ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 890 ผู้ปกครองแห่งสองเขตแดน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ด้านบนเรือนภาร่อนวายุมีคนอยู่ไม่กี่คน ล้วนเต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่า ต่างเป็นเหล่าลูกศิษย์จากเนินต้นจักรพรรดิบนเขาลีลาหงส์แห่งเขตเพลิงทักษิณทั้งสิ้น

ด้านหน้าทุกคน นั่งไว้ด้วยคนผู้หนึ่ง แสงอัสดงกับมวลเมฆขับให้เขาโดดเด่น

แสงไฟสีแดงฉานก่อตัวเป็นรัศมีแสงกลุ่มหนึ่งรอบๆ ตัวคนผู้นี้

แสงไฟที่แผ่พุ่งรอบๆ ฟ้าดิน ต่างกระจายออกมาโดยมีคนผู้นี้เป็นศูนย์กลาง

ครั้นเห็นคนผู้นี้ ม่านตาของพวกแม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์และหลินฮั่นหัวก็หดตัวลงเล็กน้อย

เป็นเพราะคนตรงหน้าคือจวงเซิน หนึ่งในประมุขของโลกซ้อนโลก จ้าวชีวิตแห่งเขตเพลิงทักษิณ ผู้ปกครองเนินต้นจักรพรรดิบนเขาลีลาหงส์

คนผู้นี้มีใบหน้าผอมแห้ง ค่อนข้างองอาจ อายุราวสามสิบปี แต่ว่าผมขาวดุจหิมะ มัดเป็นมวยเรียบง่ายมวยหนึ่ง

ใบหน้าของเขาดูคล้ายกับจวงเจาฮุย บุตรของเขาอยู่ห้าหกส่วน

สืบเนื่องจากใบหน้าดูหนุ่มแน่นเกินไป จึงเหมือนพี่น้องมากกว่าพ่อลูก

เพียงแต่คลื่นพลังอันน่ากลัวที่ครอบคลุมผืนฟ้าบอกกับทุกคนอย่างชัดเจน ว่าพลังของเขาสุดที่จวงเจาฮุยจะเทียบเคียงได้

ประมุขทักษิณจวงเซินนั่งบนเก้าอี้อย่างสงบนิ่ง มองดูคนจากเขตตะวันอาคเนย์อย่างเฉื่อยชา

กลางอากาศ หลินฮั่นหัวที่คมกระบี่ถูกเพลิงจากหงส์อมตะมัดไว้ บัดนี้ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์นัก

เขาสะบัดกระบี่ในมือ ประกายกระบี่พลันแยกเป็นสองสาย

ด้านบนท้องฟ้าคล้ายกับมีแสงดาวสองสายส่องระยิบระยับ ราวกับมังกรเขียวสองเขา ทั้งครอบคลุมอำนาจกำเนิดชีวิต อีกทั้งเหี้ยมเกรียมดุดัน น่าสะพรึงยิ่ง!

เขามังกร กลุ่มดาวเขา กลุ่มดาวอันดับแรกในเจ็ดกลุ่มดาวตะวันออก ท่ามกลางกลุ่มดาวยี่สิบแปดกลุ่มบนท้องฟ้า

มังกรเขียวพุ่งสองเขา ใช้แรงสะบัด สลัดจากการสะกดของอัคคี

หลินฮั่นหัวกระตุ้นประกายกระบี่ กลุ่มดาวเขานำหน้า มังกรทองกลุ่มคอ เหอดิน (แรคคูน) กลุ่มขาหน้า กระต่ายอาทิตย์กลุ่มท้อง จิ้งจอกจันทร์กลุ่มหัวใจ พยัคฆ์อัคคีกลุ่มหาง เสือดาววารีกลุ่มกระด้งบังเกิดขึ้นตามลำดับ เจ็ดกลุ่มดาวมังกรเขียวตะวันออกปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน!

ประกายกระบี่อันดุดันกับแสงดาวอันยิ่งใหญ่รวมตัวกันที่จุดหนึ่ง กลายเป็นมังกรยักษ์ที่เหมือนกับดาราจักร

เสียงมังกรสะท้านฟ้าดังขึ้น กลุ่มดาวมังกรเขียวโต้ตอบหงส์เพลิงที่เหมือนเทพเจ้าเสด็จลงมาตัวนั้น!

แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์มือกำเป็นมุทรากระบี่พร้อมกัน หมาป่าไม้กลุ่มขา สุนัขทองกลุ่มสายใย ไก่ฟ้าดินกลุ่มกระเพาะ ไก่อาทิตย์กลุ่มหงอน ปักษาจันทร์กลุ่มแห วานรอัคคีกลุ่มปาก วานรวารีกลุ่มไตรดารา เจ็ดกระบี่รวมเป็นหนึ่ง กอปรกันเป็นสภาวะเจ็ดกลุ่มดาวพยัคฆ์

ประกายกระบี่กับแสงดาวพากันกลายเป็นพยัคฆ์ขาวดุร้าย รังสีสังหารสั่นสะท้าน

ยอดฝีมือจากเขตตะวันอาคเนย์ที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าอีกสองคน ต่างปลุกปลอบความกล้า ใช้กระบวนท่าพร้อมกัน จู่โจมใส่หงส์เพลิง

ประมุขทักษิณจวงเซินที่อยู่บนเรือนภาร่อนวายุนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ไหวติง ตั้งมือขวาขึ้นประดุจดาบ ฟันสามครั้งใส่อากาศติดต่อกัน

ด้านในทะเลเพลิงเต็มฟ้ามีหงส์เพลิงสามตัวบินออกมา ผนึกกำลังกับตัวแรก แยกกันปะทะกับพวกหลินฮั่นหัว

แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ขณะโรมรันกับหงส์เพลิง สภาวะกระบี่ก็พลันเปลี่ยนแปลง

เจ็ดกลุ่มดาวพยัคฆ์ขาวทิศตะวันตก กลายเป็นเจ็ดกลุ่มดาวเต่างูดำทิศเหนือ

ดาราจักรบนท้องฟ้าคล้ายกับกลายเป็นทะเลสาบของจริง ร่วงหล่นลงจากฟ้า พลันสะกดหงส์เพลิงตัวนั้นไว้!

ทว่าไม่ทันไร ด้านข้างหงส์เพลิงตัวนั้นก็มีควันสีเหลืองหลายสายลอยขึ้นมา มอบความรู้สึกหนักอึ้งยิ่งใหญ่สุดเปรียบปานให้แก่ผู้คน ราวกับแผ่นดินที่รองรับฟ้าบรรจุสรรพสัตว์

เมื่อควันสีเหลืองปรากฏขึ้น ก็พลันสะกดเต่างูดำที่เกิดจากเจตจำนงกระบี่แสงดาวของแม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์ไว้

ปฐพีอานิสงส์ จิตห้าจริยะ!

กุศลไร้สิ้นสุด สืบทอดความดี

ใช้คุ้มกันกาย ทอดยาวไม่ขาดสาย สิ่งชั่วร้ายไม่อาจกล้ำกราย

เมื่อใช้ออกมา จะทำให้พลังของตัวเองแข็งแกร่งทนทาน ศัตรูไม่อาจแก้ไข กอปรกันเป็นสภาวะที่ไม่อาจทำลาย โจมตีไม่ได้

ยามนี้หงส์เพลิงอีกสามตัวล้วนหายไป เหลือเพียงหงส์เพลิงที่มีอานิสงส์คุ้มกันกายตัวนี้

หงส์เพลิงที่สวมปฐพีอานิสงส์บินวนกลางอากาศ ไม่ได้มีแค่แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์เพียงคนเดียว แม้แต่การโจมตีของพวกหลินฮั่นหัวสามคนต่างถูกทำลายสิ้น!

“เกิดเป็นคนต้องรู้สึกรุกรู้จักถอย” จวงเซินที่อยู่บนเรือนภาร่อนวายุ ยื่นมือออกมากดใส่อากาศ “รู้ว่าเหยียบอยู่บนเส้นทางตาย แม้เทพก็ไม่อาจช่วยเหลือ”

หงส์เพลิงโถมตัวพุ่งลงด้านล่าง อ้อมหลบหลินฮั่นหัวกับแม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์ โจมตีใส่ผู้อาวุโสจากเขตตะวันอาคเนย์สองคนนั้น

ทว่าในตอนนั้นเอง มิติด้านบนท้องฟ้าพลันเปิดออก แสงดาวส่องระยิบระยับ

ดวงดาวทุกดวงในตอนนี้ส่องสว่างละลานตา สาดแสงไปทั่วบริเวณราวกับอาทิตย์กลางฟ้า

ฟ้าดินที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่เคยใกล้ชิดดวงดาวที่แท้จริงขนาดนี้มาก่อน

ดวงดาวที่โคจรบนเส้นทางของตัวเองแต่ละดวง คล้ายกับอยู่รอบๆ ตัวทุกคน

ประมุขทักษิณจวงเซินที่อยู่บนเรือนภาร่อนวายุสายตาคมกริบ ในที่สุดก็จริงจังขึ้นมา “เฉาเจี๋ย ท่านมาแล้วหรือ”

ลำแสงหยาบใหญ่ยี่สิบแปดเสาที่อยู่บนท้องฟ้าพุ่งลงด้านล่างพร้อมกัน

กลุ่มดาวยี่สิบแปดกลุ่มส่องแสงระยิบระยับ กลายเป็นประกายกระบี่ทะลวงฟ้าทะลุดินยี่สิบแปดสาย ก่อนโถมลงมายังทะเลหวงเจียบนโลกซ้อนโลก เล็งที่หงส์เพลิงนั้น

จวงเซินลุกขึ้นจากที่นั่น ยืนอยู่บนหัวเรือ ใช้ฝ่ามือต่างดาบ ฟันออกไปดาบหนึ่งอย่างแช่มช้า

หงส์เพลิงตัวนั้นร้องเสียงสดใส ละทิ้งพวกหลินฮั่นหัว บินขึ้นด้านบน

ในขณะที่บินขึ้น เปลวเพลิงไร้สิ้นสุดรวมตัวกันบนร่างของหงส์เพลิง

ร่างของหงส์เพลิงไม่ได้ใหญ่ขึ้น ทว่าพลังกับผนึกรวมกันมากกว่าเดิม

ปฐพีอานิสงส์ แสงม่วงบารมี และปราณขาวกุศลซ่อน ปรากฏขึ้นพร้อมกัน

นอกจากนี้แล้วยังมีระลอกน้ำจางๆ กระเพื่อมขึ้น กระจายไปทั่วทุกที่ ดุจองค์ศาสดาเสด็จมาเยือน ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่อาจกระทบถูก

นี่คือคลื่นบุญบารมี

นอกจากเมฆาคุณธรรมแล้ว หงส์เพลิงตัวนั้นมีสี่จริยะส่งเสริม ธารแสงวิจิตรงดงาม ราวกับหลุดพ้นจากโลก ไม่ตายและไม่ดับสลาย

ประกายกระบี่อันสว่างไสวที่เกิดจากกลุ่มดาวยี่สิบแปดกลุ่มกลางอากาศ รวมตัวกันบริเวณหนึ่ง พุ่งใส่ร่างของหงส์เพลิงตัวนั้น

ประกายกระบี่หมุนวน โลกซ้อนโลกคล้ายกับกำลังถูกฉีกกระชากเป็นช่องโหว่

ขณะมองประกายกระบี่ที่พุ่งลงมาจากด้านบน คนจากเขตตะวันอาคเนย์ ล้วนผ่อนคลายลมหายใจ

“ในที่สุดศิษย์น้องเฉาก็มาถึงแล้ว” แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์เก็บกระบี่เข้าฝัก กลายเป็นหญิงชราผมขาวโพลนอีกครั้ง

หลินฮั่นหัวว่า “เป็นจักรพรรดิแพรสอดมือหรือ”

แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์พยักหน้าอย่างแช่มช้า “ดูเหมือนในที่สุดจักรพรรดิแพรก็กลับมาจากมิติต่างแดน ขัดขวางจักรพรรดิเอกภพได้ทันพอดี”

ท่ามกลางทะเลดาวบนท้องฟ้า บุรุษอาภรณ์ม่วง ดวงตาดุจดวงดารา ทั้งยังคมกริบเหมือนกระบี่ผู้หนึ่ง ปรากฏตัวขึ้น

เฉาเจี๋ย ผู้ปกครองเขตตะวันอาคเนย์ ประมุขอาคเนย์!

ประมุขทักษิณจวงเซนมองเฉาเจี๋ยที่อยู่บนฟากฟ้า ใบหน้าไร้อารมณ์ ร่างลอยขึ้นจากเรือนภาร่อนวายุอย่างเชื่องช้า

หงส์เพลิงที่มีสี่จริยะหนุนนำตัวนั้นกลับมาอยู่ด้านข้างเขา รวมกับเขาเป็นหนึ่ง พลันยิ่งใหญ่กว่าเดิม

แม้ว่ากลุ่มดาวยี่สิบแปดกลุ่มด้านบนจะรวมกันเป็นประกายกระบี่ตกลงมา ก็ไม่อาจทำอะไรมันได้แม้แต่ปลายเส้นขน

เมื่อมีห้าจริยะส่งเสริม ภัยพิบัติทั้งหลายไม่อาจต้องตัว ฟ้าดินสูญสิ้นจึงค่อยสูญสิ้น

จวงเซิงมีสี่จริยะคอยคุ้มกัน พลังป้องกันสูงถึงขั้นที่น่าตกใจ

เขามองเฉาเจี๋ยอย่างเฉื่อยชา “ตลอดชีวิตของข้า ได้เก็บรวบรวมจิตห้าจริยะอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ขาดอีกเพียงก้าวเดียวก็จะสมบูรณ์ ท่านที่ทราบดีแท้ๆ แต่กลับรับถังหย่งฮ่าวนั่นเข้าสำนัก หรือว่าตั้งใจจะสร้างลำบากให้แก่ข้า”

เฉาเจี๋ยกล่าวอย่างเรียบเฉย “ในอาณาเขตของเขตตะวันอาคเนย์ ข้าคิดจะรับใครเป็นศิษย์ก็เป็นเรื่องของข้า”

เขาพูดพร้อมกับกำนิ้วเป็นมุทรากระบี่ ชี้จวงเซินที่อยู่ด้านล่าง

“ถังหย่งฮ่าวเป็นศิษย์ของข้า ท่านให้ข้ามอบคน จวงเซิน ท่านคิดว่าตัวท่านเป็นใครกัน”

ในดวงตาของเฉาเจี๋ยระเบิดแสงสีม่วงออกมา ทิศที่มุทรากระบี่ชี้ไป ทะเลดวงดาวบนท้องฟ้าก็สั่นไหวอีกครั้ง

ดวงดาวนับไม่ถ้วนโคจร ปราณสีม่วงหลายสายแผ่พุ่งไฟทั่วฟ้าดิน พวกมันมาจากทางช้างเผือกที่อยู่ไกลโพ้น เสริมพลังให้แก่เฉาเจี๋ย

ที่ปลายนิ้วของเฉาเจี๋ยปรากฏประกายกระบี่สีม่วงสายหนึ่ง

ประกายกระบี่พุ่งไปทั่วบริเวณ สี่จริยะคุ้มกันกายของจวงเซินเริ่มแตกร้าวโดยพลัน!

………………..