บทที่ 1836 ส่งเสริมทหารให้เป็นโจร

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหม่อ! โหยวฮ่วนเหม่องงในชั่วพริบตาเดียว คำพูดของเหมียวอี้สะเทือนใจจนทำให้เขาเหม่อแล้ว!

เจ้าตั้งใจมาช่วยชีวิตคนไม่ใช่เหรอ? คนอยู่ในมือตระกูลอิ๋ง เจ้ามาลงมือกับเผ่าเทพอสรพิษดำของเราแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ต่อให้เจ้าฆ่าเผ่าเทพอสรพิษดำจนหมด ตระกูลอิ๋งก็ไม่คืนคนให้เจ้าหรอก!

โหยวฮ่วนที่ตกตะลึงอ้าปากค้างได้แต่มองเหมียวอี้อย่างเหม่อลอย หวังว่าตัวเองจะฟังผิดไป ทว่าพอเงยหน้ามอง ความจริงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว

ตามเสียงเอ่ยรับคำสั่งจากบรรดาแม่ทัพใหญ่ ชั่วพริบตานั้นทัพใหญ่หนึ่งแสนก็อมใบไม้สีเขียวมรกตไว้ในปาก ไม่ใช่ของวิเศษอะไร มันคือหัวใจสีเขียวนั่นเอง ก่อนที่ทัพใหญ่จะมา พวกหยวนกงได้เตรียมสิ่งนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว แจกให้คนในทัพใหญ่หนึ่งแสนไว้คนละสองใบ

เหมียวอี้หยิบใบหัวใจสีเขียวมาไว้ในมืออย่างไม่ใส่ใจ พอพลิกดูสองสามครั้งก็เอาเข้าปากอย่างช้าๆ ทำให้กลิ่นหอมเย็นกลุ่มหนึ่งซึมซาบเข้าหน้าอก

หลังจากเบื้องล่างรายงานว่าเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เหมียวอี้ก็พยักหน้าเบาๆ

หลงซิ่นที่รับหน้าที่ควบคุมการรบหันหน้าหาทัพใหญ่แล้วควงดาบใหญ่ออกมาทันที ชี้ดาบไปยังดาวเคราะห์ที่อยู่ตรงหน้า

ทัพใหญ่หนึ่งแสนของแดนรัตติกาลปล่อยคลื่นพลังอิทธิฤทธิ์กระเพื่อมออกมาราวกับมหาสมุทร ต่อให้เป็นคลื่นพลังอิทธิฤทธิ์ของยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ก็ถูกหลอมรวมอยู่ในนั้นเช่นกัน

ชั่วพริบตานั้น ทัพใหญ่หนึ่งแสนกระจายขึ้นบนลงล่าง กระจายไปทางซ้ายและขวา เรียงแถวกลายเป็นมังกรยาวยี่สิบกว่าตัวอ้อมผ่านเหมียวอี้ไป พุ่งไปยังดาวเคราะห์ตรงหน้าภายใต้การบัญชาการของขุนศึก

กำลังใจทหารเพิ่มขึ้นทันตาเห็น ต่างก็รู้ว่าโอกาสสร้างผลงานมาถึงแล้ว เพราะมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทุกคนเชื่อมั่น เหมียวอี้ไม่เคยไม่ปฏิบัติตามหลักการนี้เลย มีผลงานต้องให้รางวัล!

เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับทัพใหญ่ ถ้าการให้รางวัลเกิดตกหล่นครั้งเดียว ไม่ว่าใครก็รู้สึกไม่ยุติธรรมทั้งนั้น!

ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล กำลังพลหนึ่งแสนก็ยังไม่เคยผ่านศึกใหญ่มาก่อนเลย เคยผ่านแค่การต่อสู้เล็กน้อย จับพวกหัวขโมย หรือไม่ก็โจมตีพวกที่ไม่เชื่อฟัง ที่รุนแรงขึ้นมาหน่อยก็แค่ให้ความร่วมมือกับปฏิบัติการของโถงชุมนุมอัจฉริยะ แต่ทุกครั้งที่สร้างผลงาน ถ้าไม่ได้เลื่อนยศก็จะได้รางวัลเป็นทรัพยากรฝึกตน

ครั้งนี้คือปฏิบัติการที่ยิ่งใหญ่มาก ถือเป็นศึกแรกสำหรับทัพใหญ่แดนรัตติกาล ไม่ว่าก่อนหน้านี้ทุกคนจะมีความคิดอย่างไร แต่ตอนนี้ก็ถูกดึงมาที่สนามรบแล้วจริงๆ เช่นนั้นก็มีแต่ต้องลงสนามออกรบแล้ว บอกได้เพียงว่าโอกาสสร้างผลงานมาถึงแล้ว

ไม่อย่างนั้นแล้ว นอกจากผู้ที่สร้างผลงานจะได้รางวัล ผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งก็รับผลที่ตามมาไม่ไหวเช่นกัน

การจัดกระบวนทัพไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชิงเยว่หรือหลงซิ่น พวกเขาก็ล้วนเป็นขุนศึกที่ช่ำชองสนามรบมาตั้งแต่ปีนั้นแล้ว การฝึกในช่วงหลายปีมานี้เป็นเพียงของเด็กเล่นเท่านั้น

โหยวฮ่วนได้แต่มองทัพใหญ่เคลื่อนกำลังออกไป

ชิงเยว่ หยางเจาชิง เหยียนซิวยังอยู่ข้างกายเหมียวอี้ ข้างหลังยังมีกำลังพลอีกหนึ่งหมื่นที่ยังไม่เคลื่อนไหว

จู่ๆ นอกดาวเคราะห์ก็เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ เป็นเรื่องยากที่จะไม่ให้คนเผ่าเทพอสรพิษดำถูกรบกวน คนเผ่าเทพอสรพิษดำกลุ่มหนึ่งพุ่งฝ่าเมฆดำมาถึงดาราจักรเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นทัพใหญ่พุ่งเข้ามา พวกเขาก็ตกใจมาก คนที่เป็นหัวหน้ารีบโบกมือ ทุกคนนำอาวุธออกมาเตรียมพร้อมป้องกันทันที หัวหน้าตะโกนถามอย่างเดือดดาลว่า “เป็นใครกัน?”

ชั่วพริบตาเดียวก็เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น แล้วเสียงก็เงียบลงเร็วมาก กำลังพลกลุ่มหนึ่งที่พุ่งมาตรงหน้าชนคนหลายสิบคนนั้นจนร่วงระนาวในชั่วพริบตาเดียว แทบจะพุ่งเข้าไปโดยไร้อุปสรรคขัดขวาง เหลือเพียงชิ้นส่วนร่างกายที่ลอยพลิกอยู่ในดาราจักร คนที่คอยเก็บงานอยู่ท้ายขบวนกวาดเรียบทั้งของทั้งศพ

โหยวฮ่วนที่ได้ยินเสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราดเบิกตากว้างทันที ถ้าเขาจำไม่ผิด คนที่ตะโกนเมื่อครู่นี้น่าจะเป็นลูกน้องคนสนิทของเขา คนกลุ่มนั้นคงจะเป็นลูกน้องของเขาทั้งหมด แต่ถูกสับร่างไปอย่างนี้แล้ว!

“นายท่าน เรื่องครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับคนอื่นๆ ของเผ่าเทพอสรพิษดำนะ!” โหยวฮ่วนรีบหันกลับมาบอกเหมียวอี้ด้วยน้ำเสียงร้อนรน

เหมียวอี้เอาแต่จ้องไปทางจุดที่กำลังพลรุกโจมตี ไม่สนใจใยดีเขา

กลับเป็นหยางเจาชิงที่ตอบแทน “ตอนที่ลงมือกับนายท่านสวี ทำไมพวกเจ้าไม่คิดดูบ้างว่าเกี่ยวข้องกับคนเผ่าเทพอสรพิษดำหรือเปล่า?”

ในสายตาหยางเจาชิง แม้แต่กับสวีถังหรานนายท่านยังทำถึงขนาดนี้ ถ้าในภายหลังเขาประสบพบเจอเรื่องอะไรบ้างก็ย่อมไม่ต้องพูดถึงแล้ว

หลังจากเห็นกำลังพลยี่สิบกว่ากลุ่มตีโอบล้อมเข้าไปในดาวเคราะห์ดวงนั้นแล้ว เหมียวอี้ก็โบกมือ นำกำลังพลพุ่งเข้าไปทางดาวเคราะห์ดวงนั้นเช่นกัน

ท้ายขบวนเหลือคนจำนวนหนึ่งเอาไว้มองสังเกตุการณ์จากที่สูง ส่วนคนอื่นๆ รวมทั้งเหมียวอี้พุ่งฝ่าชั้นบรรยากาศเข้าไปด้วยกัน ถล่มเปิดเมฆดำที่มีสายฟ้าแวบวับ

ทันใดนั้น ตรงหน้าก็มีคนคนหนึ่งหลบหนีออกมา มีลำแสงสายหนึ่งยิงตามหลัง เป็นลูกธนูดาวตกของทัพใหญ่แดนรัตติกาลนั่นเอง ลูกธนูยิงทะลุหลังอีกฝ่าย คนที่ตามหลังมาใช้ดาบฟันศีรษะหนึ่งที จากนั้นก็เก็บทั้งศีรษะทั้งร่างกายเอาไว้ด้วยกัน ตอนหลังจะได้นับอาวุธยุทธภัณฑ์ที่ยึดมาได้สะดวก

ก่อนทำศึกนี้ก็บอกไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าถ้าใครแย่งชิงของอะไรมาได้ ของก็จะเป็นของคนนั้น ไม่ต้องส่งขึ้นมาเบื้องบน!

ร้านค้าที่อยู่ในตลาดมืด ไม่ว่าจะเป็นร้านของตระกูลไหน ถ้ามีคนหลบหนีการจับกุม ก็จะโดนทำโทษข้อหาสมรู้ร่วมคิด ฆ่า! ปล้น!

สิ้นเปลืองทรัพยากรไปเยอะมาก เช่นใช้พลังงานเติมในธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ตัวเองต้องคิดหาทางเติมพลังงานเอง ถ้ามาถึงตลาดมืดแล้วยังหาเติมได้ไม่พอ นั่นก็แปลว่าตัวเองไร้ประโยชน์แล้ว

สรุปก็คือ การที่เหมียวอี้นำทัพใหญ่มาครั้งนี้ ก็ไม่คิดจะคุยเรื่องคุณธรรมความถูกต้องกับคนที่สระน้ำมังกรดำอยู่แล้ว แค่จะมายุงยงให้ทหารทำตัวเป็นโจรเท่านั้นเอง ที่บอกว่าจะปล้นจะล้างเลือดนั้น เขาไม่ได้พูดเล่น!

ยังไม่รู้ว่าตอนหลังจะเจออันตรายอะไรบ้าง เหมียวอี้จำเป็นต้องมีของมากพอให้ปลุกขวัญกำลังใจทหาร ปลุกเร้าความมุทะลุดุดันของทัพใหญ่ออกมา!

ทัพใหญ่ที่ได้รับคำสั่งทางทหาร ได้รับอนุญาตให้กลายเป็นโจรเหี้ยมได้อย่างสง่าผ่าเผย ตอนนี้พวกเขาจึงไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว เป็นการปล่อยเสือหิวออกจากภูเขาแท้ๆ เลย แค่คิดก็รู้แล้วว่าผลที่ตามมาและสภาพอันเลวร้ายจะเป็นอย่างไร โหดเหี้ยมจนโจรตัวจริงเทียบไม่ติด กวาดปล้นโดยมียุทโธปกรณ์ มีขอบข่าย มีกลุ่มก้อน!

คนที่เพิ่งไล่สังหารพี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำชำเลืองมองพวกเหมียวอี้แวบหนึ่ง แล้วถลันตัวกลับไปอีก ไปเข้าร่วมขบวนรบของตัวเองเพื่อไล่ปล้นฆ่าต่อไปตลอดทาง

เห็นคนที่หลบหนีถูกดักฟันไม่หยุด บางครั้งก็เห็นคนที่หลบหนีถูกลำแสงที่ไล่ตามมายิงจนล้มคว่ำ

ท่ามกลางเสียงตะโกนเข่นฆ่าที่ดังไม่หยุด ท่ามกลางเสียงกรีดร้องที่ดังต่อเนื่อง พวกเหมียวอี้ลอยลงมาเหยียบบนต้นสับปลับที่ทอดตัวในแนวขวางเหมือนร่างแห พวกเขากวาดสายตาเย็นเยียบมองรอบๆ เสียงกรีดร้องเศร้ารันทดที่ดังก้องอยู่บนท้องฟ้าเป็นครั้งคราวทำให้คนรู้สึกชาวาบหนังศีรษะ

“พวกเราทำอะไรผิด?”

“ท่านอ๋อง! ช่วยคนของเผ่าท่านด้วย!”

มีคนหนีเตลิดเปิดเปิงทั่วทุกที่บนท้องฟ้า คนวิ่งหนีบนพื้นก็มี ลำแสงหลายสายแวบไปแวบมาอยู่กลางท้องฟ้า ทัพใหญ่แดนรัตติกาลใช้งานธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เต็มที่ เพราะทรัพยากรที่เสียไปก็ไม่ต้องควักกระเป๋าตัวเอง พอฆ่าปีศาจพวกนี้ทิ้งแล้วก็เอายาเม็ดปีศาจมาเติมพลังงานให้อาวุธได้ทุกเมื่อ สะดวกสุดๆ ไปเลย

คนหลายสิบคนรวมกลุ่มกันหนีอุตลุต แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนของเผ่าเทพอสรพิษดำ ทว่ามีกำลังพลกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาปิดทางไว้ ทำให้พวกเขาต้องพุ่งขึ้นฟ้า

ลำแสงนับร้อยพุ่งจากสี่ด้านแปดทิศ บนฟ้ามีเสียงระเบิดตูมตามพักหนึ่ง จากนั้นคนจำนวนหลายร้อยก็รีบหนีขึ้นมา ต่อด้วยลำแสงอีกหลายสิบสายตามยิงในระยะใกล้ ชั่วพริบตาเดียวคนส่วนใหญ่ก็ถูกกำจัดเกือบหมดแล้ว มีเพียงคนเดียวที่ห้าวหาญดุร้ายมาก ไม่น่าเชื่อว่ากำลังพลแดนรัตติกาลโจมตีอยู่ตั้งนานแต่ยังเอาชนะไม่ได้ อีกฝ่ายฟันสังหารโต้ตอบจนตายไปสิบกว่าคน

“หลีกไป!”

ชิงเยว่พลันหรี่ตา ขณะกำลังจะลงมือ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราด หลงซิ่นทะยานขึ้นฟ้า ขณะที่เหาะก็ฟันเข้ามาหนึ่งดาบ

ชั่วขณะนั้น บนฟ้ามียอดฝีมือสองคนสู้กันอย่างดุเดือด สุดท้ายหลงซิ่นกวาดดาบในแนวขวางจนเกิดฝนเลือดเพื่อปิดงาน ศีรษะคนใบหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า หลงซิ่นยื่นมือไปข้างหลังเพื่อคว้าศพเอาไว้ แล้วรีบแฉลบไปอีกทิศทางหนึ่งทันที

ชายหนุ่มเผ่าเทพอสรพิษดำคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัสจนคืนร่างเดิม เขากลายเป็นงูดำพุ่งขึ้นฟ้า คิดจะควบคุมสายฟ้าและเมฆหมอกบนท้องฟ้า เพราะนี่คือพลังอภินิหารโดยกำเนิดของเผ่าเทพอสรพิษดำ แต่กลับถูกคนอีกหลายคนถลันเข้ามาฟันจนขาดหลายท่อน แต่ก็มีคนเผ่าเทพอสรพิษดำบางคนพุ่งขึ้นไปเรียกลมเรียกฝนบนยอดเมฆแล้ว สร้างปรากฏการณ์ฟ้าผ่าได้แล้ว แต่กลับถูกลำแสงหลายสายยิงร่วงลงมา

สาวน้อยเผ่าเทพอสรพิษดำคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กที่ร้องไห้ตกใจเหาะหนี ผลปรากฏว่าถูกลูกธนูยิงทะลุทั้งสองคน ตอนที่ร่วงลงมาเหมือนจะเห็นโหยวฮ่วนที่กำลังตกใจจนหน้าซีด ไม่รู้ว่านางรู้จักโหยวฮ่วนหรือไม่ ขณะที่ตรงมุมปากมีเลือดไหล นางส่งสายตาวิงวอนขอความช่วยเหลือ พยายามยื่นมือคว้าไปทางโหยวฮ่วน ผลปรากฏว่ามีเงาคนคนหนึ่งแฉลบผ่านไป ฟันดาบเดียวจนนางตัวขาดสองท่อน

รอบๆ มีแต่ฉากตายอนาถของคนในเผ่า โหยวฮ่วนหายใจถี่กระชั้น ถลึงตาสองข้างที่แดงก่ำราวกับมีเลือดไหล สองมือที่กุมศีรษะสั่นเทิ้ม บนใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา ร้องคร่ำครวญต่อเหมียวอี้ว่า “นายท่าน เป็นคนของตระกูลอิ๋ง ไม่เกี่ยวกับคนอื่นของเผ่าเทพอสรพิษดำ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ!”

ถ้าไม่ใช่เพราะถูกหยางเจาชิงหิ้วไว้ เขาก็จะคุกเข่าขอร้องเหมียวอี้แล้ว

เหมียวอี้เหลือบมองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ราวกับกำลังบอกว่า มาสำนึกผิดตอนนี้มันสายไปหน่อยหรือเปล่า?

ไม่แยแสอะไรทั้งนั้น ชวิ้ง! เหมียวอี้ชักกระบี่วิเศษตรงเอวขึ้นมา แล้วฟันบนต้นสับปลับ พิสูจน์ความอัศจรรย์ของต้นสับปลับนี้กับตาตัวเอง

ลูกธนูดาวตกที่ยิงออกมาราวกับไม่ต้องจ่ายเงินมีอานุภาพมากเกินไปแล้ว คนส่วนใหญ่ไม่กล้าหลบหูหลับตาหนีอีก ทยอยกันอาศัยต้นสับปลับพรางตัว

ทัพใหญ่แดนรัตติกาลเตรียมตัวเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่แรก  เตรียมยุทโธปกรณ์สำหรับรับมือไว้ล่วงหน้า หินผลึกไขมันเพลิงหลายก้อนถูกจุดไฟ หินนับไม่ถ้วนติดไฟแล้ว พวกมันถูกโยนไปทางดาวเคราะห์ที่มีต้นสับปลับปกคลุมเหมือนร่างแห ต่อให้ต้นสับปลับจะงอกใหม่ได้อย่างอัศจรรย์สักแค่ไหน แต่ก็ต้านเพลิงเดือดไม่ไหว เมื่อไม้เจอกับมือปราบ ก็ส่งเสียงเปาะแปะอยู่ท่ามกลางเพลิงเดือด

ทุกที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงลุกไหม้ ทั้งดาวเคราะห์ราวกับถูกจุดไฟ ถ้ามีไฟตรงไหนถูกดับ ก็แสดงว่าตรงนั้นต้องมีคนแน่นอน ทัพใหญ่ที่ใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์สำรวจก็จะเล็งเป้าหมายแล้วพุ่งลงไปทันที

หินผลึกไขมันเพลิงคือของที่ใช้หลอมสมบัติ พอติดไฟขึ้นมาก็ใช่ว่าจะดับได้ด้วยน้ำนิดเดียว ขณะมองขอบเขตการลุกไหม้ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว มองต้นสับปลับที่ถูกเผาถล่มเป็นวงกว้างไม่หยุด ควันดำพวยพุ่งขึ้นฟ้า ทั้งยังมีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังแทรกต่อเนื่อง โหยวฮ่วนตัวสั่นเทิ้ม เขารู้ว่าตอนนี้ตัวเองกับมารดาได้กลายเป็นคนบาปของเผ่าเทพอสรพิษดำไปแล้ว!

หยวนกงที่อยู่ไม่ไกลหันมามองเหมียวอี้แวบหนึ่ง พึมพำในใจว่า ไอ้คนบ้าบิ่น!

โชคดีที่เขาให้คนของตระกูลเซี่ยโห้วที่อยู่ในตลาดมืดหนีไปก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นดูจากสภาพการณ์ตอนนี้ ไม่เหมือนพุ่งเป้าไปที่คนเผ่าเทพอสรพิษดำแล้ว นี่คือการพุ่งเป้าไปที่คนเป็นต่างหาก ไม่รู้ว่าในจำนวนนั้นมีคนของขุนนางตำหนักสวรรค์และร้านค้ามากมายเท่าไรที่ติดร่างแหไปด้วย

แต่คิดไปคิดมาก็แอบยิ้มเจื่อนในใจอีกครั้ง หนิวโหย่วเต๋อไม่ได้ทำเรื่องพรรค์นี้เป็นครั้งแรก เมื่อก่อนก็ทำที่ตลาดสวรรค์ ตอนนี้ลามมาทำที่ตลาดมืดแล้ว เจ้าเวรนี่มันเป็นคู่ชงของพ่อค้าแม่ค้าหรือไง?

บึ้ม! เสียงระเบิดดินดังอีกครั้ง ทัพใหญ่เริ่มบุกลงไปโจมตีใต้ดินแล้ว

“ผู้อาวุโส รีบช่วยคนในเผ่าสิ!”

ตำหนักโยว ชายร่างกำยำคนหนึ่งคุกเข่าตรงหน้าโหยวโยว มือหนึ่งถือระฆังดารา หลังจากรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทางตลาดมืดแล้ว เขาก็กล่าววิงวอนด้วยความความทุกข์โศก

โหยวโยวหน้าซีดหมดสภาพ นางโซเซก้าวถอยหลังจนล้มลงนั่งกับพื้น หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงถี่ๆ ปากพึมพำด่าไม่หยุด “สารเลว! ไร้ความละอาย! ไอ้เสียสติ! หมดกัน ทุกอย่างจบแล้ว…”

นางนึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะทำอย่างนี้ พอมาถึงก็ไม่สนใจความเป็นความตายของสวีถังหรานเลย นึกไม่ถึงว่าจะเอาชีวิตเผ่าเทพอสรพิษดำก่อน ไม่ใช่แค่เผ่าเทพอสรพิษดำเท่านั้น แต่เป็นการลงมือสังหารคนทั้งตลาดมืด ไม่รู้เชียวหรือว่าตลาดมืดเกี่ยวข้องกับบุคคลระดับสูงของตำหนักสวรรค์มากมายเท่าไร?

นางยังมั่นใจกับความสามารถในการคุมอาณาเขตของตัวเอง เดิมทีคิดจะปิดข่าวที่อาณาเขตตัวเองไว้ แต่ตอนนี้เรื่องลุกลามกลายเป็นอย่างนี้แล้ว ยังจะปิดบังอ๋องอสรพิษดำอย่างไรได้อีก ยังจะรอให้จบเรื่องแล้วค่อยให้อ๋องสวรรค์อิ๋งช่วยคุยกับอ๋องอสรพิษดำได้อีกเหรอ? นางไม่มีทางชี้แจงต่ออ๋องอสรพิษดำและทั้งเผ่าเทพอสรพิษดำได้อีกแล้ว อ๋องสวรรค์อิ๋งช่วยนางไม่ได้แล้ว!

นางสังหรณ์ใจแล้ว ว่าเรื่องนี้สะเทือนไปถึงอ๋องอสรพิษดำแล้วแน่นอน อีกฝ่ายกำลังจะมา!

……………