ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 892 การเชื้อเชิญจากจักรพรรดิแพรงาม

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ราวๆ หนึ่งปีก่อน ผู้วิเศษเซิงได้กลับมากวาดล้างทะเลหวงเจียไปทั่วสี่ทิศ

นอกจากเขากว่างเฉิงที่ปกป้องตัวเองได้แล้ว หอกระบี่ทะเลเหนือ สำนักความมืด และเกาะมนุษย์สำริด กำลังหลักของขุมกำลังต่อต้านต้าเสวียนล้วนถูกตีแตก

ผู้ปกครองเกาะมนุษย์สำริดกงซุนอู่ถูกสังหาร ผู้คุมหอกระบี่ทะเลเหนือกู้หงถูกจับ

ผู้วิเศษเซิงไม่อาจทำอะไรเขากวางเฉิงตามใจชอบได้ชั่วคราว หลังจากเขาผละไปแล้ว ก็เปลี่ยนไปโจมตีสำนักความมืดแทน

ทว่าหลินฮั่นหัวราชากระบี่ภูผาเงารุดจากทางตะวันตกของทะเลหวงเจียมาถึงน่านน้ำทางใต้ ต่อสู้กับผู้วิเศษเซิงครั้งหนึ่ง

ในที่สุดราชากระบี่ภูผาเงาก็ช่วยกู้หงกลับมา โจวฮ่าวเซิงเจ้าสำนักความมืดได้รับการคุ้มครองจากหลินฮั่นหัว

ผู้วิเศษเซิงถอยกลับเมืองอัคคีลี้ลับซึ่งเป็นนครหลวงของต้าเสวียน

“ดูจากผลลัพธ์แล้ว หลินฮั่นหัวเป็นฝ่ายได้เปรียบ” เยี่ยนจ้าวเกอในตอนที่ได้ยินข่าว ก็ทำการวินิจฉัยเช่นนี้

สองฝ่ายประมือกัน หากฝ่ายหนึ่งต้องคอยคุ้มครองฝ่ายที่สาม จะตึงมือตึงเท้ายิ่ง สังหารคนง่ายแต่ปกป้องคนยาก

ฝ่ายป้องกัน เท่ากับละทิ้งสิทธิ์ในการบุกไประดับหนึ่ง

ในสถานการณ์เช่นนี้ หลินฮั่นหัวยังสามารถสู้กับผู้วิเศษเซิงได้อย่างสูสี ปกป้องกู้หงและโจวฮ่าวเซิงสำเร็จ ความจริงเท่ากับเป็นความได้เปรียบที่มองไม่เห็น

กระนั้นปัญหาก็คือ ผู้วิเศษเซิงมีพลังไม่ต่ำทราม

เขาเป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดไม่กี่คน ที่หาญสู้กับยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า

หลินฮั่นหัวแม้จะแข็งแกร่ง แต่ก็ยากจะรักษาชีวิตของกู้หงและโจวฮ่าวเซิงจากกระบี่ของผู้วิเศษเซิงโดยรักษาพลังเอาไว้

ตอนนั้น เยี่ยนจ้าวเกอนึกสงสัย ไม่ทราบว่าหลินฮั่นหัวได้เผยเบื้องหลังหรือไม่

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องกับผู้วิเศษเซิงแม้ภายหลังไม่มีการเคลื่อนไหวใด แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าปลอดภัยไร้เรื่องราว

ในขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอประมือกับผู้วิเศษเซิง เขาแสดงกระบี่ลวงเซียนออกมา ตอนที่ผู้วิเศษเซิงตกใจอยู่ เขาพูดประโยคหนึ่งออกมาว่า

‘เขตตะวันอาคเนย์เป็นที่ที่พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนอย่างแท้จริง’

เหตุใดจึงบอกว่าเขตตะวันอาคเนย์เป็นที่ที่พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน แทนที่จะรำพึงรำพันแค่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอบรรลุวรยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์

เขาเคยเห็นคนที่ใช้วรยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์บนเขตตะวันอาคเนย์อีกใช่หรือไม่

“ดูจากตอนนี้ บางทีตอนที่หลินฮั่นหัวประมือกับเขา จะมากจะน้อยก็คงพอเห็นเบื้องหลังบ้างแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเอง ถอนใจ “สถานะของหลินฮั่นหัวสมควรเป็นความลับ อย่าว่าแต่ประมุขทั้งสิบ แม้แต่สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ ก็เกรงว่าจะไม่ได้มีทุกคนที่ทราบ”

แม้จะทราบถึงการดำรงอยู่ของคนแบบนี้ และรู้ว่าในบรรดาศิษย์หลานของจักรพรรดิน้ำพุหลง บางทีอาจจะมีคนผู้หนึ่งกลับยังโลกซ้อนโลกซึ่งเป็นมาตุภูมิ

กระนั้นกลับทราบอย่างจำกัดว่าแท้จริงแล้วคนผู้นี้เป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดคนใดกันแน่

กษัตริย์ดินจะต้องรู้ ประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยก็ต้องรู้ แต่คนอื่นๆ กลับไม่แน่แล้ว

ทว่าถ้าหากหลินฮั่นหัวถูกดูออกในตอนที่ประมือกับผู้วิเศษเซิง เช่นนั้นก็เท่ากับว่าจักรพรรดิเอกภพกำเนิดก็ทราบแล้วเช่นกัน

เยี่ยนตี๋กับพวกหยวนเจิ้งเฟิงต่างนิ่วหน้าไม่กล่าววาจา

ครู่ต่อมาฟางจุ่นถึงเอ่ยว่า “คำสั่งของกษัตริย์ดินไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ยิ่งไปกว่านั้น คำสั่งนี้ยังได้รับการสนับสนุนร่วมกันของคนส่วนใหญ่บนโลกซ้อนโลกด้วย”

ความจริงแล้วเรื่องหลินฮั่นหัวเป็นลูกกระทบขอบโต๊ะที่กษัตริย์ดินอนุญาตอย่างลับๆ

ทำได้ แต่พูดไม่ได้

ในที่ลับ ผู้ทราบเรื่องได้ต้องปิดตาข้างหนึ่ง

แต่ถ้าหากถูกเปิดโปง เรื่องราวโผล่ขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจนจนทุกคนทราบขึ้นมา เช่นนั้นก็ไม่อาจหลอกลวงได้อีก

กษัตริย์ดินก็ไม่อาจแสร้งเป็นเลอะเลือนต่อไปได้อีก

เยี่ยนตี๋กล่าว “อีกฝ่ายน่าจะใช้เรื่องนี้เป็นแต้มต่อ เพื่อแลกเปลี่ยนลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์ แต่เห็นได้ชัดว่าประมุขอาคเนย์ไม่คิดประณีประนอม”

ทุกคนต่างถอนใจเสียงหนึ่ง ที่แล้วมาราชากระบี่ภูผาเงาหลินฮั่นหัวสนิทสนมกับเขากวางเฉิงยิ่ง และให้การดูแลเป็นอย่างดี

เป็นดังที่คาดไว้ ไม่ทันไรก็มีข่าวส่งมา ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์อย่างอึกทึกครึกโครม

ราชากระบี่ภูผาเงาหลินฮั่นหัว ศิษย์เอกของประมุขอาคเนย์เป็นผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ แทรกซึมอยู่ในโลกซ้อนโลกมาหลายปี

ครั้นข่าวนี้กระจายออกไป ก็พลันก่อให้เกิดความปั่นป่วนขึ้น

ในเขตตะวันอาคเนย์ เนื่องจากอิทธิพลและการควบคุมของประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ย การแพร่กระจายของข่าวสารจึงค่อนข้างล่าช้า แต่ว่าด้านนอกเขตตะวันอาคเนย์กลับสับสนไปหมด

เมื่อได้รับผลกระทบนี้ แม้จะเป็นเขตตะวันอาคเนย์ ก็มีคนทราบข่าวมากขึ้นเรื่อยๆ

เยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงได้รับข่าวค่อนข้างเร็ว แหล่งที่มากลับไม่ใช่เขตเพลิงทักษิณที่อยู่ติดกับทะเลหวงเจีย แต่เป็นแขกที่มาเยี่ยมเยือนจากภายนอก

แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นแขกที่อยู่เหนือความคาดหมาย

ผู้สืบทอดของยอดเขาอัศจรรย์บนเขาคุนหลุน ลูกศิษย์ของจักรพรรดิแพรงาม หนึ่งในห้าจักรพรรดิบนโลกซ้อนโลก

นี่เป็นครั้งที่สองของผู้สืบทอดของยอดเขาอัศจรรย์ที่มาเยี่ยมเยือนเขากว่างเฉิง แต่ว่าครั้งนี้คนที่มากลับเป็นคนละคนกับครั้งก่อน เป็นบุตรีของจักรพรรดิแพร ฟู่ถิง ‘บัวแดงสูงส่ง’

ทันทีที่ฟู่ถิงเห็นเยี่ยนจ้าวเกอ แววตาของนางก็คมกริบขึ้นเล็กน้อย

ในตอนที่ทั้งสองเจอกันเมื่อครั้งก่อน เยี่ยนจ้าวเกอยังอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ขั้นรวมรูประยะกลาง เทียบกับอายุที่แท้จริงของชายหนุ่มแล้ว นับว่าอายุน้อยจนทำให้ผู้คนตะลึงลาน

ส่วนตอนนี้ หากยึดตามเวลาของโลกซ้อนโลก นับว่ายังผ่านไปไม่เกินสามปีเท่านั้น ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับกระโดดขึ้นติดต่อกันสามครั้ง บรรลุถึงระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลางแล้ว

ความเร็วระดับนี้สร้างความแตกตื่นให้แก่คนที่ได้ยิน ทำให้ฟู่ถิงอดสงสัยไม่ได้ ว่าตนมองอายุที่แท้จริงของเยี่ยนจ้าวเกอผิดไปหรือไม่

ตัวนางเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดบนโลกซ้อนโลก อีกทั้งยังมีการบ่มเพาะจากทรัพยากรจำนวนมหาศาลของผู้เป็นบิดา แต่กลับบรรลุระดับพลังเทียบเท่าอีกฝ่ายด้วยความเร็วระดับนี้ไม่ได้

ฟู่ถิงในปัจจุบันเองก็เป็นจอมยุทธ์ศักดิสิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลางเช่นกัน

ทว่าในตอนที่พบพานกับเยี่ยนจ้าวเกอในมิติต่างแดนเป็นครั้งแรกนั้น นางก็อยู่ในระดับสูงสุดของระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ห่างจากขั้นเทวะสำแดงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น

ความจริงแล้วหลังจากเกิดเรื่องราวในครั้งนั้น ฟู่ถิงก็ได้ทำลายคอขวด ทลายนภาเห็นเทวะสำแดง ก้าวขึ้นสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่อย่างรวดเร็ว

หลังจากผ่านการตั้งใจฝึกฝนเป็นเวลาสามปีกว่าๆ ไม่กี่วันมานี้นางก็รุดหน้าขึ้นอีกขั้น เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า

ความเร็วระดับนี้มากพอที่จะทำให้ผู้คนตื่นตระหนกแล้ว

แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีความเร็วในการพัฒนามากกว่านาง

ครั้นคิดถึงเยี่ยนตี๋ผู้เป็นบิดาของเยี่ยนจ้าวเกอ ที่ลอยมาถึงโลกซ้อนโลกในตอนที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ จากนั้นก็เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี ฟู่ถิงก็รู้สึกตกใจเช่นกัน

นางกับสหายในสำนักมาในครั้งนี้ ย่อมไม่ใช่เพราะจะมาแจ้งข่าวเรื่องหลินฮั่นหัวให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ต่างมีความเร็วในการเพิ่มระดับที่น่าทึ่งจนยอดเขาอัศจรรย์อดสงสัยไม่ได้ ว่าเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับตกอยู่ในมือเขากว่างเฉิงนี่เอง

เพียงแต่ว่าเมื่อสังเกตระดับของเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ในปัจจุบันดูดีๆ แล้ว แม้ว่าจะมีพลังน่าทึ่ง แต่ก็ไม่น่าจะกระตุ้นเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับได้

เขากว่างเฉิงเองก็ไม่มียอดฝีมือผู้เร้นกายคนไหนกระตุ้นเตาวิเศษได้อีก ดังนั้นพวกฟู่ถิงจึงรู้สึกยากจะทำความเข้าใจ

ฟู่ถิงสลัดความสงสัยทิ้งชั่วคราว นางนั่งบนที่นั่งแขกในวิหารหลักบนยอดเขานภากาศของเขากว่างเฉิง กล่าวสืบต่อว่า “ศิษย์พี่หลินมีสถานะไม่ธรรมดา เขาเป็นผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ ท่านอาเฉาไม่แน่ว่าจะต้องรับผิดชอบเพราะเรื่องนี้ไปด้วย”

พวกเยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าอย่างแช่มช้า

ฟู่ถิงมองเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ “ที่ข้ามาในครั้งนี้ ข้าทำตามคำสั่งของบิดา เชิญคุณชายเยี่ยนกับเจ้าสำนักเยี่ยนบิดาของท่าน ให้ไปเป็นแขกที่สถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย”

สถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย ใช้ชื่อตามสวรรค์ชั้นหลีเฮิ่น

สวรรค์ชั้นหลีเฮิ่น มีอีกชื่อว่าสวรรค์ชั้นต้าชื่อ ว่ากันว่าเป็นที่พำนักของเทวกษัตริย์เต๋า บรมครูสายเอกพิสุทธิ์

ที่อยู่ของจักรพรรดิแพรงาม ก็คือผาบัวแดงบนยอดเขาอัศจรรย์ในเขาคุนหลุน แห่งเขตมหานภากลางของโลกซ้อนโลก

สถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยเป็นสถานที่อีกแห่งนอกจากในโลกซ้อนโลก ซึ่งเขาได้บุกเบิกขึ้นด้านในมิตินอกแดน

………………..