“เจ้าตามมาที่นี่ได้ยังไง?” หัวหน้าหุบเขาจางเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

ในตอนนี้เอง หลิงเฟิงก็เดินออกมาจากด้านหลังมู่เฉียนซี “เพราะข้าเป็นคนพานางมาเอง”

หัวหน้าหุบเขาจางถลึงตากว้างขึ้น “เจ้า นี่เจ้าฟื้นแล้วเหรอ!”

“นายน้อยหุบเขาฟื้นแล้ว เป็นไปได้ยังไง นี่ข้ากำลังตาฝาดไปหรือไม่?”

ยอดปรมาจารย์นักปรุงยาเหล่านั้นล้วนแต่ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็น

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “หัวหน้าหุบเขาจาง เจ้ารับปากแล้วว่าหากผู้ใดสามารถรักษาบุตรชายของเจ้าได้ เจ้าจะมอบผลวิญญาณหัวใจซ่อนเร้นเป็นการตอบแทน เอาผลวิญญาณหัวใจซ่อนเร้นมาออกมาให้ข้าเถอะ!”

หัวหน้าหุบเขาจางมีความมั่นใจอย่างเต็มร้อยว่าบุตรชายของตนเองไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้แน่นอน แต่ตอนนี้เขากลับถูกช่วยรักษาจนฟื้นขึ้นมาแล้ว

“เจ้า นี่เจ้าเป็นใครกันแน่?”

“หอหมอปีศาจ…เจ้า ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเป็นใคร?”

นักปรุงยาเหล่านั้นต่างก็ตระหนักขึ้นมาได้แล้ว “มู่เฉียนซี นางคือมู่เฉียนซี!”

“ทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศ ผู้ที่มีความสามารถอย่างน่าทึ่งเช่นนี้ได้ ในหอหมอปีศาจ นอกจากท่านหมอปีศาจแล้วก็มีแค่มู่เฉียนซีเท่านั้น”

“นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่านางจะมาที่นี่ ช่างกล้าหาญยิ่งนัก!”

หัวหน้าหุบเขาจางกล่าว “ต้องขอบใจแม่นางมู่มากที่ช่วยบุตรชายข้าเอาไว้ได้ นี่คือผลวิญญาณหัวใจซ่อนเร้น โปรดรับไว้เถอะ!”

หัวหน้าหุบเขาจางเอากล่องใบหนึ่งออกมาและมอบให้กับมู่เฉียนซี

มู่เฉียนซีเปิดดูในกล่อง นี่คือผลวิญญาณหัวใจซ่อนเร้นจริง ๆ ไม่ผิดแน่นอน!

นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หัวหน้าหุบเขาจางกล่าว “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ได้โปรดแม่นางมู่ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย ถึงอย่างไรกองกำลังของนักปรุงยาเหล่านี้ก็ล้วนแต่ต้องการเป็นศัตรูกับแม่นางมู่ทั้งสิ้น พวกเขาต้องการแย่งชิงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ของแม่นาง!”

“และนี่ เป็นของตอบแทนสำหรับที่แม่นางมู่ปกปิดความลับนี้”

หัวหน้าหุบเขาจางเป็นถึงหัวหน้ากองกำลังระดับสองครึ่ง สิ่งของที่มอบให้นั้นล้วนแต่ไม่ธรรมดาเลย

และเจ้าหมอนี่ก็เป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม มอบของของตอบสนองต่อความต้องการของผู้อื่นได้เป็นอย่างดี และสิ่งที่เขามอบให้กับมู่เฉียนซีนั้นล้วนแต่เป็นสมุนไพรวิญญาณชั้นดีทั้งสิ้น

ยอดปรมาจารย์นักปรุงยาเหล่านั้นล้วนแต่ร้อนรนใจขึ้นแล้ว “แม่นางมู่ช่วยด้วย! ถึงแม้ว่ากองกำลังของพวกเราจะเป็นศัตรูกับแม่นาง แต่พวกเราไม่เคยคิดจะเป็นศัตรูกับแม่นางเลยนะ!”

“แม่นางมู่ แม่นางจะยืนดูพวกเราถูกหัวหน้าหุบเขาจางผู้บ้าคลั่งนี่ทารุณพวกเราจริง ๆ เหรอ?”

“……”

พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยผู้ที่พวกเขาดูถูกเหยียดหยามเมื่อตอนกลางวัน ตอนนี้จะกลับกลายมาเป็นคนที่พวกเขาขอร้องให้ช่วยชีวิตได้

อย่างไรก็ตาม พวกเขาล้วนแต่ไม่มีใครอยากตาย!

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “พวกเจ้าก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าข้ามู่เฉียนซีไม่ได้เป็นคนดีอะไร อีกอย่างข้าก็ยังเป็นแม่ค้าคนหนึ่งอีกด้วย”

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจแล้ว “แม่นางมู่ ขอเพียงเจ้าช่วยข้า ของล้ำค่าที่ข้าได้เก็บสะสมมาทั้งชีวิตก็จะเป็นของเจ้าทันที”

“แม่นางมู่ ขอเพียงเจ้าช่วยข้า ข้าจะยอมสละชีวิตรับใช้หอหมอปีศาจโดยไม่รับค่าตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น!”

“แม่นางมู่…”

เพื่อรักษาชีวิต พวกเขายอมทุ่มหมดหน้าตัก

สีหน้าของหัวหน้าหุบเขาจางเคร่งขรึมลงไป เขากล่าว “แม่นางมู่ คนพวกนี้มันไว้ใจไม่ได้นะ!”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “หัวหน้าหุบเขาจาง เหมือนข้าจะจำได้ วันนี้เจ้าพูดออกมาว่าหากใครช่วยบุตรชายของเจ้าได้ ไม่เพียงแต่จะมอบผลวิญญาณหัวใจซ่อนเร้นให้เท่านั้น หม้อยานั่น เจ้าก็บอกว่าจะมอบให้เป็นของตอบแทนด้วย ข้าพูดถูกหรือไม่?”

สีหน้าของหัวหน้าหุบเขาจางยิ่งทวีความเคร่งขรึมขึ้นเรื่อย ๆ “แม่นางมู่ เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอกเลยดีกว่า ถึงแม้ข้าจะเกรงกลัวหอหมอปีศาจ แต่อย่างไรเสีย ที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของข้านะ”

มู่เฉียนซีกล่าว “หัวหน้าหุบเขาจางคิดจะผิดคำมั่นอย่างนั้นเหรอ?”

“ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นถึงอัจฉริยะนักปรุงยาอันดับหนึ่งแห่งดินแดนสี่ทิศ มีพลังจิตแข็งแกร่งมาก ในเมื่อเจ้ารนหาที่เอง แถมยังไม่รู้จักว่าอะไรควรอะไรไม่ควรเช่นนี้อีก เช่นนั้นเจ้าก็มาเป็นอาหารให้นายท่านข้าเสียเถอะ”

ทันทีที่หัวหน้าหุบเขาจางกล่าวจบ ก็พุ่งไปหมายจะจับมู่เฉียนซี

พลันนั้นร่างในชุดเขียวก็ปรากฏขึ้นและลงมือกับหัวหน้าหุบเขาจางอย่างทันท่วงที

ปัง! ร่างของหัวหน้าหุบเขาจางกระเด็นลอยออกไป

หัวหน้าหุบเขาจางถลึงตาขึ้นด้วยความตกใจ “มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า!”

เขารู้ดีว่าหญิงสาวผู้นี้แข็งแกร่งมาก เดิมทีคิดว่าอย่างมากขั้นพลังวิญญาณก็คงเทียบเท่ากับเขา กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดเช่นนี้

“ยอดฝีมือระดับสูงสุดพลังธาตุน้ำแข็งของหอหมอปีศาจที่ทุกคนกำลังร่ำลือกันนั้นก็คือหญิงสาวผู้นี้นี่เอง!”

“มิน่าล่ะว่าทำไมมู่เฉียนซีถึงได้กล้าแสดงตัวออกมาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ที่แท้ก็มียอดฝีมือระดับสูงสุดคอยติดตามอยู่นี่เอง”

“หัวหน้าหุบเขาจางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของยอดฝีมือระดับสูงสุด พวกเรารอดแล้ว”

หัวหน้าหุบเขาจางกล่าว “เจ้ามียอดฝีมือระดับสูงสุดปกป้อง ช่างเป็นเรื่องที่ข้าคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ แต่หากคิดจะแย่งชิงหม้อยาของข้าละก็ เจ้าไม่มีทางทำได้เด็ดขาด!”

ครั้นแล้ว หัวหน้าหุบเขาจางจึงกลืนยาลูกกลอนเข้าไปเม็ดหนึ่ง เส้นเลือดหลังมือเขากระตุกปูดโปนขึ้น ภายในชั่วพริบตาเดียวพลังวิญญาณของเขาก็เพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดทันที!

และในขณะที่เขาพุ่งเข้ามานั้น เหลิ่งหนิงจือก็กล่าวว่า “ผู้นำตระกูล ถอยไป!”

ตูม! พลังของทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง ไม่นานนักห้องลับนี้ก็ถล่มลงมา

ปัง ปัง ปัง!

อ๊า!

หินกรวดพังทลายลงมา ยอดปรมาจารย์นักปรุงยาเหล่านั้นถูกหินถล่มใส่จนตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชมาก

ปัง! เหลิ่งหนิงจือกับหัวหน้าหุบเขาจางกำลังต่อสู้กันอยู่กลางอากาศ

ในตอนนี้เอง เงาดำเงาหนึ่งก็ได้เคลื่อนไหว หม้อยาสีดำขลับนั้นเคลื่อนไหวไปอยู่ตรงหน้ามู่เฉียนซี

“สาวน้อย ดูท่าทางพลังจิตของเจ้าคงจะแข็งแกร่งมาก ข้าอยากจะกินเจ้า อยากจะกินเจ้าเหลือเกิน…”

ทันใดนั้นเสียงเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นในหัวของมู่เฉียนซี “นี่คือเจ้าหลุนหุย นายท่าน จัดการเจ้าหลุนหุยนี่ซะเถอะ! อย่าได้เกรงใจเจ้าผีตะกละนี่เด็ดขาด!”

มู่เฉียนซีตกใจขึ้น “ชิงมู่! นี่เจ้าหมายความว่า เจ้านี่ก็เป็นหนึ่งในเก้าหม้อยาที่นิรันดร์สร้างขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ?”

หม้อเทพปาฮวางชิงมู่กล่าว “นี่คือหม้อหลุนหุยแห่งความตาย หลุนหุย ที่แปลว่าเวียนว่าย เวียนว่ายอยู่กับความตาย มันชอบกลืนกินพลังจิตของนักปรุงยาที่สุด หากจะใช้มันหลอมยาแล้วละก็ คนผู้นั้นต้องมีพลังจิตที่แข็งแกร่งมากพอ”

เนื่องจากเงื่อนไขอันแปลกประหลาดนี้ ทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศแห่งนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะทำได้ ดังนั้นเจ้าหม้อยาตะกละนี้จึงได้กลืนกินพลังจิตของมนุษย์ไปจนสิ้น ทำให้มนุษย์ต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง

คนอื่นทำอะไรหม้อยาตะกละนี้ไม่ได้แน่นอน แต่เจ้านายมันไม่มีทางที่จะทำไม่ได้

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว”

จู่ ๆ มู่เฉียนซีก็ยิ้มขึ้น “เจ้าอยากกลืนกินพลังจิตของข้าอย่างนั้นเหรอ มาสิ ข้าจะให้เจ้ากิน”

ยอดปรมาจารย์นักปรุงยาเหล่านั้นได้ยินเช่นนี้ก็ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

พวกเขามองดูหญิงสาวตรงหน้าผู้นั้นยิ้มอย่างสดใส พวกเขาแทบจะเป็นลมจริง ๆ

หม้อชั่วร้ายนี่ต้องการจะกลืนกินพลังจิตของเจ้านะ นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะยิ้มแย้มราวกับเชิญชวนสหายกินข้าวเช่นนี้ นี่มัน…

หากถูกกลืนกินพลังจิตไปจนสิ้น เช่นนั้นก็จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน นักปรุงยาที่หมดสติไปเมื่อตอนกลางวันก็เป็นตัวอย่างอันน่าสังเวชให้เห็นแล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่หม้อหลุนหุยแห่งความตายได้พบเจอกับนักปรุงยาที่เชื่อฟังเช่นนี้ เขายิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้ายอมให้ข้ากลืนกินพลังจิตแต่โดยดี เจ้าช่างเป็นคนดีจริง ๆ!”

พลังจิตของมู่เฉียนซีแผ่ซ่านออกมาห่อหุ้มหม้อหลุนหุยแห่งความตายนี้ไว้ หม้อหลุนหุยแห่งความตายรู้สึกราวกับว่าได้ลิ้มรสอาหารอันโอชะที่สุดเท่าที่เคยกินมาก็มิปาน จากนั้นมันก็เริ่มกลืนกินด้วยความตื่นเต้น!

กลืนกิน และกลืนกินอย่างต่อเนื่อง…

ทุกคนมองดูมู่เฉียนซีที่ถูกกลืนกินพลังจิต แต่สีหน้าของนางยังคงเรียบนิ่งอยู่เฉกเช่นเดิม ไม่มีร่องรอยความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้น หลังจากที่เวลาค่อย ๆ ผ่านไปอย่างช้า ๆ จนในที่สุดหม้อหลุนหุยแห่งความตายได้กล่าวขึ้นว่า “ข้ากินอิ่มแล้ว! พอแล้ว! นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เจอกับนักปรุงยาที่มีพลังจิตแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก! ต่อจากนี้ไป ข้าจะอยู่กับเจ้า ดีหรือไม่ เช่นนี้ข้าก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหิวโหยอีกต่อไปแล้ว”

ยอดปรมาจารย์นักปรุงยาเหล่านี้มองมู่เฉียนซีราวกับนางเป็นตัวประหลาดก็มิปาน

วันนี้เจ้าหม้อยานี่กลืนกินพลังจิตของยอดปรมาจารย์นักปรุงยาไปหลายต่อหลายคนแล้วก็ไร้ทีท่าว่าจะกินอิ่ม แต่นี่…

แต่นี่มู่เฉียนซีที่เป็นเพียงแค่สาวน้อยวัยสิบกว่าปีเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีพลังจิตเพียงพอให้เจ้าหม้อยานี่กินจนอิ่มได้ แถมท่าทางยังดูผ่อนคลายสบาย ๆ อีกด้วย นี่นางยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่!

และในตอนนี้เอง มู่เฉียนซีก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “อิ่มแล้วเหรอ! แต่ข้ายังมีพลังจิตเพียงพอจะให้เจ้ากินอีกนะ เจ้ากินต่อสิ!”

.

.