บทที่ 730
“ไม่เห็นเลยครับ” เย่เฉินแกล้งถามอย่างตกใจว่า “ทำไมหรือ? แม่ยังไม่กลับมาหรือ?”
“ยังเลย” เซียวชูหรันพูดว่า “ตอนแรกฉันคิดว่าแม่จะไปสังสรรค์กับเพื่อ แต่เมื่อครูเพื่อนเก่าของแม่โทรมาหาฉัน บอกว่าติดต่อกับแม่ไม่ได้แต่บ่าย พวกเธอกำลังรอแม่ว่าจะนัดกินข้าวที่ไหน แต่ก็หาตัวไม่ได้ ฉันถามพ่อ พ่อก็ไม่รู้ว่าไปไหน ก็เลยมาถามคุณนี่แหละ”
เย่เฉินพูดนิ่งๆ ว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่จะไปที่ไหน เมื่อกลางวันยังมาขอเงินกับผมอยู่เลย บอกว่าจะไปกินข้าวกับเพื่อน แต่ผมก็คิดว่า ตอนนี้บ้านเราให้พ่อเป็นคนดูแลเรื่องเงินไปแล้ว ดังนั้นผมก็เลยบอกว่าต้องให้พ่อตอบตกลงด้วย พ่อไม่ให้ผมให้ ผมก็ให้ไม่ได้ แม่ยังโมโหอยู่เลย”
เซียวชูหรันก็พยักหน้าคิดอะไรบางอย่าง แล้วก็บ่นพึมพำว่า “มันก็แปลกๆ อยู่นะ ไม่อยู่บ้าน และก็ไม่ได้ไปสังสรรค์กับเพื่อน แล้วจะไปไหนได้นะ…….”
เย่เฉินก็ทำท่าห่อไหล่ พูดว่า “ไม่แน่ว่าอาจจะไปเล่นไพ่นกกระจอกแล้วก็ได้มั้ง?”
เซียวชูหรันพูดว่า “แบบนั้นก็ไม่ต้องถึงขั้นปิดโทรศัพท์หรอก คนอื่นเขาติดต่อไม่ได้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยแบบนี้”
“เผื่อโทรศัพท์แบตหมดล่ะ?” เย่เฉินตอบว่า “อย่าเพิ่งกังวลไป แม่โตแล้ว คงจะดูแลตัวเองได้”
เซียวชูหรันก็ถอนหายใจพูดว่า “ถึงแม่แม้จะโตแล้ว แต่การกระทำของแม่ ยิ่งกว่าเด็กน้อยเสียอีก ฉันกลัวว่าจะไปก่อเรื่องอะไรขึ้น”
ต่งรั่งหลินก็ถามอย่างตกใจว่า “คุณป้าหายไปหรือ?”
“ใช่น่ะสิ” เซียวชูหรันก็ตอบอย่างกังวล “โทรศัพท์ก็โทรไม่ติด ไปหามารอบหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีใครเห็นเธอ”
ในตอนนี้เซียวฉางควนก็ยื่นหัวเข้ามา แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “ทำไมพวกแกกลับบ้านมา ก็มาเข้าครัวกันหมดเลยล่ะเนี่ย? พ่อบอกว่าให้มานั่งดื่มชาเป็นเพื่อนพ่อ”
เซียวชูหรันถามเขาว่า “พ่อคะ แม่ติดต่อหาพ่อรึยัง? ดึกป่านนี้แล้ว ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก?”
พอเซียวฉางควนได้ยินเธอถามถึงหม่าหลัน ก็ส่งเสียงไม่พอใจ แล้วก็พูดอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “ใครจะไปรู้ล่ะ อย่าไปสนใจเลย ไม่แน่ว่าอาจจะไปก่อเรื่องให้พวกเราอยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้”
ตั้งแต่ที่รู้ว่าหม่าหลันขโมยเงินของบ้านไปจนเกลี้ยง ความไม่พอใจของเซียวฉางควนที่มีต่อหม่าหลัน ก็อดกลั้นไว้ไม่อยู่
หลายวันนี้ พอเขาเห็นหม่าหลัน ก็จะนึกถึงเงินที่ถูกขโมยไปจนเกลี้ยง ดังนั้นเขาอยากจะเห็นหม่าหลันไปบ้าที่ไหนก็ไป ไม่เห็นหน้าจะได้ไม่อารมณ์เสีย
เซียวชูหรันก็ถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้ พูดออกมาว่า “พ่อคะ หนูรู้ว่าเรื่องนั้นแม่ก็ทำไม่ถูก แต่แม่ก็ขอโทษไปแล้ว แม่ก็สำนึกผิดแล้ว พ่อก็อย่าถือโทษโกรธไปเลย ถ้าถูกพ่อบีบจนต้องหนีออกจากไป จะทำอย่างไร?”
“หนีออกจากบ้านงั้นหรือ?” เซียวฉางควนหัวเราะออกมา “ถ้าแม่แกหนีออกจากบ้านไปจริง คืนนี้พ่อจะไปจุดธูปไหว้พระที่วัดโหลฮั่นเลย ไปขอบคุณพระพุทธองค์ ทางที่ดีให้เธอเป็นเหมือนกับเฉียนหงเย่น หายไปจากโลกนี้เลย แบบนั้นถึงจะเป็นการปลดปล่อยที่แท้จริง!”
เซียวชูหรันได้ยินดังนั้น ในใจก็เหลืออดอย่างมาก ความสัมพันธ์ของพ่อแม่มาถึงขั้นนี้ เธอรู้สึกเหนื่อยใจอย่างลึกๆ
นิ่งไปสักพัก เธอก็พูดขึ้นว่า “พ่อคะ ไม่ว่าแม่จะทำผิดแค่ไหน พ่อกับแม่ก็อยู่กินกันมา20กว่าปีแล้วนะ ให้อภัยกันหน่อยไม่ได้หรือคะ?”
เซียวฉางควนโบกปัด “ให้อภัยแม่แกงั้นหรือ? ไม่มีทาง ชีวิตนี้พ่อไม่มีทางให้อภัยแม่แกหรอก!”
พูดจบ เซียวฉางควนก็เอามือไขว้หลัง แล้วค่อยๆ เดินออกไป
เซียวชูหรันก็ถอนหายใจยาวๆ ลังเลไปมา แล้วก็พูดกับเย่เฉินว่า “เย่เฉิน คุณรู้จักคนไม่น้อยในจินหลิง ท่านหงห้าก็เหมือนจะสนิทกับคุณ คุณให้เขาไปสืบหน่อยได้ไหม? ว่ามีใครเห็นแม่ฉันไหม”
เย่เฉินตอบ “คุณภรรยาครับ เด็กออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ก็ต้องมีกลับดึกบ้าง แม่เพิ่งออกไปเมื่อบ่าย มีอะไรให้รีบร้อนครับ? เมื่อก่อนแม่เล่นไพ่นกกระจอก นั่งหน้าโต๊ะ ไม่ได้เล่น8รอบไม่ยอมลุกขึ้น ไม่น่าว่าอาจจะไปเล่นไพ่บ้านใครสักคนแล้ว ต่อให้ต้องพลิกเมืองจินหลิงตามหา ก็ไม่แน่ว่าจะตามหาพบ!”
เซียวชูหรันก็เม้มปากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วก็พูดว่า “งั้นก็ได้ งั้นก็รอหน่อยแล้วกัน ถ้า4ทุ่มแล้วยังไม่กลับ ฉันจะไปแจ้งความ”
“แจ้งความหรือ?” เย่เฉินพูดอย่างทำอะไรไม่ถูกว่า “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง? ตำรวจเขาก็ยุ่งมากอยู่นะ เรื่องนี้ไม่ต้องไปรบกวนพวกเขาหรอก”
“ได้ที่ไหนกันล่ะ” เซียวชูหรันตั้งใจพูดว่า “ป้าใหญ่หายตัวไป ทุกวันนี้ยังหาตัวไม่พบเลย ถ้าแม่ของฉันเป็นแบบป้าขึ้นมาจะทำอย่างไร!ถ้า4ทุ่มยังไม่เห็นแม่ หรือยังติดต่อไม่ได้ ฉันจะไปสถานีตำรวจเสียหน่อย!”