บทที่ 1050คุณปู่ทวดดื้ออีกแล้ว

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1050คุณปู่ทวดดื้ออีกแล้ว

เรืองรองในเมืองA

ไชยันต์อยู่ที่นี่มา10วันแล้ว

แต่ก่อนเขาอยากมามากเพราะ แต่เพราะแสนรักต้องการสืบเรื่องโรงงานหลอมจึงถูกสั่งไม่ให้ไปที่นั้น เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้น ในช่วงเวลานี้ สองสามีภรรยาเดินทางไปประเทศ T และในที่สุดเขาก็มาที่นี่เพื่อพบเหลนของเขาได้ แล้วทำไมเขาจะไม่มาล่ะ

“เด็กน้อย วันนี้พวกเราจะไปที่ไหนกันดี?”

เป็นเช้าอีกวันที่มีแสงแดดแต่เช้าตรู่ หลังจากไชยันต์ตื่นนอนก็เห็นเหลนตัวน้อยนั่งหวีผมตุ๊กตาอยู่ที่สวนลอยฟ้าชั้นสอง

เขาจึงถามอย่างกระฉับกระเฉง

มืออวบอ้วนของหนูรินจังที่ถือหวีสีชมพูก็หยุดนิ่ง

ยังจะไปอีกเหรอ?

เมื่อวานไปบ้านตามาแล้ว

วันก่อนก็ไปบ้านปู่เล็กมาแล้ว

วันก่อนๆก็ไปเยี่ยมคฤหาสน์หลังเก่าแล้ว

และยังมีวันก่อนๆๆที่ให้เด็กทั้งสามคนพาไปที่บ้านของลุงและบ้านอาอีก

แล้วจะไปไหนอีก?

เขาไม่เหนื่อยเหรอ?

หนูรินจังวางหวีลงอย่างแล้วพูดอย่างจริงจังว่า:“คุณปู่ทวด ฟังหนูนะ จะไปบ้านญาติบ่อยๆมันดูไม่ดี”

“หา?” ไชยันต์ตะลึงไปครู่หนึ่ง “เพราะอะไรล่ะ?”

“เพราะว่าเสียมารยาทไง หม่ามี๊บอกว่าอย่าไปบ้านคนอื่นบ่อยๆ เพราะจะเป็นการสร้างภาระให้กับคนอื่น ต่อไปคนอื่นจะไม่ต้อนรับเราอีก”

เด็กหญิงตัวเล็กๆกล้าสั่งสอนเขา

ใบหน้าเล็กจ้ำม่ำของเธอเคร่งเครียดมากและเสียงก็ขุ่นมัว แต่มีการวางแผนมาอย่างดีอน่าได้ถามถึงความตั้งใจเลย

ไชยันต์เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะจนรอยย่นบนใบหน้าแทบไม่เห็น

ผู้หญิงคนนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของเขาจริงๆ

“ได้ๆ วันนี้ไม่ไปเยี่ยมญาติแล้ว พวกเราไปเล่นอย่างอื่นกันไหม”

“เล่นอะไรดี?”

เมื่อได้ยินคำว่าเล่น แววตากลมโตของสาวน้อยก็เปล่งประกายขึ้น

ไชยันต์ตบต้นขาด้วยความดีใจ: “แค่หลานรักพูดว่าอยากไป วันนี้คุณปู่ทวดก็จะพาไปทุกที่เลย และพาพี่ชายทั้งสองของหนูไปด้วยนะ”

“จริงเหรอคะ? พวกเราอยากไปสวนสนุก ได้มั้ยคะ?”

“ได้สิ!”

ไชยันต์เห็นด้วยอย่างสุดใจ

ทันใดนั้น เมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กอวบอ้วนส่งเสียงเชียร์ เธอก็ไม่ต้องการตุ๊กตาหรือหวีอีกเลย เธอกระโดดลงจากเก้าอี้และเดินไปหาพี่น้องของเธออย่างรวดเร็ว

“พี่ชาย พี่ชาย พี่ชาย เร็วๆคุณปู่ทวดพาพวกเราไปสวนสนุก”

“อะไรนะ?สวนสนุก?!!”

แน่นอนว่าในห้องนั้นพี่น้องฝาแฝดที่อยู่กับชายชรามากว่าสิบวันได้ยินข่าว และเสียงแห่งความประหลาดใจดังมาจากข้างใน

นี่คือนิสัยของเด็กๆ

แล้ววันนี้เด็กๆทั้งสามคนก็ได้ไปเที่ยวที่สวนสนุก

เมื่อรองผู้นำเดชาได้ยินข่าวนั้นก็รู้สึกไม่วางใจและไปตามพวกเขาด้วยกัน

รวมทั้งดิลกที่อยู่ตระกูลวชิรนันท์ที่ได้ยินข่าวก็รีบนั่งรถมาทันที เพื่อที่จะดูแลเด็กๆกับชายชราที่ไม่เคยพาเด็กๆออกจากบ้านเองเลย

“ชายชรา… ”

“นายเองเหรอ มาๆมานั่ง

ในสวนสนุก ไชยันต์ที่กำลังยืนเฝ้าหลานๆเล่นอยู่นั้น พอเห็นลูกของตาเข้ามาก็รู้สึกอุ่นใจ

เขากวักมือเรียกดิลกให้ไปนั่ง

ชั่วอายุของดิลกนับได้ว่าเป็นรุ่นลูกของเขา เพราะตอนนั้นขุนนายเป็นลูกของเขา และยังเป็นผู้บัญชาการอีกด้วย

ผู้เฒ่าทั้งสองนั่งอยู่ที่นั่นและเริ่มการสนทนา

“แล้ววันนั้นที่เธอพูด พ่อขุนนายปลูกถ่ายไขกระดูกให้เธอเหรอ?”

“……ใช่”

ดิลกรู้สึกกังวลขึ้นมา

เพราะวันนั้นเขาพูดว่าทั้งสองคนดื่มเหล้านิดหน่อยที่ตระกูลวชิรนันท์ เขาปากโป่งพูดพล่อยๆออกมา

“งั้น…ตอนนั้นเธอเห็นมั้ยว่าเขาเป็นแบบไหน?

แน่นอน ทันทีที่เขาพูดจบ แววตาของชายชราจ้องมองชายชราคนนั้นอย่างไม่กระพริบตาและถามจึ้นอีก

ดิลก:“……”

ประโยคนี้ทำให้เขาแน่นหน้าอกฉับพลัน

เหมือนกับว่ามีบางอย่างคว้าตัวเขาไว้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาไม่อยากพูดถึงเหตุการณ์แบบนั้นเลย เลือดออกใสสมองเขาแทบหายใจไม่ออก

เพราะสำนึกผิด

และเพราะรู้สึกผิดจริงๆ

“ท่านผู้เฒ่า ฉันขอโทษสำหรับเรื่องนี้ด้วยจริงๆ”

“มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ คุณแค่บอกฉันเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขาในตอนนั้น” ไชยันต์ใจเย็นขึ้นมาก

นี่คือจุดประสงค์หลักที่เขามาที่นี่ครั้งนี้

เป็นเวลาหลายปีที่การตายของลูกชายเป็นเหมือนหนามแหลมที่ทิ่มแทงในใจ เขาไม่เคยเต็มใจที่จะเผชิญหน้าหรือยอมรับความผิดพลาดของ

แต่ไม่มีใครรู้ว่าในใจเขาอยากจะมาที่นี่นานแล้ว

เขาต้องการรู้ว่าที่นี่มีเวทมนตร์อะไร ถึงทำให้ลูกชายคนนี้ยอมละทิ้งตระกูลที่มีชื่อเสียงเพื่อมาที่นี่?

เขาอยากเห็นมากว่านี้ วิถีของชีวิตในบั้นปลายของเขา

“ตอนนั้น…ผมเอารูปคนไล่ฆ่ะนินแม่และลูกที่เรารีบถ่ายไว้ได้ แล้วไปหาเขา คบหารือกับกรหลังจากที่เจอเขา จึงให้เขาชี้ตัวคนนี้หน่อย หลังจากนั้นก็โทรหาคุณและหยุดตามล่าแม่และลูก”