ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 893 อาวุธเซียนลวกมือ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ในช่วงที่เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สองพ่อลูกเข้าฌาน ผู้วิเศษเซิงได้มาโจมตีสำนักเป็นครั้งแรก เกิดสงครามใต้เขากว่างเฉิง ทว่าสุดท้ายผู้วิเศษเซิงพ่ายแพ้กลับไป

ในสงครามที่เพิ่งจบไปไม่นานก่อนหน้านี้ ยอดฝีมือราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องได้ระดมกำลังทั้งหมดมาบุก แต่สุดท้ายกลับพินาศทั้งกองทัพ

พลังที่เขากว่างเฉิงได้แสดงออกมา เหนือกว่าความคาดหมายของทุกคน

ในนี้นอกจากตราประทับตะวันแล้ว มงกุฎจันทราก็ได้รับการยืนยันอีกครั้ง อีกทั้งยังมีข่าวลือเรื่องอาวุธเซียนที่จักรพรรดิประกายกาฬได้ทิ้งเอาไว้ด้วย

เยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงเริ่มเข้าไปอยู่ในสายตาของยอดฝีมือระดับสูงมากขึ้นในโลกซ้อนโลก ถือว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมาย

ชายหนุ่มรู้ผ่านพวกมู่จวินจากเขาโถงทองมานานแล้ว ว่าเทียบกับประมุขทั้งสิบที่ปกครองศูนย์กลางและทิศทั้งแปดของโลกซ้อนโลกแล้ว ความจริงสามกษัตริย์ห้าจักรรพรรดิไม่ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในโลกซ้อนโลก

ก่อนหน้านี้เขายังไม่เข้าใจสาเหตุ แต่ว่าหลังจากที่ทราบถึงการดำรงอยู่ของโลกศาสนาพุทธ ทุกสิ่งก็ดูเหมือนกับมีคำตอบ

แต่ไม่ว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร การเข้าไปอยู่ในสายตาของจักรพรรดิแพรของเยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิง ก็ถือเป็นเรื่องปกติ

มิพักเอ่ยถึงเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋โดดเด่นถึงเพียงไหน

ก่อนหน้านี้มีเรื่องเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ ต่อมายังมีตราประทับตะวัน มงกุฎจันทรา และกงจักรมหาประกายกาฬ จักรพรรดิแพรไม่คิดจะสนใจคงจะยาก

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย ถามว่า “ต้องการให้นำอะไรไปด้วยหรือไม่”

ฟู่ถิงตอบ “ท่านพ่อไม่ได้กล่าวถึง เพียงแค่เชิญไปเป็นแขกเท่านั้น”

นางมองเยี่ยนจ้าวเกอ ถามต่อว่า “ขออภัยทุกท่านในเขากว่างเฉิงที่ฟู่ถิงละลาบละล้วง ขอถามคุณชายเยี่ยนว่า จักรพรรดิประกายกาฬทิ้งอาวุธเซียนชิ้นหนึ่งไว้จริงๆ ใช่หรือไม่?”

เยี่ยนจ้าวเกอเคาะนิ้วกับผิวโต๊ะด้านข้างเบาๆ ตอบอย่างตรงไปตรงมา “เป็นตัวอ่อนของอาวุธเซียนชิ้นหนึ่ง ยังไม่สมบูรณ์แบบ มีเส้นทางอีกยาวไกลต้องเดิน”

“คุณชายเยี่ยนอย่าคิดมาก ยอดเขาอัศจรรย์ของข้าไม่สนใจของวิเศษชิ้นนี้ ที่พูดถึงมันเพียงแค่ต้องการกล่าวเตือนเท่านั้น” ฟู่ถิงส่ายศีรษะ “ท่านพ่อเคยกล่าวว่า ของที่จักรพรรดิประกายกาฬทิ้งเอาไว้จะนำมาซึ่งความโชคร้าย เป็นคราเคราะห์มากกว่าโชคลาภ”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย “อ้อ? จักรพรรดิแพรบิดาของท่านกำลังจะบอกว่า ของที่จักรพรรดิประกายกาฬทิ้งเอาไว้ เกี่ยวข้องกับการล่มสลายของสำนักประกายกาฬในตอนนั้นหรือ”

ฟู่ถิงเอ่ยอย่างแช่มช้า “ท่านพ่อเพียงแต่บอกว่า คนที่ทราบถึงเรื่องในตอนนั้นล้วนไม่ต้องการของสิ่งนั้น”

เยี่ยนจ้าวเกอปั้นสีหน้าจริงจังขึ้นหลายส่วน

คนที่ทราบข้อเท็จจริงในเรื่องที่จักรพรรดิประกายกาฬกับสำนักประกายกาฬประสบภัยพิบัติย่อมมีไม่มาก กระนั้นก็เชื่อว่าไม่ได้มีแค่หนึ่งหรือสองคน

ผู้ที่ทราบเรื่องจะต้องเป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดอย่างเช่นจักรพรรดิแพรงาม

ทว่าแม้แต่พวกเขาก็ยังแสดงท่าทีมีลับลมคมในต่อเรื่องนี้ จึงเห็นได้ว่าเรื่องราวในตอนนั้นไม่ใช่ธรรมดาจริงๆ

กงจักรมหาประกายกาฬคล้ายกับลวกมือมากกว่าแต่ก่อนอยู่หลายส่วน

ฟู่ถิงว่าต่อ “จะจัดการกับสิ่งของที่จักรพรรดิประกายกาฬเหลือไว้อย่างไร คุณชายเยี่ยนต้องใคร่ครวญเอาเอง ปัจจุบันข่าวแพร่กระจายไปค่อนข้างกว้างขวาง ท่านพ่อกล่าวว่า คนที่ทราบเรื่องในตอนนั้น ต่างไม่อยากได้สิ่งของชิ้นนี้ กระนั้นในสายตาของคนจำนวนมาก นี่เป็นอาวุธเซียนชิ้นหนึ่ง เป็นของวิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้”

เยี่ยนจ้าวเกอขบคิดครู่หนึ่ง จึงค่อยกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณคำเตือนของแม่นางฟู่ด้วย หากข้ามอบของสิ่งนี้ให้แก่ประมุขอาคเนย์ เขาก็คงไม่รับไว้กระมัง”

“ท่านพ่อบอกว่า ท่านอาเฉาทราบเรื่องในตอนนั้น ดังนั้นหลายปีมานี้จึงดูแลผู้สืบทอดของสำนักประกายกาฬ” ฟู่ถิงเอ่ยเสียงเรียบ

ชายหนุ่มพยักหน้า คาดการณ์ได้ว่าหากคิดจะย้ายคราเคราะห์ไปให้ประมุขทักษิณหรือจักรพรรดิเอกภพกำเนิด เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะไม่สำเร็จ

สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิและประมุขทั้งสิบ ดูเหมือนบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดในโลกซ้อนโลกเหล่านี้ต่างมีความคิดอยู่ในใจ

เขาจิตใจสั่นไหว “ในตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แม่นางฟู่สามารถบอกกล่าวได้หรือไม่”

ฟู่ถิงส่ายศีรษะ “ข้าเองก็ไม่ทราบ หากข้ามีพลังฝึกปรือเท่าท่านอาเฉา ท่านพ่อจึงจะยอมบอกรายละเอียด”

เยี่ยนจ้าวเกอสบตากับเยี่ยนตี๋ ไม่มีผู้ใดกล่าววาจา

สายการสืบทอดของเสวี่ยชูฉิงเคยมีความสัมพันธ์กับสำนักประกายกาฬอย่างแน่นแฟ้น

บางทีความลับระหว่างทั้งสองฝ่ายอาจมีจุดร่วมกันอยู่ก็เป็นได้

เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วแตะริมฝีปากขณะใคร่ครวญ

ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เช่นนั้นกงจักรมหาประกายกาฬที่ร้อนลวกมือชิ้นนี้ ในเมื่อตนเก็บไว้ ก็มีแต่จะต้องเก็บไว้ต่อแล้ว

ถ้าความสัมพันธ์ของกงจักรมหาประกายกาฬตนสามารถแก้ไขได้ หรือว่าก็สามารถแก้ไขความสัมพันธ์กับเสวี่ยชูฉิงผู้เป็นมารดาตนได้เช่นกัน

แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้

ดังนั้น ยิ่งยากลำบากก็ไม่ต้องไปสนใจ

ฟู่ถิงยามนี้หันไปมองบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งที่อยู่ด้านข้าง “นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ศิษย์พี่เจียงของข้าผู้นี้ตั้งใจจะพักอยู่ในทะเลหวงเจียบนเขตตะวันอาคเนย์ เพื่อรวบรวมวัตถุดิบและของวิเศษ อยากจะขอพักอยู่ในสำนักท่านสักหลายวัน ไม่ทราบว่าสำนักท่านสะดวกหรือไม่”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็ยิ้มเล็กน้อย

ที่บอกว่ามาพักและขอรบกวน ความจริงกลับเป็นการคุ้มครองอย่างหนึ่ง

เขากว่างเฉิงเพิ่งผ่านสงครามใหญ่มา เขตตะวันอาคเนย์ในปัจจุบันปั่นป่วน หากเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ออกจากสำนักในตอนนี้ กลับไม่ค่อยเหมาะสมนัก

หยวนเจิ้งเฟิงกลับทะเลหวงเจียได้ไม่นาน ก็เริ่มเข้าฌาน

หลังจากผ่านการฟูมฟักและสั่งสมในหลายปีมานี้ เขาเหลืออีกแค่ครึ่งก้าวก็จะจุดอัคคีดาว ปีนสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าได้

เมื่อการต่อสู้ครั้งนี้จบลงก็ได้สิ่งของมามากมาย ครั้นย่อยสลายดูดซับเรียบร้อย ก็จะทำลายอุปสรรคสุดท้ายสำเร็จ

ไม่นานมานี้เขากว่างเฉิงเจอการต่อสู้ใหญ่ติดต่อกัน ขณะที่เอาชนะมาได้ก็ได้รับสมบัติมาค่อนข้างเปี่ยมล้น บัดนี้ยังยึดรองตำแหน่งผู้นำบนทะเลหวงเจีย มีทรัพยากรมากขึ้น ตอนนี้สมควรเป็นเวลาย่อยดอกผลแล้ว

ไม่ใช่แค่หยวนเจิ้งเฟิงเท่านั้น คนอื่นๆ รวมถึงเฟิงอวิ๋นเซิงและฟางจุ่น ล้วนมีความคิดเข้าฌานฝึกฝนทั้งสิ้น

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอก็มีการสั่งสมมากพอแล้วเช่นกัน

การรุกรานของเขตเพลิงทักษิณถูกกดดันให้ถอยไป ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องพินาศโดยสมบูรณ์ แต่ว่ายังห่างไกลจากยุคสงบสุขที่ทิ้งอาวุธไว้ในคลัง ปล่อยม้ากลับภูเขามากนัก

ในสถานการณ์เช่นนี้ จำเป็นต้องให้คนที่มีพลังแข็งแกร่งคอยควบคุม ถ้าไม่ใช่เยี่ยนตี๋ก็ต้องเป็นเยี่ยนจ้าวเกอ

วันนี้ฟู่ถิงมาเชื้อเชิญสองพ่อลูกไปยังสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย เขากว่างเฉิงไม่อาจไม่เหลือแต่ความว่างเปล่า

พวกเขาเป็นแขกของจักรพรรดิแพร แต่ก็เป็นเป้าหมายของจักรพรรดิเอกภพเช่นกัน คนอื่นไม่กล้าตอแยจักรพรรดิแพร แต่จักรพรรดิเอกภพไม่มีข้อกริ่งเกรงเช่นนี้

หากสหายในสำนักคนหนึ่งของฟู่ถิงรั้งอยู่ที่ทะเลหวงเจีย ทั้งยังอาศัยอยู่ที่เขากว่างเฉิง สถานการณ์ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว

หากเขากว่างเฉิงเกิดปัญหาขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้ อย่างนั้นก็ต้องผูกความแค้นกับจักรพรรดิแพรแล้ว

มองทะลุปรุโปร่งจากเรื่องไม่กี่เรื่อง ยอดเขาอัศจรรย์จัดการเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมยิ่ง คิดหน้าระวังหลังให้แก่เขากว่างเฉิง อีกทั้งยังไม่ใช่ทำตัวสูงส่งออกคำสั่งลงมา

เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋พยักหน้า

“ศิษย์พี่เจียงท่านนี้ ขอให้อยู่ในสำนักเราอย่างสบายใจ ต้องการหาสิ่งใดในทะเลหวงเจีย สำนักเราจะคอยช่วยเหลือ”

“ในเมื่อจักรพรรดิแพรเชื้อเชิญ เช่นนั้นพวกเราพ่อลูกขอรบกวนแล้ว”

ฟู่ถิงได้ยินก็เอ่ยว่า “พวกท่านสองคนเกรงใจไปแล้ว”

เยี่ยนตี๋กล่าว “ข้าจะจัดการเรื่องราวในสำนักสักเล็กน้อย จากนั้นค่อยออกเดินทาง”

“นี่ย่อมแน่นอน เจ้าสำนักเยี่ยนตามสบาย” ฟู่ถิงพยักหน้า

หยวนเจิ้งเฟิงเข้าฌาน เยี่ยนตี๋ผละจากสำนัก ภาระของเขากว่างเฉิงจึงตกเป็นของฟางจุ่น

ฟางจุ่นถ้าหากเข้าฌานฝึกฝน ก็จะมีฟู่เอินซูมารับช่วง

ไม่กี่วันมานี้ ฟู่เอินซูที่ออกฌานเร็วกว่าเยี่ยนจ้าวเกอเล็กน้อย ในที่สุดก็ก้าวข้ามอุปสรรคสำเร็จ เลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์

เหลียวมองโลกแปดพิภพในอดีตที่ยากจะให้กำเนิดจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ คนในเขากว่างเฉิงต่างทอดถอนใจ

สภาพปราณวิญญาณที่โดดเด่นของโลกซ้อนโลก ทรัพยากรของวิเศษที่เปี่ยมล้นในปัจจุบันของเขากว่างเฉิง และวรยุทธ์ที่ล้ำลึกกว่าเดิมมากมาย ต่างกอปรกันเป็นทุกสิ่งนี้

บุคคลที่เป็นอัจฉริยะ ยิ่งมายิ่งลืมตาอ้าปากในสภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้ง่ายกว่าเดิม

นอกจากฟู่เอินซูแล้ว สวีเฟยกับเฟิงอวิ๋นเซิงก็กำลังจะเข้าฌานฝึกฝนในอีกไม่กี่วัน สำหรับพวกเขาทั้งสอง ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ไม่ไกลแล้ว

รากฐานของเขากว่างเฉิงที่อยู่บนโลกซ้อนโลกในปัจจุบันยิ่งมายิ่งมั่นคง แสดงให้เห็นถึงลักษณะที่ตอนอยู่ในโลกแปดพิภพไม่กล้าคิดถึง

………………..