ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 889 ประมุขทักษิณ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนตี๋ตอนนี้อยู่ในวิหารใหญ่ มองดูภาพมายาเงาแสงภาพหนึ่งในวิหาร ทิวทัศน์ด้านบนเปลี่ยนเป็นมายา ก่อนจะปรากฏทัศนียภาพทางตะวันตก

ขณะมองดูแสงไฟสีแดงฉานที่ม้วนพัดไปทั่วฟ้าอย่างรวดเร็วนั้น เยี่ยนตี๋ก็ถามขึ้นว่า “ประมุขทักษิณจวงเซินลงมือด้วยตัวเองหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “นอกจากเขาแล้ว เขตเพลิงทักษิณไม่มีใครอีกที่มีอานุภาพเช่นนี้”

เขากอดอก “หลักการเดียวกัน ทางเขตตะวันอาคเนย์ ถ้าหากเฉาเจี๋ยไม่อาจลงมือ ก็ไม่มีใครหยุดเขาได้”

“หากป้องกันทะเลหวงเจียไว้ไม่ไหว แนวป้องกันของเขตตะวันอาคเนย์ก็ต้องแต่ต้องถอยไปเรื่อยๆ”

เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ “แต่ว่าอีกฝ่ายต้องได้คืบจะเอาศอก รุกล้ำและไล่ล่าเข้ามาอย่างต่อเนื่องแน่ จนกว่าจะกดดันให้เขาโถงทองส่งถังหย่งฮ่าวออกมาสำเร็จถึงจะหยุด”

ถังหย่งฮ่าว กับกระดูกหงส์อมตะที่แฝงเมฆาคุณธรรมท่อนนั้น เป็นเป้าหมายอันดับแรกของเขตเพลิงทักษิณมาตั้งแต่ต้น ทุกอย่างที่เหลืออยู่รองลงไป

“อืม อาจจะขอให้ส่งข้าไปอีกคน” เยี่ยนจ้าวเกอหยุดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อ

เยี่ยนตี๋ถามว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าต้องการทำลายบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่ดินแดนจิตคุณธรรมหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “เวลากระชั้นชิดไปบ้าง ตอนนี้ยังไม่มีความมั่นใจมากเท่าไร ถ้าหากไม่อาจทำสำเร็จ เช่นนั้นข้าจะกดอัดพลังฝึกปรือของตัวเอง แล้วลงไปเฝ้าประตูบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ในโลกแปดพิภพ”

ทุกคนล้วนกดอัดพลังฝึกปรือลงไปยังโลกเบื้องล่าง แม้ว่าประมุขทักษิณจวงเซินจะไล่ตามลงไปด้วยตัวเอง เยี่ยนจ้าวเกอก็ยินดี

เยี่ยนตี๋ไม่ได้กล่าวอะไร เพียงมองดูท้องฟ้าทางตะวันตกที่เป็นสีแดงด้านในภาพเงาแสงอย่างเงียบๆ

ภาพเงาแสงพลันส่ายไหวครั้งหนึ่ง เหมือนกับได้รับผลกระทบจากแรงภายนอก

จากนั้น เงาแสงก็บิดเบี้ยวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสลายไปในที่สุด

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเสียงทุ้ม “มาแล้ว”

ลำแสงกระจายเต็มฟ้ามุ่งจากเขตเพลิงทักษิณมาถึง ม้วนพัดอาณาเขตของเขตแดนสองเขตอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รุกเข้ามายังดินแดนสุทธทัศน์ซึ่งอยู่บริเวณชายขอบตะวันตกของทะเลหวงเจียในเขตตะวันอาคเนย์ ติดกับเขตเพลิงทักษิณ

พายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดในน่านน้ำของดินแดนสุทธทัศน์อยู่ในช่วงที่รุนแรงที่สุดพอดี

พายุมากมายม้วนน้ำทะเลด้านล่างขึ้นสู่ฟากฟ้า กระแสไฟฟ้าอันน่ากลัวส่ายระริกและส่องแสงระยิบระยับอยู่ในพายุอย่างต่อเนื่อง

ดินแดนสุทธทัศน์ทั้งผืน ต่างเกิดภาพที่ไม่ต่างอะไรกับนรก

กระนั้นหลังจากแสงไฟสีแดงฉานมาถึง พายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดที่น่ากลัวนั้นก็สงบลงไปในระยะเวลาสั้นๆ

แสงสายฟ้าสลาย พายุหยุดลง น้ำทะเลร่วงหล่น

มีเพียงแค่เสาไฟสีแดงฉานที่ซัดโหมไปทั่วฟ้าดิน ข้ามดินแดนสุทธทัศน์อย่างรวดเร็ว

ภัยพิบัติอันน่ากลัวของธรรมชาติ ในตอนนี้คล้ายกับถูกลำแสงเสานี้เหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้า

และทั้งสองข้างก็มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งหลายสาย ตามติดเสาไฟสีแดงฉานเสานั้น เข้ามาด้านในพื้นที่ของทะเลหวงเจีย

เรือยักษ์ขนาดร้อยจั้งลำหนึ่งลอยอยู่ด้านบนท้องฟ้าของน่านน้ำดินแดนสุทธทัศน์และดินแดนภูผาสงัดในทะเลหวงเจีย กลางการล้อมรอบของแสงอัสดง

นี่คือเรือนภาร่อนวายุลำหนึ่ง

คนหลายคนที่ยืนอยู่บนเรือต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะมองลำแสงที่เข้าใกล้ด้านหลัง

คนที่อยู่ที่นี่มีทั้งกระบี่ภูผาเงาหลินฮั่นหัว ศิษย์เอกของประมุขอาคเนย์ และมีพวกมู่จวินที่เป็นลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์เช่นกัน

นอกจากนั้นยังมียอดฝีมือระดับสุดยอดที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายอยู่อีกสามคน

หญิงชราผมขาวโพลนคนหนึ่งในนี้ แขวนกระบี่ไว้ตรงเอวเหมือนกับพวกหลินฮั่นหัวและมู่จวิน จอมยุทธ์ในโลกซ้อนโลกพากันเรียกว่า แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์

นางกับประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยเป็นสหายร่วมสำนัก ทว่าหากประมุขอาคเนย์เห็นนาง ก็ต้องเรียกนางว่าศิษย์พี่

แม้ว่าระดับพลังฝึกปรือของนางจะถูกเฉาเจี๋ยที่อายุน้อยกว่าแซงขึ้นมาทีหลัง แต่แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์ก็ยังคงเป็นหนึ่งในยอดฝีมือระดับสุดยอดของเขตตะวันอาคเนย์อยู่ดี

ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าอีกสองคน ล้วนเป็นผู้อาวุโสในเขตตะวันอาคเนย์ซึ่งสนิทสนมกับเขาโถงทอง ก่อนหน้านี้ตอบรับคำเชิญของพวกแม่เฒ่ากระบี่และหลินฮั่นหัว มุ่งหน้ามาช่วยเหลือ

ก่อนหน้านี้ทุกคนต่อสู้กับยอดฝีมือระดับสุดยอดของเขตเพลิงทักษิณที่ชายแดน ครองความได้เปรียบอยู่บ้าง

ทว่าหลังจากประมุขทักษิณจวงเซินรุดมาถึง คนจากเขตตะวันอาคเนย์ก็ได้แต่ต้องล่าถอยอย่างจนปัญญา

แสงไฟเต็มฟ้ากลายเป็นหงส์เพลิงขนาดยักษ์ตัวหนึ่งกลางอากาศ มันสยายปีกออก บดบังท้องฟ้าและดวงตะวัน

หงส์เพลิงตัวนั้นกระพือปีกเล็กน้อย ก็มีพิรุณเพลิงครอบฟ้าคลุมดินตกลงมา ปกคลุมพวกหลินฮั่นหัวและแม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์ซึ่งอยู่ด้านบนเรือนภาร่อนวายุ

“ประมุขทักษิณข่มเหงคนเกินไปแล้ว” แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์เห็นดังนั้นก็ไม่กล่าวมากความ ฟาดมือใส่กระบี่ตรงเอว พาให้ประกายกระบี่พลันสู่เทียมดวงดาว

วินาทีนี้ ประกายกระบี่สะท้อนแสง เหมือนกับกลุ่มดาวรวมตัว ทำให้ท่วงท่าของหญิงชรางดงามและดูศักดิ์สิทธิ์

ฮูหยินเฒ่าผมขาวโพลนหายตัวไปในแสงดาว ผู้ที่ปรากฏขึ้นมาแทนคือสตรีร่างสูงชะลูดที่มีใบหน้างามสง่า รูปโฉมหมดจนผู้หนึ่ง

นางฟันกระบี่หนึ่งออก ประกายกระบี่กระจายออกไปทุกที่ อาณาเขตของฟ้าดินในตอนแรกพลันถูกเฉือนเป็นรอยแตกรอยหนึ่ง แสงดาวส่องระยิบระยับเป็นจุดๆ ราวกับดาราจักรด้านในร่องแยกอันมืดมิด

ดาราจักรลอยอยู่กลางฟ้า พิรุณเพลิงที่ตกลงมาจากด้านบนล้วนร่วงหล่นใส่ดาราจักร ปะทะกับแสงดาวไม่หยุดยั้ง

แสงไฟกับแสงดาวหายไปสลับกัน ดูตระการตายิ่ง

แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์สภาวะกระบี่ไม่หยุดลง นางกระตุกคมกระบี่ครั้งหนึ่ง แสงดวงดาวนับหมื่นนับพันในทะเลสาบรวมตัวกันที่จุดหนึ่ง พร่างพราวสุดเปรียบปาน เล็งไปยังหงส์เพลิงที่อยู่บนท้องนภา

นางมีนิสัยดุดัน คมกล้าดุจกระบี่ แม้จะเผชิญกับประมุขอาคเนย์จวงเซิน ก็ยังโจมตีสุดกำลัง

หงส์เพลิงร้องเสียงใส บิดร่างกลางอากาศ

ลำแสงนับไม่ถ้วนกลายเป็นวังวนอัคคีที่น่าพรั่นพรึง ลอยอยู่กลางหาว

วังวนนั้นเหมือนกับดวงตาที่น่ากลัวดวงหนึ่ง จ้องมองด้านล่างอย่างเย็นชา ทั้งยังอ้าออกเหมือนกับปากหุบเหว หมายกลืนกินทุกสิ่งเข้าไป

กระบี่ทะลวงฟ้าทะลุดินที่เกิดจากแสงดาว พอเข้าไปในวังวนอัคคี กลับถูกลับอย่างต่อเนื่อง

ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายอีกสองคนบนเรือนภาร่อนวายุลงมือพร้อมกัน

แสงสีฟ้าสายหนึ่งพุ่งขึ้นมา มันไปถึงที่ใด ที่นั่นล้วนเงียบงันวังเวง ทิ้งเกล็ดน้ำแข็งไว้ผืนหนึ่ง

เกล็ดน้ำแข็งกระจายไปทั่ว ไม่เพียงแต่ทำให้ชีวิตเสื่อมโทรมลงเท่านั้น แม้แต่มิติและเวลาก็เหมือนกับหยุดนิ่งไปด้วย

มือยักษ์สีทองข้างหนึ่งกำเป็นหมัด ต่อยขึ้นด้านบน

กำปั้นสีทองกินพื้นที่ไปทั่วบริเวณ มิติระเบิดไม่หยุดยั้ง พลังอันหนักอึ้งที่แฝงอยู่ด้านในบดขยี้มิติเวลาของฟ้าดินโดยตรง

ไม่ได้มีแค่กระบี่ของแม่เฒ่ากระบี่เท่านั้น แม้จะเป็นพลังสองสายที่ตามมาภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ล้วนเหนือกว่าฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อทั้งสิ้น

แสงสว่างสีฟ้ากับหมัดยักษ์สีทอง ระเบิดใส่วังวนอัคคีที่กำลังลับประกายกระบี่นั้นพร้อมกัน

หลังจากวังวนอัคคีบิดเบี้ยวเล็กน้อย ท้ายที่สุดก็แตกสลาย

หงส์เพลิงบินออกมาจากด้านในอีกครั้ง เพียงแต่อ่อนแอลงหลายส่วน

ในตอนนั้นเอง ประกายกระบี่สายหนึ่งก็พุ่งขึ้นฟ้า ฟันใส่หงส์เพลิงที่เป็นเกาทัณฑ์สิ้นสุดการพุ่งโดยตรง!

หลินฮั่นหัว ราชากระบี่ภูผาเงา!

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด กลับหาญกล้าท้ายอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า

ประกายกระบี่พุ่งเข้าไปด้านในร่างหงส์เพลิง แสงไฟเต็มฟ้าคล้ายกับริบหรี่ตามลงไป

ทว่าในพริบตาถัดมา เปลวเพลิงก็สว่างวาบขึ้นอีกครั้ง

หงส์เพลิงสยายปีกบินสูง คล้ายกับดับไปแล้วเกิดขึ้นมาใหม่ ลิ้นเพลิงที่แลบออกมาจากขนตรงหางหลายเส้น ม้วนใส่กระบี่ในมือของหลินฮั่นหัว ทำให้มันรุกคืบต่อไปไม่ได้

พวกแม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์ต่างปั้นสีหน้าเคร่งขรึม

พวกเขาเมื่อครู่ลองหยั่งเชิงคู่ต่อสู้ที่สู้ด้วย

ทว่าความสามารถที่อีกฝ่ายแสดงออกมา เป็นแค่ความน่าอัศจรรย์ของหงส์เพลิงเท่านั้น

ความลับของห้าจริยะ ถึงจะเป็นแก่นแท้ของม้วนคัมภีร์ร่างหงส์อมตะ

อีกฝ่ายไม่ได้ใช้ความสามารถที่แท้จริง

ไกลออกไป ทะเลเพลิงกระจายออก เรือนภาร่อนวายุอีกลำปรากฏขึ้น

นั่นเป็นเรือนภาร่อนวายุที่เป็นของเนินต้นจักรพรรดิบนเขาลีลาหงแห่งเขตเพลิงทักษิณ

บนเรือเทพ เงาร่างสายหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบนิ่ง กล่าวอย่างเฉื่อยชาว่า “เมื่อครู่ได้มอบโอกาสให้พวกท่านทุกคนแสดงความสามารถออกมา นับเป็นการทักทาย”

“ตอนนี้ ส่งถังหย่งฮ่าวกับเยี่ยนจ้าวเกอมาให้ข้า ถ้าไม่ยอม ข้าจะข่มเหงเขตตะวันออกเฉียงใต้ของพวกท่านจริงๆ แล้ว…”

………………..