บทที่ 1538 เก็บกวาดและฝึกฝน

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

ในมิติปีศาจที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด

ชั้นอากาศเต็มไปด้วยรัศมีน่าขนลุกพร้อมกับการกัดกร่อนบนชั้นดิน

หลินต้งและเซียวเหยียนยืนอยู่บนภูเขาสองมือไพล่หลัง ขณะที่มองสภาพแวดล้อมโดยรอบ คิ้วของพวกเขาขมวดแน่น ที่ปลายขอบฟ้าสามารถมองเห็นร่างแสงนับไม่ถ้วน พวกเขาคือกองทัพสมาพันธ์มหาพันภพซึ่งกำลังค้นหาร่องรอยของจักรวรรดิปีศาจอยู่

ตั้งแต่ประกาศสงครามนี่ก็ผ่านมาครึ่งปีแล้ว

ช่วงครึ่งปีสงครามไม่เป็นไปตามที่พวกเขาคาดหวัง เพราะเมื่อกองทัพสมาพันธ์มหาพันภพเข้ามาพื้นที่ทั้งหมดก็ว่างเปล่า

ขณะที่กวาดล้างก็พบปีศาจหลงเหลืออยู่บางส่วน แต่ทันทีที่เกิดการปะทะก็จะถูกล้างบางโดยจอมยุทธ์มหาพันภพ ไม่รอให้สร้างความวุ่นวายใดๆ…

“ท่านเซียวเหยียน ท่านหลินต้ง… เราได้ข้อมูลจากเผ่าปีศาจที่หลงเหลืออยู่ว่าพวกมันถอยกลับไปยังพิภพเขตล่างแล้ว…” ฉิงเทียนปรากฏตัวที่ด้านหลังทั้งสอง

“ซ่อนตัวจริงๆ ด้วย”

เซียวเหยียนถอนหายใจ เทพปีศาจจักรพรรดิยังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เนื่องจากต้องฟื้นตัว ทว่าพวกเขาไม่ได้มีข้อกังวลในเรื่องนี้ ดังนั้นเวลานี้ฝ่ายสมาพันธ์มหาพันภพได้เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เผ่าปีศาจทั้งหลายก็ตัดสินใจที่จะซ่อนตัว

“ในเมื่อพวกมันอยู่ในรู เราก็จะขุดออกทีละตัว!” เสียงเหี้ยมหาญของหลินต้งดังก้องอย่างเย็นชา เผ่าปีศาจทรงพลัง แม้ว่าพวกมันจะซ่อนตัวอยู่ในพิภพเขตล่าง แต่ก็ยังกำจายความผันผวนแปลกประหลาด ดังนั้นด้วยการตรวจจับที่แม่นยำก็สามารถค้นหาได้

ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้เผ่าปีศาจอยู่อย่างสงบสุขและให้เทพปีศาจเข้าสู่สมาธิได้

“ตกลง!”

ฉิงเทียนพยักหน้าพร้อมกับไอสังหารกะพริบในนัยน์ตาก่อนจะหันกลับ กองทัพสมาพันธ์มหาพันภพมาด้วยความกล้าที่พร้อมจะเสี่ยงชีวิต ตอนแรกคิดว่าจะมีการต่อสู้ยิ่งใหญ่ แต่ไม่มีใครคิดว่ากลับไม่พบอะไรเลย

ฉิงเทียนมุ่งหน้าไปแล้ว หลินต้งและเซียวเหยียนก็แลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขามองเห็นความเคร่งขรึมในสายตาของกันและกัน พวกเขารู้ดีว่าหากเทพปีศาจต้องการซ่อนตัวจริงๆ ก็จะเป็นการยากสำหรับพวกเขาที่จะค้นหาอีกฝ่ายผ่านพิภพเขตล่างนับไม่ถ้วน

ทุกวันที่ผ่านไปเทพปีศาจจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนในท้ายที่สุดก็จะฟื้นตัวเต็มที่

“ไม่รู้ว่าตอนนี้มู่เฉินเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”

พวกเขาหันไปมองทางมหาพันภพพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียด

“หวังว่าเขาจะประสบความสำเร็จ มิฉะนั้นมหาพันภพจะไม่มีโอกาสแม้แต่น้อยในอีกห้าปีข้างหน้า…”

 

ควับ ควับ**!**

พายุทอร์นาโดหลิงกวนตัวอยู่ในส่วนลึกของพื้นดิน การขยายตัวทุกครั้งทำให้ดินแดนวั้นมู่ฉีกออกเป็นชิ้นๆ…

ที่ใจกลางของพายุทอร์นาโดร่างเงาสองร่างนั่งหันหน้าเข้าหากันคล้ายกับก้อนหิน

มือของพวกเขาประสานเข้าด้วยกัน คลื่นหลิงของเทพจักรพรรดินิรันดร์ไหลออกมาไม่มีที่สิ้นสุดและคำรามอยู่ภายในร่างกายของมู่เฉิน ฉีกทึ้งร่างของเขาออกจากกัน ขณะเดียวกันก็ซ่อมแซมตัวเองอย่างต่อเนื่อง

เลือดไหลออกมาไม่หยุด ทว่าใบหน้าของมู่เฉินก็ไม่มีริ้วอารมณ์ใด นั่นเป็นเพราะเขาคุ้นเคยกับความเจ็บปวดนี้มาตลอดหกเดือนที่ผ่านมา

เนื่องจากเขาชินจึงรู้สึกด้านชาโดยธรรมชาติ

ปู้สื่อนั่งบนเสาที่ไกลออกไปขณะมองมู่เฉิน “ขั้นเซียนระยะปลายแล้ว…”

เขารู้สึกได้ว่าความผันผวนของพลังงานที่เอิบอาบออกมาจากร่างกายของมู่เฉินมาถึงขอบเขตขั้นเซียนระยะปลายเรียบร้อยแล้ว

“ค่อนข้างช้านะ…”

ปู้สื่อพึมพำ ถ้านับตามเวลาปกติถือว่ารวดเร็วสำหรับผู้ฝึกที่ไปถึงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายได้ภายในหกเดือน แต่ตอนนี้มู่เฉินกำลังรับมรดกของเทพจักรพรรดินิรันดร์ ความเร็วนี้ไม่สามารถคำนวณได้ตามปกติ

นอกจากนี้ปู้สื่อยังสามารถรับรู้ได้ว่าเมื่อมาถึงขั้นเซียนระยะปลาย การเสริมสร้างพลังของมู่เฉินก็ชะลอตัวลงเรื่อยๆ

นี่ไม่ใช่เพราะคลื่นหลิงไม่เพียงพอ แต่มู่เฉินจงใจยับยั้งไว้

“คลื่นลูกใหม่กลบคลื่นลูกเก่าอย่างแท้จริง มิน่าล่ะถึงก้าวมาสู่ขั้นนี้ได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้ มิหนำซ้ำยังได้รับการยอมรับจากร่างมหาเทพนิรันดร์” ปู้สื่อพึมพำเนื่องจากตระหนักได้ว่ามู่เฉินกำลังตั้งใจทำอะไร

มู่เฉินกำลังยับยั้งการเสริมสร้างคลื่นพลัง เนื่องจากรากฐานจะไม่มั่นคงหากแข็งแกร่งขึ้นเร็วเกินไปแม้ว่าคลื่นหลิงของเทพจักรพรรดินิรันดร์จะสูญเสียความตั้งใจและง่ายต่อการดูดซับก็ตาม

แต่พลังก็ทรงศักยภาพเกินไป ถ้าเขาดูดซับอย่างไม่เกรงกลัวก็จะสั่นคลอนรากฐานของตนเอง

ดังนั้นเขาจึงพยายามยับยั้งการดูดซึมและสร้างความชินกับพลังตนเอง แต่การทำแบบนี้เขาจะต้องเจ็บปวดมากกว่าเดิม…

ขนาดเผชิญกับโอกาสที่จะแข็งแกร่งเร็วขึ้น มู่เฉินยังมีจิตใจสงบและฝึกฝนด้วยความยับยั้งชั่งใจ ทำให้ปู้สื่อมองไปด้วยความชื่นชม

ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมทั้งหลินต้งและเซียวเหยียนถึงมีความเห็นที่ดีกับชายหนุ่มคนนี้ยิ่งนัก

แต่แม้ว่าการฝึกฝนของมู่เฉินจะเพิ่มขึ้น แต่เขาก็ยังไม่ได้ฝึกฝนในสิ่งที่เรียกว่าขั้นสามพิสุทธิ์ของวิชาสามพิสุทธิ์

สิ่งนี้ทำให้ปู้สื่อค่อนข้างกังวล เนื่องจากท้ายที่สุดมู่เฉินจะต้องพึ่งพาวิชานี้เพื่อก้าวไปบนทำเนียบเหนือภพ ถ้าไม่บรรลุสิ่งนี้ แม้ว่าด้วยพรสวรรค์ของมู่เฉิน เขาก็ต้องใช้เวลาเป็นร้อยปีกว่าจะลงนามบนทำเนียบเหนือภพได้

แต่ในขณะนี้เขาไม่มีเวลาแล้ว

ดังนั้นมู่เฉินต้องสำเร็จขั้นสามพิสุทธิ์เท่านั้น เขาถึงจะมีคุณสมบัติในการลงนามบนทำเนียบเหนือภพ

ในทางกลับกันโอกาสนี้ไม่มีอะไรเลย แม้ว่ามู่เฉินจะก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ตาม

 

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปอีกปีครึ่ง

นั่นหมายความว่าเป็นเวลาสองปีแล้วที่เกิดสงครามในดินแดนวั้นมู่

ตู้ม ตู้ม!

พิภพเขตล่างแห่งหนึ่งกำลังถูกทำลาย ทั้งมิติแตกสลาย ริ้วแสงนับไม่ถ้วนทะยานออกมาปะทะกับเหล่าปีศาจ

ขณะเดียวกันหลินต้งและเซียวเหยียนที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าก็ยื่นมือออกมาโอบประคองไปเพื่อทำให้พิภพนี้มีเสถียรภาพขึ้น เพราะพิภพล่างเสี่ยงที่จะล่มสลายไปเมื่อจอมยุทธ์ทรงพลังนับไม่ถ้วนแห่กันเข้าไป

พิภพเขตล่างแห่งนี้ถูกยึดครองโดยหนึ่งในสามสิบสองเผ่าใหญ่แห่งจักรวรรดิปีศาจ—เผ่าเตาหมัว ตอนแรกเหล่าปีศาจก็ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ แต่ดันถูกเทพจักรพรรดิทั้งสองค้นพบเข้า กองทัพสมาพันธ์มหาพันภพจึงเปิดการโจมตีไม่ยั้ง

ตู้ม!

ในระยะไกลใบมีดแหลมคมฉีกฟ้าดินออกจากกัน กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายก็ยังไม่กล้าประมาท

ฮึ่ม!

แสงกระบี่เปล่งประกาย กวาดผ่านขอบฟ้าในระยะหลายแสนจั้งปะทะเข้ากับใบมีดแหลมคมนั้น

ชี่ ชี่!

เสียงแสบหูดังก้องออกมาขณะที่มิติแถบนั้นยุบลงเรื่อยๆ ลำแสงสีฟ้าอมเขียวพุ่งออกมาปรากฏที่เบื้องหน้าปีศาจร่างหนึ่ง ทำให้อีกฝ่ายร่างหยุดชะงักไป

เมื่อลำแสงสีฟ้าอมเขียวรวมตัวกันชิงซันก็เผยตัวออกมาพร้อมกับเก็บกระบี่สีเขียวยาวในมือเข้าฝัก

ชี่!

ที่ข้างหลังร่างปีศาจแข็งแกร่งแตกสลายอย่างช้าๆ นี่ก็คือประมุขเผ่าเตาหมัว—จอมปีศาจจ่านเทียน ทว่ายามนี้เขามองไปที่กองทัพสมาพันธ์มหาพันภพด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม แผดเสียงโหดร้ายขึ้น “เมื่อท่านเทพปีศาจฟื้นพลัง มหาพันภพของพวกแกก็จงเตรียมต้อนรับการทำลายล้าง!”

ปัง!

ร่างปีศาจระเบิดออกพร้อมกับรัศมีปีศาจรุนแรงกวาดเข้าหากองทัพจอมยุทธ์บ้าคลั่ง

ฟู่ ฟู่!

แต่ในเวลาเดียวกันเปลวไฟก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า แผดเผารัศมีปีศาจเชี่ยวกรากสิ้นซาก

คนที่เคลื่อนไหวก็คือเซียวเหยียน สายตาเขามองไปที่เผ่าเตาหมัวที่พ่ายแพ้โดยไม่มีอารมณ์ใดๆ ในแววตา เขารู้ว่าตั้งแต่วันนี้สามสิบสองเผ่าใหญ่จะหายไปอีกเผ่า

ในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา พวกเขากวาดล้างไปหกเผ่าใหญ่แล้ว

แต่พวกเขายังไม่ค้นพบร่องรอยของเทพปีศาจจักรพรรดิ

หลินต้งและเซียวเหยียนมองไปที่ท้องฟ้าด้วยสายตาเฉียบคม

ไอ้เทพปีศาจจักรพรรดิ แกซ่อนตัวอยู่ที่ไหน… แม้แต่การทำลายล้างเช่นนี้ก็ไม่สามารถบีบแกออกมาได้รึ?

 

มิตินี้มืดมิดไร้แสงใดแทรกซึมเข้ามา

นี่คือวังปีศาจที่ลอยอยู่ระหว่างสวรรค์และโลก ภายในวังจอมปีศาจเซิ่งเทียนลืมตาโพลงมองไปที่ใจกลางวัง ป้ายปีศาจป้ายหนึ่งแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเส้นชีวิตของจอมปีศาจจ่านเทียน

และการที่ป้ายแตกสลาย นั่นก็หมายความว่าจอมปีศาจจ่านเทียนดับสูญไปตลอดกาลแล้ว

“ไอ้เทพจักรพรรดิอัคคี ไอ้เทพจักรพรรดิสงครามโหดจริงๆ”

จอมปีศาจเซิ่งเทียนพึมพำเสียงเรียบเฉย ในแววตาไม่มีความสงสาร เนื่องจากที่พวกเขาเลือกถอยชั่วคราวก็เพื่อที่จะตอบโต้แบบดุเดือดรุนแรงยิ่งขึ้น

จอมปีศาจเซิ่งเทียนเงยหน้าขึ้นมองไปที่ส่วนลึกของโลกใบนี้ รัศมีปีศาจรุนแรงพลุ่งพล่านอยู่ในทิศทางนั้นราวกับว่ากำลังก่อเกิดบางสิ่งที่น่ากลัว

เขายิ้มเบา ดวงตากะพริบด้วยแสงดุร้าย

“ไอ้สองเทพจักรพรรดิอย่าได้ตีปีกไป ในไม่ช้า… เมื่อถึงเวลานั้นทุกคนจะถูกฆ่าต่อหน้าพวกแก…”

 

ณ ดินแดนวั้นมู่

ครืน!

แรงกดดันคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกไปและกระจายไปทั่วทุกมุม

ปู้สื่อที่นั่งอยู่บนเสาก็ลืมตาขึ้นจ้องไปที่แท่นบูชา ความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังที่ระเบิดออกมาจากร่างกายของมู่เฉินในตอนนี้เข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้ว!

บนแท่นบูชาดวงตาของมู่เฉินที่ปิดสนิทมาสองปีเปิดออก เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงที่แข็งแกร่งภายในร่างกาย ริ้วแสงก็พุ่งออกมาจากดวงตา

ยามนี้เขาสูดหายใจเข้าลึกทำให้หัวใจสงบลง นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะบรรลุขั้นสามพิสุทธิ์!