได้แต่ต้องส่ายหัวออกมา “ไร้สาระ! เราตั้งมากมายปานนี้กว่าเจ้าจะฝังมันแล้วเสร็จเราคงไม่ตายกันหมดพอดีหรือ! เจ้าล้อพวกเราเล่นแล้ว?”
ได้ยินคำของหลี่เยว่นั้นคนทั้งหลายก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาตามๆ กัน
ดูท่าแล้วพวกเขาทั้งหลายเองก็คงคิดว่าตัวเองถูกปั่นหัวเล่น
ทางด้านจ่าฝูงมารนรกเองก็หัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อเห็น “ฮ่าๆๆ… เด็กน้อย แค่เข็มไม่กี่เล่มนั้นมันจะจัดการเหล่ามารนรกเราลงได้หรือ?”
เย่หยวนจึงกล่าวตอบออกมา “ใครบอกว่าข้าจะฝังทีละคนเล่า? ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าอย่าได้ขัดขืนมัน ไม่เช่นนั้นก็จงเตรียมรับผลของมันเองเถอะ! ข้าลงมือล่ะ!”
คำพูดนี้ทำให้ทุกผู้คนใจหายวาบพร้อมๆ กับภาพของเย่หยวนที่วาดตราขึ้นมาบนอากาศ
จากนั้นเจ้าเข็มทองนับร้อยนั้นมันก็พุ่งทะลวงผ่านอากาศไปในความมืดมิด
ฟุบ ฟุบ ฟุบ…
ในเวลาแค่อึดใจเข็มทองนับร้อยมันก็ได้จางหายไปในความมืดสิ้น
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นรู้สึกเหมือนมีมดนับไม่ถ้วนเข้ามากัดบนร่างกายก่อนจะพบว่าพลังงานในร่างของตนมันปะทุขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
“ช่างเป็นพลังที่รุนแรงนัก! ข้ารู้สึกราวกับว่าฟ้าดินนี้ไม่มีใครต้านทานข้าได้!”
“นี่หรือคือวิชาฝังเข็มทอง? สุดยอดเสียจริงๆ!”
“ฮ่าๆๆ ไอ้พวกขยะจากนรก เฒ่าคนนี้จะกวาดล้างพวกเจ้าให้สิ้น!”
…
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นต่างปลดปล่อยพลังรุนแรงออกมาจากร่างกายพร้อมๆ กัน
มันราวกับว่าในวินาทีนี้พลังบ่มเพาะของพวกเขาได้พุ่งทะยานขึ้นไปถึงหนึ่งดาว
หลี่เยว่นั้นสัมผัสได้ถึงพลังที่ปะทุขึ้นมาจากทุกรูขุมขนนี้เช่นกัน เขารู้สึกได้เลยว่าเวลานี้ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นเทพสวรรค์เจ็ดดาวเขาก็คงพอต่อสู้รับมือได้!
แต่ยิ่งรู้สึกได้แบบนั้นสายตาที่เขาจ้องมองไปยังเย่หยวนมันก็ยิ่งแฝงความตื่นตะลึง
ในเวลาอึดใจเดียวนี้เขากลับฝังเข็มทองลงบนร่างของเทพสวรรค์หลายสิบนี้ได้อย่างไม่มีผิดพลาด มันจะต้องเป็นความแม่นยำที่ล้ำฟ้าปานใด?
แม้ว่าตัวเขานั้นจะไม่ได้ศึกษาวิชาการโอสถรักษาใดๆ แต่เขาก็รู้ได้ว่าการควบคุมที่แม่นยำปานนี้มันมิใช่สิ่งที่นักหลอมโอสถทั่วๆ ไปจะทำได้!
วิชาการฝังเข็มทองนั้นมันจะต้องมีทั้งแรง ปราณเทวะ จิตและความแม่นยำผสานเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสมจึงจะสามารถดึงพลังเช่นนี้ออกมาได้
ที่สำคัญไปกว่านั้นเหล่าเทพสวรรค์ในที่นี้แต่ละคนต่างก็มาจากต่างค่ายสำนักวิชา มีพลังบ่มเพาะไม่เท่าเทียมวิชาวรยุทธใดๆ แตกต่างกันไป มันเป็นสิ่งที่ยากจนเกินกว่าจะทำความเข้าใจได้เสียด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้นการฝังเข็มของแต่ละคนในที่นี้มันจึงจะต้องแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง
การฝังเข็มทองนั้นมันเป็นวิชาที่แสนอันตรายหากผิดพลาดขึ้นมาแม้แต่เสี้ยวเดียวมันก็อาจทำให้ถึงชีวิต
แต่เย่หยวนกลับมองออกว่าแต่ละคนต้องฝังเข็มใส่อย่างไรในเวลาแค่อึดใจนี้
ต่อให้จะเป็นจอมเทพโอสถแปดดาวเอง มันก็คงไม่อาจจะทำได้ถึงขั้นนี้หรอกใช่หรือไม่?
แล้วเจ้าหมอนี่มันเป็นสัตว์ประหลาดจากที่ใด?!
เหล่ามารร้ายตรงหน้านั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เจ้าสัตว์ประหลาดที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานี้มันยิ่งน่ากลัวกว่า!
ในเวลานี้ทางจ่าฝูงของมารนรกทั้งหลายเริ่มจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น
เพราะคลื่นพลังจากร่างของเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายมันกลับพุ่งทะยานสูงล้ำขึ้นในพริบตา
แต่ทว่าตัวเขาเองก็ไม่คิดว่ามารนรกทั้งหลายจะแพ้ให้มนุษย์แสนอ่อนแอเช่นนี้!
“พวกเจ้าทั้งหลาย ไปสังหารมัน! ฉีกร่างมนุษย์ผู้โง่เขลานี้ให้เป็นชิ้น!” มันสั่งออกมา
เมื่อได้ยินคำสั่งแล้วเหล่ามารนรกทั้งหลายก็ต่างพุ่งทะย่านเข้าไปหาเทพสวรรค์ทั้งหลายที่จับกลุ่มกันอยู่
“ฮ่าๆๆ เยี่ยม! จงถูกเทพสวรรค์ผู้นี้ฉีกเป็นชิ้นๆ ไปเถอะ!”
ทางเทพสวรรค์ฝ่ายมนุษย์ที่มีพลังเพิ่มพูนนี้ต่างก็มีขวัญกำลังใจกันมหาศาล เรื่องเดียวที่พวกเขายังกังวลก็คือกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่พอมือตน
เวลานี้เมื่อเห็นว่าเหล่ามารนรกทั้งหลายไม่คิดเกรงกลัวและยังพุ่งตัวเข้ามาหา พวกเขาทั้งหลายจึงพุ่งทะยานออกไปรับหน้าทันที
จากนั้นเหล่ามารนรกและมนุษย์จึงได้เข้าสังหารฆ่ากันอย่างไม่ลดละ การปะทะของสองฝ่ายนั้นรุนแรงจนแทบจะแยกป้าดินออกจากกัน
ทางหลี่เยว่เองก็พุ่งตัวเข้าไปหาจ่าฝูงของมารนรกทั้งหลายทันที!
เพราะเจ้าตัวจ่าฝูงนี้เป็นตัวเดียวที่มีพลังระดับเทพสวรรค์หกดาว แม้จะไม่อาจชนะเทพสวรรค์เจ็ดดาวลงได้ แต่หากแค่ให้จัดการเทพสวรรค์หกดาวมันคงไม่ยาก
เพียงแค่ว่าเมื่อมันปะทะกับหลี่เยว่เข้า ทางหลี่เยว่กลับไม่ตกเป็นรองแม้แต่น้อย!
ทางเทพสวรรค์ของฝ่ายมนุษย์ทั้งหลายนั้นเหมือนได้รับยากระตุ้นประสาท พุ่งทะยานเข้าไปไล่ฆ่าสังหารมารนรกอย่างไม่ยั้งมือใดๆ
คลื่นพลังที่รุนแรงเหนือล้ำนี้มันทำให้เหล่ามารนรกทั้งหลายต้องร่ำร้อง
ที่ด้านข้างเมื่อหลินฉางชิงเห็นภาพนี้ ตัวเขาเองก็ได้แต่ยืนนิ่ง
กำลังของเขานั้นอ่อนแอจนเกินไป จะได้รับการฝังเข็มทองหรือไม่มันก็ไม่ส่งผลใดๆ กับการต่อสู้ แน่นอนว่าเย่หยวนย่อมจะไม่เสียเวลามาฝังเข็มให้เขา
วิธีการของนั้นมันเหนือล้ำกว่าที่หลินฉางชิงจะรับได้!
ในเวลานี้ตัวเขาถึงขั้นรู้สึกเสียใจที่ติดตามมาในครั้งนี้
ยิ่งเขาได้เห็นเย่หยวนมากเท่าใด เขาก็ยิ่งได้เห็นว่าวิธีการของเย่หยวนนั้นมันมากล้ำจนทำให้ตัวเขาเริ่มหมดความมั่นใจในตัวเองสิ้น
เวลานี้เขาถึงขั้นรู้สึกว่าคนอย่างเย่หยวนต่างหากที่จะเหมาะสมกับเยวี่ยเมิ่งลี่
การที่ตัวเขานั้นไปตามจีบเยวี่ยเมิ่งลี่ใดๆ มันถือเป็นการด้อยค่าดูถูกนางโดยแท้!
หลินฉางชิงนั้นได้แต่พยายามส่ายหัวคิดสลัดความกังวลไร้สาระนี้ออกไป
แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่มันก็ไม่จางหายไป!
ต่อหน้าเย่หยวนนี้เขามีแต่จะหมดสิ้นความมั่นใจลง
เหล่าเทพสวรรค์ฝั่งมนุษย์ทั้งหลายนี้ต่างเป็นคนจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ แน่นอนว่าย่อมจะมีฝีมือเหนือล้ำผู้คนมากแต่แรก
เวลานี้เมื่อถูกกระตุ้นพลังถึงขีดสุด พวกเขาทั้งหลายย่อมจะยิ่งเก่งกาจเหนือฟ้าดินทำลายไล่สังหารเหล่ามารนรกลงอย่างไม่เหลือชิ้นดี
สถานการณ์ที่เดิมทีเป็นความตายอย่างแน่นอนนั้นมันกลับกลายเป็นชัยชนะอย่างเด็ดขาด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าผู้นำของค่ายสำนักต่างๆ อย่างเจิ้งหยูเฟิงที่มีกำลังแทบไม่ด้อยกว่าหลี่เยว่
เวลานี้พวกเขาทั้งหลายต่างแยกย้ายกันไปไล่สังหารมารนรกห้าดาวที่แยกกระจายไปในแต่ละทิศ
หลังจากไล่ล่าตัวอันตรายทั้งหลายลงสิ้นแล้วพวกเขาก็เข้าไปร่วมกลุ่มกับหลี่เยว่
จากหนึ่งต่อหนึ่งเป็นสองต่อหนึ่งจนกลายเป็นสามต่อหนึ่ง
เวลานี้เจ้าจ่าฝูงมารนรกนั้นได้แต่ต้องกระอักเลือด
แต่ต่อให้อยากจะหนีมันก็ไม่อาจหนีรอดได้แล้ว
ภายใต้การรุมจู่โจมของยอดฝีมือ ต่อให้จะเป็นจ่าฝูงมารนรกเองก็คงไม่อาจจะยื้อชีวิตได้นานนัก
เจ้ามารนรกนั้นเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายคลื่นพลังของมันนั้นเหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบ
“อย่าเพิ่งฆ่ามัน!” เย่หยวนร้องบอก
หลี่เยว่จึงตะโกนตอบ “สัตว์ร้ายเช่นนี้จะปล่อยมันไว้ทำไม? ฆ่า!”
พูดไปเขาก็ยกมือขึ้นเตรียมตัวลงดาบสุดท้ายคิดฆ่าสังหารจ่าฝูงมารนรกนี้
“หยุด!”
เสียงกังวานดังลั่นไปทั่ว
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายที่ไม่ทันตั้งตัวนั้นกลับต้องหยุดลงกับที่ตามคำพูดนั้น!
และมันก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าจ่าฝูงมารนรก
“อ่อก!”
เย่หยวนทิ่มแทงมือเข้าไปในหัวของเจ้าจ่าฝูงมารนรกพร้อมๆ กับบีบผลึกมารดำของมันไว้แน่น!
………………….