ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 891 ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องกลายเป็นประวัติศาสตร์

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ประกายกระบี่สีม่วงสายนี้ของเฉาเจี๋ย มีอานุภาพยิ่งใหญ่ แม้แต่จวงเซินที่มีสี่จริยะหนุนนำ ก็ยังคงต้านทานความคมกล้าของมันไม่ได้อยู่บ้าง!

คลื่นบุญบารมีที่สรรพภัยมิสมควรกล้ำกราย ยามนี้ถูกย้อมด้วยแสงสีม่วงจางๆ ไม่ได้บริสุทธิ์ดุจเดิมอีก

ปฐพีอานิสงส์ที่ยืดยาวไม่ขาดสาย ความชั่วร้ายไม่อาจบุกรุก บัดนี้ค่อยๆ สั่นไหวและแหลกสลาย

แสงม่วงบารมีที่กีดกันภัยสังหาร เริ่มเปลี่ยนเป็นซีดจาง สัญญาณสังหารเริ่มปรากฏเค้าให้เห็น

ปราณขาวกุศลซ่อนที่มักจะก่อให้เกิดพลังชีวิตในสรรพภัย ตอนนี้ปราดเปรียวเป็นพิเศษ เริ่มสำแดงผล

แววตาของจวงเซินลุ่มลึกขึ้น “กระบี่จักรพรรดิสามกำแพง กระบี่จักรพรรดิสวรรค์…”

กระบี่จักรพรรดิสามกำพง วรยุทธ์สายสืบทอดของจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาว

ทั้งยังเป็นวรยุทธ์มรรคากระบี่สำนักเต๋าที่อยู่เหนือเคล็ดวิชากระบี่ยี่สิบแปดกลุ่มดาว

กำแพงจื่อเวยเป็นจุดศูนย์กลางของสามกำแพง กระบี่จักรพรรดิสวรรค์ที่เกิดขึ้นทรงอานุภาพยากหยั่งคาด มีความน่าอัศจรรย์ได้ไร้สิ้นสุด

นี่คือรากฐานในการสร้างสำนักของเขาโถงทอง แม้ว่ากระบี่จักรพรรดิสามกำแพงซึ่งเขาโถงทองรับสืบทอดจะไม่สมบูรณ์ ทว่ามีเพียงแค่กระบี่จักรพรรดิสวรรค์ ก็สยบคนทั้งโลกได้แล้ว

ประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยในฐานะผู้ฝึกกระบี่ หากมองดูทั่วทั้งโลกซ้อนโลกแล้ว ในระดับประมุขด้วยกันยังมีน้อยคนนักที่เทียบพลังโจมตีกับเขาได้

แม้จะเป็นประมุขทักษิณจวงเซินที่มีสี่จริยะหนุนนำ มีพลังป้องกันน่าทึ่ง ยามนี้ก็ไม่อาจไม่หลบความคมกล้า

“สี่จริยะส่งเสริม หงส์อมตะอยู่ในภาวะนิพพาน ข้าสังหารท่านไม่ได้” เฉาเจี๋ยชี้กระบี่ที่จวงเซิน “แต่ท่านก็เอาชนะข้าไม่ได้เช่นกัน”

น้ำเสียงของเขาสงบนิ่ง ราวกับกำลังบรรยายข้อเท็จจริงที่ไม่อาจชัดเจนไปมากกว่านี้ข้อหนึ่ง

ผลลัพธ์การประมือของทั้งสองฝ่าย กำลังพิสูจน์ถึงเรื่องนี้

กระบี่จักรพรรดิสวรรค์ของเฉาเจี๋ยพุ่งลง ฟันทำลายหงส์เพลิงที่ห่อคลุมร่างของจวนเซิง ใช้สี่จริยะคุ้มกันกายจนดับสูญ!

ท่ามกลางลำเพลิงเต็มฟ้า จวงเซินกลับไปอยู่บนเรือนภาร่อนวายุใหม่

ก้มหน้ามองไป บนฝ่ามือของตน ถึงกับเพิ่มรูเลือกขึ้นมาสายหนึ่ง

แสงอัคคีครอบคลุม จวงเซินกับเรือนภาร่อนวายุบ่ายหน้าจากไป

เสียงของเขาดังขึ้นอย่างเฉื่อยชา “เทียบกับท่านแล้ว ข้าถนัดป้องกันมากกว่าโจมตี หากสู้กันหนึ่งต่อหนึ่ง ไม่อาจเปรียบได้จริงๆ”

ไม่ว่าจะเป็นจวงเซินหรือเฉาเจี๋ย ต่างมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงกับของวิเศษล้ำค่าอยู่กับตัว

ทว่าทั้งสองฝายไม่ใช่เพิ่งประมือกันเป็นครั้งแรก ต่างฝ่ายต่างพอจะรู้ตื้นลึกหนาบางของกันและกันอยู่คร่าวๆ

หลังจากแลกเปลี่ยนกระบวนท่า เพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าที่ไม่เห็นมาหลายปีและความลึกล้ำในปัจจุบันของอีกฝ่าย พวกเขาก็พอจะมั่นใจขึ้น

ทั้งสองล้วนมีพลังฝึกปรือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ระดับประมุขในหมู่มนุษย์ บางทีอาจจะตัดสินแพ้ชนะออก แต่ยากจะตัดสินเป็นตาย

เฉาเจี๋ยในเมื่อปรากฏตัวขึ้นที่นี่ จวงเซินก็ทราบว่าไม่อาจใช้แผนการก่อนหน้าได้อีก สู้ต่อไปก็ไม่มีความหมาย

น้ำเสียงของเขาเรียบเฉย ไม่ปรากฏความขุ่นเคืองหรือการยอมแพ้ มีเพียงความมั่นใจและความแน่วแน่ “แต่กระดูกหงส์อมตะนั้น ข้าจะต้องเอามาให้ได้ เฉาเจี๋ย พวกเราค่อยพบกันวันหน้า”

หงส์เพลิงปรากฏขึ้นอีกครั้ง ห่อหุ้มเรือนภาร่อนวายุ มีขนาดใหญ่เหลือประมาณ

สองปีกกระพือ พริบตาเดียวก็ข้ามผ่านดินแดนสุทธทัศน์ มุ่งหน้าไปยังเขตเพลิงทักษิณทางตะวันตก

เฉาเจี๋ยยืนอยู่กลางอากาศ สืบเท้าออกด้านหน้า ไล่ตามไป

ทิศที่ประกายดาบชี้ไป ดวงดาวบนท้องฟ้าคล้ายพากันร่วงหล่น กระแทกใส่หงส์เพลิงที่หนีไปนั้นอย่างต่อเนื่อง

ธารเพลิงกระเด็นไปทั่วท้องฟ้าอยู่ชั่วขณะ ราวกับขนหงส์อมตะจำนวนนับไม่ถ้วนหลุดร่วง

หลินฮั่นหัว แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์ และผู้อาวุโสระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าสองคนนั้น ยังมีจอมยุทธ์จากเขตตะวันอาคเนย์ทั้งหมดบนเรือ ยามนี้รู้สึกฮึกเหิมขึ้น

“ศัตรูที่มาบุกตะวันออกเฉียงใต้ ล้วนสังหารให้หมดสิ้น พวกเราติดตามศิษย์น้องเฉาเอาคืนเขตเพลิงทักษิณ” แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์ครั้งนี้เอ่ยปากขึ้น

หลินฮั่นหัวตอบ “ขอรับท่านอาจารย์ป้า”

ทุกคนหันหัวหอก เปลี่ยนจากรับเป็นรุก ติดตามไล่โจมตีพร้อมกับประมุขอาคเนย์ทันที

ยอดฝีมือจากเขตเพลิงทักษิณที่บุกรุกเข้ามาในเขตตะวันอาคเนย์ก็ปราดเปรียวเช่นกัน ครั้นพบกว่าประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยปรากฏกาย และประมุขทักษิณจวงเซินถอยทัพ ก็พลันหยุดฝีเท้า หันศีรษะถอยกลับทันที

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ก็ยังคงมีคนถูกไล่ตามสังหาร ตกตายลงที่นี่ สิ้นชีวิตไป

เมื่อพิจารณาได้ว่าในเขตตะวันอาคเนย์ของตนยังมีปัญหาให้ต้องจัดการ หลังจากเฉาเจี๋ยกดดันจวงเซินให้ถอยกลับเนินต้นจักรพรรดิบนเขาลีลาหงส์ได้แล้ว ในที่สุดก็ถอนทัพกลับไป

เมืองอัคคีลี้ลับ ณ ดินแดนด้ามมังกรซึ่งตั้งอยู่บนศูนย์กลางของทะเลหวงเจีย

ขณะเดียวกันก็เป็นนครหลวงของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง

เมืองนี้เพิ่งสร้างขึ้นไม่กี่ร้อยปี ทว่าในร้อยกว่าปีนี้มันอยู่ที่ใจกลางของทะเลหวงเจียมาโดยตลอด เรียกได้ว่าเป็นนครอันดับหนึ่งของทะเลหวงเจีย

เพียงแต่เมืองอัคคีลี้ลับที่กาลก่อนเคยรุ่งเรือง บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ตอนที่ทะเลหวงเจียเกิดควันสงครามขึ้นก่อนหน้านี้ ทุกๆ แห่งหนลุกฮือต่อต้านต้าเสวียน ทว่าก็ยังไม่เคยเห็นเมืองอัคคีลี้ลับมีสภาพนี้มาก่อน

ทว่าตอนนี้ ทั่วทุกบริเวณล้วนสับสนอลหม่าน

เนื่องจากผลการต่อสู้บนดินแดนจิตคุณธรรมส่งมาถึงที่นี่แล้ว

พวกผู้วิเศษเซิง เสวียนเฉิงอ๋อง นักพรตสือ คังผิงซึ่งเป็นยอดฝีมือระดับสุดยอด ได้ยาตราทัพไปที่เขากว่างเฉิง แต่สุดท้ายก็กลับพินาศย่อยยับ!

ครั้นข่าวนี้ถูกส่งกลับเมืองอัคคีลี้ลับ ก็เหมือนกับอัสนีบาตในวันฟ้าใส ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มดินทลาย

ยอดฝีมือราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่เฝ้าอยู่ที่นี่ ลองพยายามสงบจิตใจ

ความหวังเดียวของพวกเขาก็คือ ค่ายกลบูชาฟ้าอันเป็นความลับนั้น

ถ้าค่ายกลค่ายนั้นยังอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเขาโถงทองหรือเขากว่างเฉิง ต่างต้องไว้หน้าจักรพรรดิเอกภพกำเนิด ไม่ถึงขนาดสังหารพวกเขาจนหมดสิ้นกระมัง

นี่เป็นความหวังสุดท้ายของราชวงศ์ต้าเสวียนอ่องแล้ว

ทว่าวันนี้ คนผู้หนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นเหนือเมืองอัคคีลี้ลับ

ฮูหยินเฒ่าผู้มีผมสีขาวโพลน ท่าทางแก่ชราผู้หนึ่ง

กระนั้นในตอนที่ประกายกระบี่สว่างขึ้น ดาราจักรบนท้องฟ้าก็ส่องแสง ราวกับดาราจักรม้วนพลิก พุ่งเอียงใส่เมืองอัคคีลี้ลับ

ผู้คุมครองซึ่งอยู่ในเมือง มีพลังฝึกปรือไม่เกินจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย จะต้านทานแม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์ซึ่งเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายได้อย่างไร

วันนี้เมืองอัคคีลี้ลับถูกทำลาย ค่ายกลบูชาฟ้าพินาศ

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องกลายเป็นประวัติศาสตร์บนทะเลหวงเจียโดยสมบูรณ์แล้ว

ในเมื่อเดินร่วมทางกับเขาโถงทองแล้ว หยวนเจิ้งเฟิงก็ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเหมือนหนูติดจั่น

ในตอนที่โต้กลับเขตเพลิงทักษิณ เขาก็เข้าร่วมด้วย

จนกระทั่งกลับทะเลหวงเจียในเขตตะวันอาคเนย์ เพิ่งจะรุดถึงที่อยู่ของเขากว่างเฉิงบนดินแดนจิตคุณธรรม ก็มีข่าวหนึ่งส่งมา

แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์ ทำลายนครหลวงต้าเสวียนแล้ว!

“นครหลวงต้าเสวียนถูกทำลาย ค่ายกลบูชาฟ้าที่อยู่ที่นั่นก็ไม่อาจคงอยู่ต่อไปได้” ครั้นหยวนเจิ้งเฟิงได้ยินข่าว เขาก็ถอนใจพลางเอ่ยว่า “ประมุขอาคเนย์ฉีกหน้าผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องแล้ว”

หากไม่ได้รับคำสั่งจากประมุขอาคเนย์ แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์ก็ไม่ถึงกับสังหารจนหมดสิ้น

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “จักรพรรดิผู้นั้น ครั้งนี้เท่ากับยอมรับว่าตนเองกับประมุขทักษิณกดดันประมุขอาคเนย์อยู่”

“ประมุขอาคเนย์มีนิสัยค่อนข้างเฉยชา แต่กลับไม่ใช่มนุษย์โคลน ไหนเลยจะไม่มีโทสะ ขเป็นจอมกระบี่ผู้หนึ่ง แม้ว่าส่วนใหญ่จะใช้หลักผู้คนสะดวกสบายตนสะดวกสบาย แต่หากมีคนตอแยเขา เขาก็ตรงไปตรงมายิ่งกว่าคนส่วนใหญ่เสียอีก”

หยวนเจิ้งเฟิงชี้เยี่ยนจ้าวเกอ “ถ้าหากไม่ใช่เพราะสำนักเราทำลายภารกิจของจักรพรรดิผู้นั้น สังหาราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องจนน่าอเนจอนาจ เกรงว่าเขาคงไม่ลงมือรุนแรงเช่นนี้

“บางทีสำหรับเขา ประมุขอาคเนย์มอบหมายให้พวกเราทำเช่นนี้”

เยี่ยนจ้าวเกอฉีกยิ้ม “ในระดับหนึ่งก็คือ พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทั่วทั้งเขาโถงทองสมควรเข้าใจหลักการที่อยู่ด้านใน บางคนไม่แน่ว่าเกิดความคับข้องขึ้นด้วย”

ฟางจุ่นว่า “ดูจากตอนนี้แล้ว ประมุขอาคเนย์ยังไม่เก็บไปใส่ใจ ตามคำพูดของท่านอาจารย์ แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์กับราชากระบี่ภูผาเงาก็ไม่สนใจเช่นกัน เท่านี้ความจริงถือว่าเพียงพอแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายนึกได้อันใด “พูดถึงราชากระบี่ภูผาเงา ข้าว่ายังมีเรื่องต้องห่วงอยู่…”

………………..