ราชันเร้นลับ 1231 : ‘เยี่ยม’ ไปทั่ว

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

เอ็มลินมองไปทางเก้าอี้ยกสูงอีกมุมหนึ่งของห้องและพบกับ ‘ตุ๊กตาสุดงาม’

ดวงตาผีดูดเลือดหนุ่มพลันท่วมท้นด้วยอารมณ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นตกตะลึง ชื่นชม หลงใหล กระตือรือร้น และอีกมาก มันอ้าปากและเตรียมถามว่าตุ๊กตาตัวนี้หาซื้อได้จากที่ไหน และช่างฝีมือคนใดคือเจ้าของผลงานชิ้นเอกระดับโลก

แต่ตอนนี้เอ็มลินเป็นผู้ใหญ่แล้ว มันทราบดีว่าคำถามดังกล่าวถือเป็นเรื่องเสียมารยาท จึงข่มใจเก็บไว้ถามหลังจากเจรจางานใหญ่ลุล่วงเสียก่อน

ชารอนขมวดคิ้วเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น จากนั้นหันไปโค้งคำนับไรเน็ตต์ไทน์เคอร์และเชอร์ล็อกโมเรียตี้ในสภาพลอยตัว

“ไม่ต้องมากพิธี” ไคลน์พูดห้วน “แผนการของเราจะเริ่มจาก…”

มันเล่าว่าตนจะบุกเข้าไปหากับดักเพื่อดึงดูดความสนใจของโรงเรียนกุหลาบอย่างไร

ชารอนผู้แต่งกายด้วยหมวกอ่อนใบเล็กตั้งคำถามหลังจากฟังอย่างเงียบงัน

“พวกมันอาจไม่ติดกับ…ทันทีที่พบว่าผู้โจมตีเป็นคุณ ราชาหมอผีคนนั้นคงถอนตัวภายใต้ความคุ้มครองจากสมบัติปิดผนึกหรือไม่ก็เทวทูต”

ด้วยวิธีดังกล่าว โรงเรียนกุหลาบจะเสียกำลังรบไปแค่ส่วนน้อย

สี่เศียรของไรเน็ตต์ไทน์เคอร์เปิดปากพูดด้วยจังหวะค่อนข้างเร็วโดยไม่รอให้ไคลน์หรือเอ็มลินตอบสนอง

“เป้าหมายหลัก…” “ของพวกมัน…” “น่าจะเป็น…” “ตัวข้า…”

ถึงตรงนี้ เอ็มลินเริ่มตามบทสนทนาไม่ทัน แต่มันพอจะเดาได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่เกอร์มันสแปร์โรว์อัญเชิญออกมามีสถานะไม่ธรรมดา แถมยังมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับสมาชิกโรงเรียนกุหลาบฝ่ายระงับแรงปรารถนา

นั่นสินะ…แม้ว่ามารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายจะสนใจในตัวเรามาก แต่เป้าหมายอันดับหนึ่งก็น่าจะเป็นมิสผู้ส่งสารอยู่ดี…ไคลน์เสริมหลังจากไตร่ตรองสักพัก

“มาดาม คุณกับผมจะโจมตีราชาหมอผีคนอื่นด้วยภาพฉายจากช่องว่างประวัติศาสตร์”

…ทำไมเกอร์มันสแปร์โรว์ถึงต้องสุภาพกับสัตว์วิญญาณขนาดนี้? ขณะเอ็มลินกำลังฉงน มันเห็นสี่หัวแปดตาชำเลืองมาทางตน

ร่างกายของมันสั่นสะท้านและตัดสินใจเข้าร่วมบทสนทนาทันที

“ภาพฉายจะหลอกโรงเรียนกุหลาบได้หรือ?”

เนื่องจากเป็นคนเสนอแผน ไคลน์ย่อมคิดเผื่อไว้แล้ว

“ผมมีบางสิ่งจะให้มาดามไทน์เคอร์ยืมใช้”

มันมองไปทางไรเน็ตต์ไทน์เคอร์หลังจากกล่าวเช่นนั้น

“วัตถุชิ้นดังกล่าวสามารถเลียนแบบพลังพิเศษที่จินตนาการในใจได้…แผนของผมก็คือ ให้คุณใช้สิ่งนั้นอัญเชิญตัวเองออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์ ส่วนร่างต้นก็เข้าสู่ภาวะซ่อนเร้นและถ่ายโอนสติมายังภาพฉาย ด้วยวิธีดังกล่าว คนของโรงเรียนกุหลาบจะยังไม่สังเกตเห็นความผิดปรกติในช่วงแรก มีโอกาสสูงมากที่พวกมันจะติดกับและทุ่มกำลังโจมตีใส่คุณกับผม ถึงตอนนั้นก็ให้ชารอนกับเอ็มลินลอบจู่โจมเป้าหมายที่แท้จริง…แต่ถ้าพวกมันยังรอบคอบมากกว่านั้น…”

ไคลน์เว้นวรรคพลางยิ้ม

“ในช่วงแรกที่พวกมันยังไม่ตื่นตัว ผมกับคุณในสภาพสมบูรณ์สุดขีดแข็งแกร่งพอที่จะฆ่าราชาหมอผีซึ่งถูกคุ้มกันโดยสมบัติปิดผนึก…เงื่อนไขสำคัญของแผนนี้ก็คือ คุณเข้าใจพลังอัญเชิญภาพฉายจากช่องว่างประวัติศาสตร์ดีพอหรือยัง? และมีพลังในการเข้าสู่ภาวะซ่อนเร้นไหม? ผมสามารถช่วยอธิบายให้คุณเข้าใจพลังของผมมากขึ้น แต่คุณต้องหาวิธีซ่อนตัวเอาเอง…”

สี่หัวของไรเน็ตต์ไทน์เคอร์ส่ายหน้าพร้อมกัน

“ทำ…” “ได้…” “ไม่มี…” “ปัญหา…”

“นี่คือภาพรวมของแผน พวกคุณสามารถกลับไปวางรายละเอียดก่อนได้” ไคลน์คำนวณเวลาในใจและรีบตัดจบเนื้อหา

ชารอนพยักหน้าเล็กน้อย

“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือข้อมูล…อาจารย์ช่วยได้แค่ส่วนหนึ่ง ที่เหลือพวกเราถามจากกระจกวิเศษ”

มาริคช่วยเสริม

“ผมจำสัญลักษณ์ที่คุณเคยวาดได้”

จากความทรงจำของชารอน ตัวตนลึกลับด้านหลังกระจกมิได้ถามในสิ่งที่ล่วงละเมิดเธอหรือน่าอับอายจนเกินไป

เอ็มลินถามหลังจากไตร่ตรอง

“สนามรบทั้งสองฝั่งจะติดต่อกันด้วยวิธีใด? หากฉวยโอกาสช้าไปเพียงเล็กน้อย แผนการคงล้มเหลวอย่างไม่ต้องสงสัย”

แหวนคำสาบานแห่งกุหลาบมิอาจส่งภาพและเสียงในระยะทางไกลขนาดนั้น

ชารอนชำเลืองไรเน็ตต์พลางกล่าว

“ร่างต้นของอาจารย์จะอยู่ฝั่งเรา…เมื่ออาจารย์เข้าสู่ภาวะซ่อนเร้นครบสิบวินาที พวกเราจะลงมือทันที…จนกระทั่งร่างต้นของท่านออกจากสภาวะดังกล่าว เราจะรีบถอนตัวกลับโดยไม่สนว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว”

ท่าน…! เอ็มลินสะดุ้งเฮือกพลางชำเลืองไปทางเกอร์มันสแปร์โรว์

มันยังไม่ลืมว่า ‘ท่าน’ ผู้นี้ถูกอัญเชิญโดยเดอะเวิร์ล เกอร์มันสแปร์โรว์

น่าสะพรึงอะไรเช่นนี้…แม้แต่เอ็มลินเองก็ไม่แน่ใจว่าตนกำลังหมายถึงเดอะเวิร์ลหรือสัตว์วิญญาณ

“ไว้พวกเราค่อยปรึกษากันใหม่เมื่อรวบรวมข้อมูลได้มากพอ” ไคลน์สวมหมวกและกล่าวคำอำลาหลังจากยืนยันว่าใกล้ครบกำหนดเวลา

ในสภาพริมฝีปากสั่นระริก เอ็มลินมิได้ถามสิ่งใดต่อ เพียงเดินตามเกอร์มันสแปร์โรว์ออกจากบ้านหลังที่ชารอนกับมาริคอาศัย

มิสผู้ส่งสารไม่เรียกร้องเหรียญทอง…เพราะงานนี้ถือเป็นการช่วยเธอ…แต่ถ้าเธอต้องการค่าจ้าง เหรียญทองที่เรามีในปัจจุบันล้วนเป็นภาพฉายทางประวัติศาสตร์ คงต้องรบกวนเอ็มลินไปก่อน…ต้องยอมรับว่า ‘กำไลข้อมือพลังวิญญาณ’ ที่เอ็มลินหามาให้มิสเมจิกเชี่ยนมีประสิทธิภาพดีมาก แง่หนึ่งช่วยเพิ่มปริมาณพลังวิญญาณสูงสุด และอีกแง่หนึ่งช่วยให้ฟื้นฟูพลังวิญญาณได้เร็วขึ้น เธอถึงคงสภาพเราได้นานขนาดนี้…ไคลน์ได้ยินคำถามจากเอ็มลินขณะครุ่นคิดกับตัวเอง

“สตรีผู้นั้น…เอ่อ…มิสชารอน…คือลำดับสี่ของเส้นทางมนุษย์กลายพันธุ์หรือ?”

“ถูกต้อง โอสถชื่อว่าหุ่นกระบอก” ไคลน์เล่าอย่างเป็นกันเอง

เอ็มลินกระจ่างทันที มันเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าค่อนข้างซับซ้อน

“ถ้าเธอไม่ขยับตัวหรือพูด นั่นจะวิเศษมาก”

“…” หากไม่ใช่เพราะตัวตลกคือเอกอุในด้านควบคุมสีหน้าและอารมณ์ ไคลน์คงพ่นบางสิ่งใส่หน้าเอ็มลินไปแล้ว

คิดว่าหมอนี่จะชมเชยเรื่องที่ชารอนงดงามราวกับตุ๊กตาเสียอีก จากนั้นก็แสดงความลุ่มหลงอีกเล็กน้อย แต่กลับกลายเป็นว่า…

ไม่มีทางเดาได้เลยว่าในหัวเอ็มลินกำลังคิดสิ่งใด…ไคลน์ถอนหายใจยาวหลังจากข่มใจไม่ให้พ่นของในปากใส่อีกฝ่าย

เอ็มลินชำเลืองอีกฝ่ายและคล้ายกับคาดเดาความคิดได้ มันรีบพ่นลมหายใจพูด

“สองสิ่งที่เจ้าชอบมากที่สุดคืออะไร”

พิจารณาจากบุคลิกของเกอร์มันสแปร์โรว์ ชายหนุ่มไม่ควรตอบคำถามไร้สาระเช่นนี้ แต่หากมองในมุมไคลน์โมเร็ตติมิตรสหายที่ดีของแวมไพร์ตรงหน้า ไคลน์ไตร่ตรองสักพักก่อนจะตอบขณะเดินเข้าไปในตรอกใกล้เคียง

“เงินและของอร่อย”

“แล้วถ้าข้าให้เงินที่กินได้กับเจ้า…จะยังชอบอยู่ไหม?” เอ็มลินตั้งคำถามกับนักผจญภัยเสียสติโดยปราศจากความเกรงกลัว เป็นท่าทีที่ต่างจากมิสเมจิกเชี่ยนโดยสิ้นเชิง

ไคลน์จินตนาการภาพตามและพบว่า ไม่เพียงนั่นจะทำให้ทองคำเสียมูลค่า แต่ยังทำให้ของอร่อยดูไม่น่ารับประทานไปด้วย มันจึงตอบสนองโดยการส่ายหน้าแผ่วเบา

“เห็นไหม…” เอ็มลินยกมุมปาก “ถึงข้าจะชอบตุ๊กตาและหญิงงาม แต่เมื่อนำทั้งสองสิ่งมาไว้ด้วยกัน นั่นกลับทำให้เกิดความตะขิดตะขวงใจอย่างบอกไม่ถูก…ข้าจินตนาการนิสัยและภูมิหลังให้กับตุ๊กตาทุกตัว ถ้าวันใดพวกหล่อนเกิดมีชีวิตขึ้นมาและดันมีนิสัยไม่ตรงตามจินตนาการ ข้าคงทั้งผิดหวังและกังวล…บางที…ข้าควรลองปรุงโอสถหุ่นกระบอกและนำไปพรมลงบนตัวพวกหล่อนดู…”

เอ็มลินวางมาดนักปราชญ์ขณะพ่นความคิดที่ขัดแย้งกันเอง

ถ้ามิสจัสติสอยู่ด้วย เธอคงบอกได้ว่านี่เป็นอาการทางจิตแบบไหน…ร่างไคลน์เลือนหายไปก่อนที่จะได้ตอบสนองอีกฝ่าย

ภายในหอพักเช่าที่ซิลกับฟอร์สอาศัย

ฟอร์สเจ้าของผิวพรรณซีดเซียวกำลังนอนบนเก้าอี้เอนหลังหน้าเตาผิง เธอรีบถึงผ้าห่มขึ้นและเข้าฌานเพื่อให้หลับสนิท

เธอตื่นขึ้นด้วยความกระปรี้กระเปร่าในอีกสองชั่วโมงถัดมา แต่ใบหน้ายังคงมีร่องรอยความอิดโรย

มิสเมจิกเชี่ยนถอนหายใจยาวพร้อมกับเหยียดแขนออกไปด้านหน้า ดึงเกอร์มันสแปร์โรว์ออกจากความว่างเปล่า

กว่าครึ่งของพลังครึ่งเทพที่เธอบันทึกไว้ล้วนเป็นการอัญเชิญภาพฉายจากช่องว่างประวัติศาสตร์

ไคลน์ชำเลืองหญิงสาวด้วยหางตา แต่คราวนี้กลับเทเลพอร์ตออกไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะพยักหน้าให้ ปลายทางคือห้องว่างในโรงแรมแห่งหนึ่ง

สองชั่วโมงที่แล้วเป็นการนัดพบชารอนกับมาริค แต่คราวนี้มันเยือนกรุงเบ็คลันด์ด้วยเหตุผลส่วนตัว

ไคลน์รีบหยิบฮาร์โมนิก้าออกมาเป่าโดยไม่ประวิงเวลา

เมื่อมิสผู้ส่งสารเดินออกจากความว่างเปล่า ไคลน์เล่าแผนการล่าหมาป่าอสูรทมิฬให้อีกฝ่ายฟังและขอความเห็น

“คุณคิดว่ายังไง?”

สี่หัวทองตาแดงของไรเน็ตต์ไทน์เคอร์ขยับขึ้นลงและพูดพร้อมกัน

“ปราสาทต้นกำเนิด!”

โดยนัยแล้ว คำตอบเหมือนกับพาลีสโซโรอาสเตอร์…ไคลน์ถามต่อด้วยความสงสัย

“ด้วยวิธีใด?”

“ข้าไม่ทราบ!” สี่หัวของไรเน็ตต์เปล่งเสียงพร้อมเพรียง

ไคลน์ถอนหายใจแผ่วเบาก่อนจะขอบคุณอีกฝ่าย

“ขอโทษที่รบกวน คุณกลับไปได้แล้ว”

สี่หัวทองตาแดงของไรเน็ตต์ไทน์เคอร์พูดเรียงกัน

“บันทึก…” “หนี้สิน…” “ปี…” “หนึ่งพันสามร้อยห้าสิบเอ็ด…”

“เดือน…” “กันยายน…” “เกอร์มัน…” “สแปร์โรว์…”

“ติดค้าง…” “หนึ่ง…” “เหรียญ…” “ทอง…”

เธอเดินหายเข้าไปในโลกวิญญาณทันทีที่พูดจบ

“…” ไคลน์ตะลึงงันไปสองวินาทีก่อนจะบรรจงหยิบนกกระเรียนกระดาษออกจากกระเป๋าสตางค์

“ผมมีคำถาม” ชายหนุ่มเขียนลงบนตัวนก

จากนั้นก็นอนลงบนเตียงและเข้าฌานให้หลับลึก

ท่ามกลางโลกความฝันอันพร่ามัว ไคลน์ได้พบกับวิลอัสตินในรถเข็นเด็กสีดำอีกครั้ง ร่างทารกถูกห่อหุ้มด้วยผ้าไหมสีเงิน

นายหนึ่งขวบแล้วไม่ใช่หรือ…คิดว่ายังเป็นทารกอายุไม่กี่เดือนอยู่รึไง? ไคลน์รีบอธิบายความต้องการของตนโดยแสร้งทำเป็นไม่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังนอนดูดนิ้ว

วิลอัสตินจ้ำม่ำดึงนิ้วโป้งออกจากปาก จ้องไคลน์หัวจรดเท้าสามครั้งและกล่าว

“ก็มีวิธีง่ายๆ อยู่ไม่ใช่หรือ?”

“หือ?” ไคลน์ส่งเสียงประหลาดใจ

วิลอัสตินยิ้มแฝงเลศนัย

“ช่วงนี้คงได้กินของหวานน้อยสินะ ความจำก็เลยเสื่อมเร็ว…ลืมไปแล้วหรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้วิเศษเส้นทางโชคชะตาระดับต่ำกว่าเทวทูตที่พยายามจ้องมองเจ้าด้วยตาเปล่า?”

นี่มัน…ดวงตาไคลน์พลันส่องประกาย

…………………..