บทที่ 1539 ขั้นสามพิสุทธิ์

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

ตู้ม ตู้ม**!**

คลื่นหลิงรุนแรงก่อตัวขึ้นเป็นมังกรสายฟ้า เสียงคำรามสะท้อนก้องระหว่างฟ้าดินทำให้ดินแดนวั้นมู่สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น

ที่ใจกลางพายุทอร์นาโดหลิงเสื้อผ้าของมู่เฉินปลิวว่อนจากแรงลม ขณะที่แสงหลิงแผ่ออกมาจากร่างกายเขาพร้อมกับคลื่นความกดดันทรงพลังก็ซ่านตามออกมา

นั่นคือแรงกดดันของระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง!

เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงที่พลุ่งพล่านมู่เฉินก็แสดงออกอย่างตื่นเต้นก่อนจะค่อยๆ สงบลง เขารู้ดีว่าการมาถึงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งเป็นเพียงก้าวแรก วิชาสามพิสุทธ์ขั้นสามต่างหากคือเป้าหมายสูงสุดของเขา

มู่เฉินหายใจเข้าลึกๆ มือประสานกัน “สามพิสุทธิ์!”

เมื่อร่างแสงสองร่างพุ่งออกจากร่างเขาก็นั่งลงล้อมรอบร่างเทพจักรพรรดินิรันดร์เป็นรูปสามเหลี่ยมพลางยื่นมือออกไปแตะลำตัวร่างตรงกลาง

แรงดูดทรงพลังพลุ่งพล่านออกมา

ครืนๆๆๆ!

เสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง คลื่นหลิงไร้ขอบเขตจากร่างจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่หลั่งไหลเข้าสู่ร่างรอง ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านขณะที่พวกเขาดูดซับพลังงานเต็มกำลัง

การดูดซับโดยทั้งสามในเวลาเดียวกัน ประสิทธิภาพเร็วกว่าเมื่อก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย

มู่เฉินไม่มีสีหน้าใด แต่เขาสามารถสัมผัสได้ว่าเมื่อเกิดกระบวนการเสริมสร้างพลังอย่างรวดเร็วภายในร่างรองทั้งสอง ความยากในการควบคุมจะเริ่มยากขึ้น

ทว่ามู่เฉินก็ไม่ได้หยุด ตรงกันข้ามเขากลับเร่งอัตราการดูดซึมแทน

เขามองไปที่ร่างรอง จากนั้นก็หลับตารอให้ทั้งสองถึงขีดสุด

ซึ่งการรอกินเวลาไปทั้งหมดหกเดือน

ครึ่งปีต่อมามู่เฉินก็ลืมตาขึ้นมองไปที่ร่างรองทั้งสอง ในขณะนี้ร่างรองครอบคลุมไปด้วยรัศมีหลิงที่น่าสะพรึงกลัว ดวงตาของพวกเขาแผ่ซ่านไปด้วยแรงกกดดัน

ภายใต้เจตจำนงของเขา คลื่นหลิงที่เอิบอาบออกมาจากร่างรองก็แข็งแกร่งกว่าร่างหลักไปเล็กน้อย

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มู่เฉินสามารถสัมผัสได้ว่าการควบคุมที่เขามีต่อร่างรองอ่อนแอลงมากเลยทีเดียว

ทว่ามู่เฉินยังคงสีหน้าสงบราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“อีกนิด”

มู่เฉินพึมพำมือประสานเข้าหากันทันที ร่างมหาเทพนิรันดร์ปรากฏออกมา เข้าสวมร่างของเขา

“ทักษะเหยินฝ่าเหอยี!”

ตอนนี้มู่เฉินอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้ว ดังนั้นเมื่อเขาใช้ทักษะเหยินฝ่าเหอยีก็จะราบรื่นกว่าเมื่อหลายปีก่อนมาก

เมื่อรัศมีพร่างพราวเปล่งออกมาจากร่างกายเขา ร่างรองทั้งสองก็เปล่งแสงจ้า ขณะที่พลังงานของพวกเขาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

ตู้ม ตู้ม!

ร่างกายของพวกเขาผันผวนพร้อมกับแสงวูบวาบในดวงตา ราวกับว่ามีบางอย่างที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น

สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอันละเอียดอ่อน ดวงตาของมู่เฉินก็เปล่งประกาย ขณะนี้การเชื่อมโยงที่เขามีกับร่างรองทั้งสองคลุมเครือมากยิ่งขึ้น

เมื่อปู้สื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าก็อดเปลี่ยนไปไม่ได้ “เจ้าหนูกำลังทำอะไร? ถ้าร่างรองมีพลังมากเกินไป เขาไม่กลัวพวกมันหลุดจากการควบคุมหรือ?”

นัยน์ตาของมู่เฉินราวกับบ่อน้ำลึก ขณะมองไปที่ร่างรองทั้งสอง เขาสามารถเข้าใจได้อย่างเลือนรางว่าแม้ความเชื่อมโยงระหว่างกันจะคลุมเครือ แต่ก็ยังลึกซึ้งมาก เพราะถึงอย่างไรร่างรองทั้งสองของเขาไม่ได้สร้างขึ้นด้วยวัตถุ แต่ถูกแยกออกจากร่างกาย

“สองขั้นของวิชาสามพิสุทธิ์สร้างร่างรองขึ้นมา แต่ก็มีการแบ่งลำดับขั้น ดังนั้นหากร่างหลักตายร่างรองก็จะสลายไป นี่ไม่ใช่ขอบเขตสูงสุดของวิชาสามพิสุทธิ์”

ดวงตาของมู่เฉินกะพริบด้วยความเข้าใจในขณะที่พึมพำต่อ “เพื่อไปให้ถึงขั้นสามพิสุทธิ์ในตำนาน ข้าจะต้องกำจัดการเชื่อมต่อนี้ เข้าสู่ขั้นที่ไม่มีการแบ่งแยก ข้าคือร่างรอง ร่างรองคือข้า”

เมื่อมองไปที่ร่างรอง รอยยิ้มก็เพิ่มขึ้นบนริมฝีปากขณะยกมือที่มีรัศมีลึกลับขึ้นเบาๆ

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเราเป็นหนึ่งเดียวกัน หากใครต้องการฆ่าข้า พวกมันจะต้องทำลายถึงสามศพ”

คำพูดนี้หมายความว่าหากใครต้องการฆ่ามู่เฉิน การฆ่าร่างหลักเพียงอย่างเดียวจะไม่ทำให้เขาตาย เว้นแต่ทั้งสามจะถูกกำจัดในเวลาเดียวกัน

พูดจบ มือของมู่เฉินก็ค่อยๆ เฉือนลงไป ร่างมู่เฉินชุดดำสั่นสะท้านก่อนที่รอยยิ้มคุ้นเคยจะปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก ซึ่งเป็นรอยยิ้มแบบเดียวกับร่างหลักเลยทีเดียว

เขาประสานมือยิ้มให้กับมู่เฉิน

มู่เฉินยิ้มตอบ จากนั้นก็เฉือนมืออีกครั้งด้วยเส้นวิถีที่แปลกประหลาด

แสงพวยพุ่งออกมาจากดวงตามู่เฉินชุดขาว รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเขา “นี่…คือขั้นสามพิสทุธิ์”

มู่เฉินยิ้มบาง ขณะนี้รู้สึกว่าตนเองสูญเสียการควบคุมร่างรองหมดแล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สามารถควบคุมร่างรองได้ ทั้งสามเป็นคนคนเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องควบคุมอีกต่อไป

ขณะที่มู่เฉินยกมือขึ้นอีกครั้ง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับความรู้สึกที่ไม่สามารถเข้าใจได้เพิ่มขึ้นในหัวใจทำให้เขาเข้าสู่สภาวะรู้แจ้ง

นี่กินเวลานานถึงครึ่งวัน โดยมีมู่เฉินชุดขาวและชุดดำยืนอยู่เคียงข้าง

ต่อมามู่เฉินก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไปที่ร่างรองทั้งสองซึ่งพวกเขาก็พยักหน้าตอบ

มู่เฉินยกมือขึ้นเฉือนลงมาอีกสองครั้ง

ขณะที่เขาสะบัดลง ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน ลำแสงสีทองสองสายยิงออกมาจากศีรษะพุ่งออกจากดินแดนวั้นมู่อย่างรวดเร็ว

สายตามองไปที่ลำแสงสีทองทั้งสองสายเป็นเวลานานก่อนที่จะดึงกลับมา

ฟิ้ว!

ปู้สื่อทะยานเข้ามามองไปที่มู่เฉินทั้งสาม แม้แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตกใจ

เนื่องจากเขาไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างร่างหลักและร่างรองได้แล้ว

“ขอแสดงความยินดีที่ประสบความสำเร็จในขั้นสามพิสุทธิ์” ปู้สื่อกล่าวด้วยความชื่นชม ในน้ำเสียงมีความเคารพแฝงอยู่

แม้ว่าตอนนี้มู่เฉินจะมีขุมพลังขั้นเซิ่งระยะต้นเท่านั้น แต่ก็ให้ความรู้สึกกดดันกับเขา นี่ทำให้เขารู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อสู้กับมู่เฉินภายใต้สภาวะนี้

ในบางแง่มุมพลังการต่อสู้ของมู่เฉินมาถึงระดับเดียวกับเซียวเหยียนและหลินต้งแล้ว

ทันใดนั้นปู้สื่อก็โบกมือ ลำแสงสองสายตกลงที่เบื้องหน้าทั้งสามคน

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองดอกบัวหินสองดอกที่มีร่างสองร่างอยู่ในนั้นซึ่งกำจายไปด้วยกลิ่นอายโบราณ

ร่างหนึ่งกำลังเปล่งรัศมีเทพที่ให้ความรู้สึกราวกับว่าจะไม่ถูกทำลายแม้ว่าโลกจะล่มสลาย

อีกร่างหนึ่งกำจายความผันผวนของคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตซึ่งทำให้มู่เฉินตกตะลึง

“นี่คือร่างมหาเทพปฐมกาลในตำนาน—ร่างมหารัศมีอนันด์ที่มีการป้องกันไม่มีใครเทียบและร่างมหาปราชญ์วิญญาณที่มีพลังงานไร้ขอบเขตเหรอ?” มู่เฉินมองไปที่ร่างมหาเทพทั้งสองที่แผ่ซ่านความผันผวนโบราณ เขาอดไม่ได้ที่จะมีระลอกคลื่นในสายตาขณะที่ดวงตาลุกโชน

ปู้สื่อถอนหายใจมองไปที่ร่างมหาเทพปฐมกาลทั้งสอง มหาพันภพเหลือร่างมหาเทพในตำนานเพียงห้าร่างเท่านั้นและสามในห้าก็มารวมอยู่ที่นี่ หากข่าวนี้กระจายออกไปใครจะรู้ว่าจะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่เพียงใดในมหาพันภพ

หากไม่ใช่เพราะมหาพันภพเผชิญกับภัยคุกคามทำลายล้างใหญ่หลวง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรวบรวมร่างมหาเทพปฐมกาลทั้งสามเข้าด้วยกัน

เมื่อไตร่ตรองว่าถ้ามู่เฉินประสบความสำเร็จในการชำระร่างมหาเทพปฐมกาลทั้งสามได้ กระทั่งปู้สื่อก็อดตกตะลึงไม่ได้ ร่างมหารัศมีอนันด์มีความโดดเด่นในการป้องกัน ส่วนร่างมหาปราชญ์วิญญาณมีพลังงานหลิงไม่มีสิ้นสุด เมื่อจับคู่กับความเป็นอมตะของร่างมหาเทพนิรันดร์ก็มีความเป็นไปได้มากที่มู่เฉินจะก้าวขึ้นเป็นจอมยุทธ์คนที่สามบนทำเนียบเหนือภพ

“ราชันมู่ ร่างมหารัศมีอนันด์และร่างมหาปราชญ์วิญญาณขอส่งมอบให้เจ้า ตอนนี้ทุกคนฝากความหวังไว้ที่เจ้าแล้ว” ปู้สื่อกล่าว

“ข้าจะทำให้ดีที่สุดแน่นอน!”

มู่เฉินฉายสีหน้าเคร่งขรึม เพื่อให้เขากลายเป็นจอมยุทธ์บนทำเนียบคนที่สาม มหาพันภพมอบโอกาสที่หายากให้ ในเมื่อเขาได้รับโอกาสนี้ก็ต้องแบกรับภาระยิ่งใหญ่ไว้

เมื่อเขามองไปที่ร่างรองทั้งสอง พวกเขาก็ฉายสีหน้าเคร่งเครียดพลางพยักหน้า

ฟิ้ว!

อึดใจต่อมาทั้งสองก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พลิ้วตัวลงบนแท่นดอกบัวก่อนที่จะเดินเข้าหาร่างมหาเทพทั้งสอง จากนั้นก็สัมผัสถึงกัน