บทที่ 1537 รับมรดก

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

ไม่กี่วันหลังจากศึกดินแดนวั้นมู่จบลง

ข่าวดังก็กวาดไปทั่วมหาพันภพราวกับพายุ ทำให้ทั่วหล้าสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น

สงครามสมัยโบราณเนิ่นนานเกินไปสำหรับทุกคน ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงไม่รู้เกี่ยวกับความน่าสะพรึงกลัวของจักรวรรดิปีศาจ

แต่เมื่อความไม่รู้ถูกฉีกออก ความสยองขวัญที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ก็ค่อยๆ สัมผัสได้ในมหาพันภพ…

นั่นเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวที่สามารถล้างบางคนทั้งจักรวาลได้

ศึกที่เกิดขึ้นในดินแดนวั้นมู่ทำให้ทุกคนเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของจักรวรรดิปีศาจ แม้ว่าเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามจะเคลื่อนไหว พวกเขาก็ทำได้แค่บังคับให้เทพปีศาจจักรพรรดิต้องล่าถอยไปเท่านั้น

ไม่ต้องพูดถึงว่าห้าปีจากนี้ที่เทพปีศาจจักรพรรดิจะกลับมาอย่างทรงพลังยิ่งขึ้นกว่าเดิม ในเวลานั้นคงถึงคราวที่มหาพันภพจะถูกทำลายล้าง

เมื่อนึกถึงวันนั้นทุกคนก็อกสั่นขวัญแขวนไปหมด

ทุกหัวระแหงถูกปกคลุมไปด้วยความสยองขวัญจากเรื่องนี้

อย่างไรก็ตามความตื่นกลัวนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นนานก่อนที่จะถูกระงับไป นั่นเป็นเพราะแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูที่เป็นตัวแทนของมวลมนุษยชาติได้รวมกลุ่มกันก่อตั้งสมาพันธ์มหาพันภพขึ้น

สมาพันธ์มหาพันภพประกาศเชิญจอมยุทธ์ทุกคนที่อยู่เหนือระดับตี้จื้อจุนมารวมตัวกันที่ชายแดนมหาพันภพเพื่อเปิดการโจมตีและปกป้องจักรวาลแห่งนี้

จอมยุทธ์ทรงพลังนับไม่ถ้วนเคลื่อนพลไปยังชายแดน ความสยองขวัญที่จะเกิดขึ้นในอีกในห้าปีได้กระตุ้นความกล้าในตัวของทุกคน แทนที่พวกเขาจะนั่งซึมกระทือรอความตาย พวกเขาขอเปิดศึกดีกว่า บางทีอาจช่วยคว้าโอกาสให้กับมหาพันภพไว้ได้บ้าง

หากพวกเขาต้องตายก็ต้องตายอย่างสมเกียรติ

เมื่อมีความมุ่งมั่นในปณิธานนี้ จอมยุทธ์จำนวนมากก็มารวมตัวกันที่ชายแดนมหาพันภพ ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนก็รวมตัวกันจัดตั้งกองทัพใหญ่พร้อมกับความผันผวนของคลื่นหลิงที่พลุ่งพล่านไปไกลนับล้านลี้เลยทีเดียว

ภายใต้กองทัพขนาดใหญ่เซียวเหยียนและหลินต้งก็ปรากฏตัวขึ้นสร้างความมั่นใจให้ทุกคน ขณะนี้สองเทพจักรพรรดิคือผู้นำแห่งสมาพันธ์มหาพันภพอย่างไม่ต้องสงสัย

สายตากร้าวแกร่งมองไปที่มิติปีศาจที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย เซียวเหยียนและหลินต้งก็โบกมือส่งสัญญาณเสียงดังก้อง

“โจมตี”

 

ขณะที่กองทัพสมาพันธ์มหาพันภพเปิดฉากโจมตีมิติปีศาจ

มู่เฉินที่มีปู้สื่อนำทางก็เข้าไปยังส่วนลึกของดินแดนวั้นมู่

ณ หุบเหวมองเห็นห่วงขนาดใหญ่ที่มีอักขระปกคลุมไว้

แต่วันนี้ทั้งหมดเสียหายราวกับว่าถูกทำลายโดยสัตว์ร้าย

“นี่คือที่ที่เทพปีศาจจักรพรรดิเคยถูกปิดผนึก” เมื่อมองไปที่โซ่ใบหน้าของปู้สื่อก็กระตุกด้วยความไม่เต็มใจ อย่างไรก็ตามเหล่าผู้พิทักษ์หมื่นสุสานของเขาใช้เวลาถึงสี่หมื่นเก้าพันปีในการปกป้องผนึกนี้ แต่สุดท้ายเทพปีศาจก็หลุดออกไปได้ ทั้งที่พวกเขาใกล้จะประสบความสำเร็จอยู่แล้ว

มู่เฉินพูดไม่ออกกับคำพูดดังกล่าว พวกเขาทำได้เพียงโทษการวางแผนซ้อนแผนหลายชั้นของเทพจักรพรรดิปีศาจ ในตอนนั้นเขาคงคิดแผนทุกอย่างและเตรียมการเพื่อหลบหนีไว้หมดแล้ว

ปู้สื่อรู้ดีว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์ เขาเผยรอยยิ้มขมขื่นก่อนที่จะก้าวเข้าไปในเหวก่อนที่พุ่งลงมาถึงก้น

มีบันไดที่ทอดยาวลงไปจากฝ่าเท้าของพวกเขา

เมื่อมองไปที่บันไดปู้สื่อก็ฉายสีหน้าเคร่งเครียดก่อนที่จะก้าวเดินลงมาด้วยความเคารพโดยมีมู่เฉินเดินตามอยู่ด้านหลัง

บันไดนี้มีเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบขั้น

เมื่อพวกเขามาถึงขั้นสุดท้าย แท่นบูชาก็ปรากฏเบื้องหน้าสายตามู่เฉิน สายตาเขาเพ่งไปที่ใจกลาง

มองเห็นแท่นกะพริบด้วยรัศมี ร่างชุดขาวนั่งบนเบาะอยู่เงียบๆ

ชายผู้นี้มีโครงร่างเพรียวบางพร้อมกับผมยาวแผ่กระจายออกไป รูปลักษณ์เต็มไปด้วยเสน่ห์ แต่น่าเสียดายที่ดวงตาทั้งสองปิดสนิท จินตนาการได้ว่าดวงตาคู่นั้นต้องพร่างพราวราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวแน่

แรงกดดันที่น่าทึ่งแทรกซึมเข้ามาคล้ายกับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม

นี่คือเทพจักรพรรดิคนแรกแห่งมหาพันภพ—เทพจักรพรรดินิรันดร์

ปู้สื่อแสดงความเคารพสูงสุดขณะที่คุกเข่าลงที่เบื้องหน้าร่างเทพจักรพรรดินิรันดร์ จากนั้นก็ก้มลงคารวะราวกับว่ากำลังแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษ

เมื่อมองไปที่เทพจักรพรรดินิรันดร์ มู่เฉินก็ฉายสีหน้าเคร่งขรึมก่อนที่จะโค้งคำนับด้วยความเคารพ ไม่ว่าจะเป็นพลังที่จอมยุทธ์ผู้นี้มีหรือการเสียสละเพื่อมหาพันภพก็ควรค่าแก่การเคารพยิ่ง

“กายานิรันดร์ที่แท้จริง แม้จะผ่านมาหลายหมื่นปีก็ยังไม่เกิดความเสียหายใดๆ” มู่เฉินถอนหายใจขณะจ้องมองไปที่เทพจักรพรรดินิรันดร์ จากการรับรู้ของเขาแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายปล่อยพลังโจมตีเต็มกำลังก็ไม่สามารถทำลายร่างเบื้องหน้านี้ได้

ที่สำคัญที่สุดคือเขารู้ว่าร่างกายนี้บรรจุด้วยคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตซึ่งเต็มไปด้วยความเป็นนิรันดร์ มิฉะนั้นคงไม่อยู่ยืนยงหลังจากผ่านไปหลายหมื่นปี

“ราชันมู่เตรียมตัวให้พร้อม” ปู้สื่อลุกขึ้นยืนมองไปที่ร่างเทพจักรพรรดินิรันดร์

มู่เฉินพยักหน้าไปปรากฏตัวเบื้องหน้าเทพจักรพรรดินิรันดร์พลางนั่งลง จากนั้นก็ยกมือทั้งสองข้างปล่อยคลื่นพลังดึงดูดออกมา ขณะเดียวกันฝ่ามือของเทพจักรพรรดินิรันดร์ก็ยกขึ้นตอบสนองช้าๆ

“ท่านผู้อาวุโส ขออภัยด้วย”

มู่เฉินหายใจเข้าสุดปอดขณะที่สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึม นั่นเป็นเพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะรับคลื่นหลิงของเทพจักรพรรดินิรันดร์ เนื่องจากพลังงานของเทพจอมยุทธ์ผู้นี้ทรงพลังมากเกินไป ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนแบบเขา แม้แต่ขั้นเซิ่งก็ยังไม่กล้าดูดซับพลังงานที่ทรงประสิทธิภาพเช่นนี้

ความประมาทเล็กน้อยจะคร่าชีวิตได้ทันที

แต่ในเวลานี้มู่เฉินกลัวไม่ได้ เพราะเขาต้องใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ให้มากที่สุด หากต้องการก้าวไปสู่การเป็นจอมยุทธ์คนที่สามบนทำเนียบ

หากเขาต้องการได้รับบางสิ่งก็ต้องทำงานหนักในปริมาณที่เทียบเท่ากัน ถ้าเขาไม่กล้าที่จะลองก็คงต้องยอมแพ้ตลอดกาล

เมื่อความคิดนี้พล่านในหัวใจ มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไปมือยื่นออกมาก่อนที่จะสัมผัสกับฝ่ามือของเทพจักรพรรดินิรันดร์

ตู้ม!

ทันทีที่เกิดการเชื่อมโยง ม่านตาของมู่เฉินก็หดแคบลง เขาสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงที่หลั่งไหลเข้ามาในร่างกายตนเองในขณะนี้

ชี่!

ทันใดนั้นผิวหนังบนแขนของเขาก็ฉีกออกเป็นชิ้นพร้อมกับเลือดสดไหลออกมา เลือดเนื้อสั่นสะท้านรุนแรงขณะที่เขาเริ่มดูดซับคลื่นพลังงาน

คลื่นหลิงเหล่านี้ได้สูญเสียความมุ่งมั่นตั้งใจหลังจากผ่านมาหลายหมื่นปีกลายเป็นบริสุทธิ์ แต่ยังคงแฝงไปด้วยรัศมีนิรันดร์ หากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนธรรมดาต้องการดูดซับพลังงานนี้ ก็มีความเป็นไปได้หนึ่งเดียวที่ต้องหลอมรวมกับพลังงานอย่างสมบูรณ์ แต่จอมยุทธ์เหล่านั้นจะไม่สามารถใช้พลังงานภายในร่างกายได้หรืออาจจะถูกโจมตีโดยคลื่นพลังนี้…

แต่โชคดีที่มู่เฉินฝึกฝนร่างมหาเทพนิรันดร์ ดังนั้นคลื่นหลิงของเขาจึงคล้ายคลึงกับเทพจักรพรรดินิรันดร์

นี่ทำให้เขาสามารถดูดซับพลังงานที่ไร้ขอบเขตได้โดยตรง

ตู้ม ตู้ม!

เสียงฟ้าร้องดังก้องจากร่างกายของมู่เฉินอย่างต่อเนื่อง ในเวลาไม่กี่สิบวินาทีร่างมู่เฉินก็ถูกย้อมไปด้วยเลือดดูน่าสังเวชนัก ร่างกายของเขาแทบจะขาดออกจากกันด้วยคลื่นหลิงรุนแรง

แต่โชคดีที่เขามีกายาเซิ่ง ซึ่งมีผลสำหรับการฟื้นฟูที่ทรงพลังในการซ่อมแซมร่างกายอย่างรวดเร็ว

แม้จะเจ็บปวด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความมุ่งมั่นของมู่เฉินสั่นคลอน

เขากัดฟันสงบสติอารมณ์ ไม่ปล่อยให้ตัวเองวนเวียนไปกับแรงกดดันจากคลื่นหลิงขนาดใหญ่

บนแท่นบูชา ปู้สื่อก็ถูกคลื่นกระแทกซัดให้ถอยออกไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ออกจากรัศมีของแท่นบูชา

เขามองไปที่แท่นบูชาพร้อมกับท่าทางเคร่งเครียด พายุทอร์นาโดหลิงที่ก่อตัวห่อหุ้มร่างมู่เฉินและร่างเทพจักรพรรดินิรันดร์ไว้

พลังงานหลิงที่ระเบิดออกมาเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายอย่างเขาก็ไม่กล้าเผชิญ

ปู้สื่อหรี่ตาลงมองร่างกายที่สั่นเทาของมู่เฉิน เขาจินตนาการได้เลยว่ามู่เฉินกำลังเผชิญกับอะไรอยู่ในขณะนี้

แต่ภายใต้ความเจ็บปวด ปู้สื่อก็สามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่าความผันผวนของคลื่นหลิงที่มาจากร่างกายของมู่เฉินกำลังค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น

ตราบใดที่มู่เฉินอดทนต่อความเจ็บปวดนี้ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง

“ราชันมู่ เจ้าต้องประสบความสำเร็จ ห้าปีจากนี้ความเป็นตายของมหาพันภพอยู่ในมือเจ้าแล้ว…”