มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1052

หน้าประตูเมืองของเมืองตระกูลหวู ศิษย์ภายนอกธรรมดาสองคนที่มีหน้าที่เฝ้าประตูก็เป็นเช่นนี้ สีหน้าแต่ละคนมีความเย่อหยิ่ง ถึงแม้ผลการฝึกตนของตนเองจะเป็นเพียงแดนราชายุทธ์ แต่ถึงแม้ผู้แข็งแกร่งระดับแดนราชายุทธ์มาที่นี่ ก็ต้องสุภาพกับพวกเขาด้วย

แต่ในวันนี้ ออร่าอันทรงพลังแข็งแกร่งลึกลับมาถึงในทันใด รอยร้าวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือเมืองตระกูลหวู งูยักษ์ที่มีร่างกายใหญ่ราวกับภูเขาสีดำปรากฏขึ้น ลอยอยู่กลางอากาศ เปล่งประกายความดุร้ายออกมา

“ผู้ใดที่กล้ามาบังอาจที่ตระกูลหวูของเรา?”

เจ้าศักดิ์สิทธิ์ตระกูลหวูรู้สึกได้ เดินออกจากแดรปริศนาการฝึกตน เมื่อเขาเห็นงูยักษ์สีดำกลางอากาศ สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมทันที

“งูมรณาจิ่วหยิน? มันหนีเข้าไปในอนัตตาไม่สิ้นพร้อมหลัวซิวแล้วไม่ใช่หรือ? มันไม่ได้หายไปในนั้นหรอกหรือ?”

เจ้าศักดิ์สิทธิ์ตระกูลหวูมีความรู้สึกไม่ดี ถ้าเพียงแต่หลัวซิวและงูมรณาจิ่วหยินกลับมา ก็ไม่น่าเป็นกังวล แต่เขาเห็นเทพมารหลายสิบคนยืนอยู่บนหลังงูยักษ์สีดำ บนศีรษะมีหญิงสาวชุดคลุมสีดำเย็นชากำลังจ้องมองเขาอยู่อย่างเฉยเมย

เทวทูตแห่งโลกาชั้นฟ้า ช่าจื่อเยียน!

งูมรณาจิ่วหยินเป็นภูตน้ำของนาง และ หลัวซิวเป็นลูกศิษย์ครึ่งหนึ่งของนาง เห็นได้ชัดว่าเหล่าผู้ที่มานี้มัจุดประสงค์ร้าย

สิ่งที่ทำให้เจ้าศักดิ์สิทธิ์ตระกูลหวูหวาดกลัวมากที่สุด ไม่ใช่ฐานะเทวทูตจากโลกาชั้นฟ้าของอีกฝ่าย แต่เป็นผลการฝึกตนของอีกฝ่าย คือแดนเทพมารขั้นสูง

โลกแสงดาวเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้ที่ผลการฝึกตนที่สูงที่สุดคือเจ้าแห่งดินแดนศักดิสิทธิ์หลิวหงเทียน และผลการฝึกตนของเขาเป็นเทพมารขั้น 7 เท่านั้น

“บูเจิ้งเต๋อ ”คารวะท่านเทวทูต” เจ้าศักดิ์สิทธิ์ตระกูลหวูยิ้มอย่างขมขื่นในใจ ก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญเพื่อคำนับ

ช่าจื่อเยียนฮึ่มอย่างเย็นชาและพูดอย่างเฉยเมย “ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจจุดประสงค์ของข้าที่มาที่นี่”

“ท่านเทวทูตได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย!” บูเจิ้งเต๋อหวาดกลัว

ด้านล่าง ศิษย์ของตระกูลหวูหลายคนเห็นว่าเจ้าศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงส่งกำลังคุกเข่าต่อหน้าผู้อื่น แต่ละคนต่างแสดงท่าทีที่เหลือเชื่อ

นั่นคือเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารนะ หนึ่งในผู้แข็งแกร่งมากที่สุดในโลกนี้!

สีหน้าของช่าจื่อเยียนเฉยเมย นางฝึกฝนเป็นเทพมารตั้งแต่เมื่อหลายหมื่นปีก่อน แม้ว่าหลายปีมานี้นางจะไม่ค่อยฆ่าคน แต่ประสบการณ์การเติบโตของนางเติบโตมากับการเหยียบย่ำกระดูกนับไม่ถ้วน

“ขอร้องข้าไม่มีประโยชน์ อยากขอร้องก็ไปหาเขา” ช่าจื่อเยียนดันหลัวซิวออกไป

“หลัวซิว ข้าจะดูแลเจ้าในเรื่องนี้ เจ้าสามารถทำทุกอย่างที่เจ้าอยากทำกับเขาได้” ช่าจื่อเยียนกล่าว

ซุ๋นหวู่หยาและ ซุ๋นซินเหลียนสีต่างไร้อารมณ์ แต่สามารถมองออกได้ว่า ช่าจื่อเยียนมอบอำนาจการจัดการเรื่องนี้ไปยังมือของชายหนุ่มคนนี้ เพื่อดูจิตใจของเขา

วิธีการทำของบุคน ๆ หนึ่ง สามารถเห็นได้จากจิตใจของผู้นั้น

ใจของ บูเจิ้งเต๋อจมดิ่งลงไปยังตาตุ่ม ไม่ต้องพูดถึงเขาและ เจ้าศักดิ์สิทธิ์จักรภพ เจ้านิกายมารศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องการฆ่าเขาในตอนแรก และด้วยศักดิ์ศรีของเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมาร ขอความเมตตาจากช่าจื่อเยียนก็ช่างแล้ว หรือยังต้องก้มศีรษะให้กับเจ้ายุทธจักรรุ่นเยาว์เพื่อขอความเมตตาหรือ?

สามารถฝึกฝนให้เป็นเทพมารในพิภพล่าง เมื่อตอนที่บูเจิ้งเต๋อยังหนุ่ม นับเป็นอัจฉริยะที่น่าทึ่งที่สุด เขาก็มีความเย่อหยิ่งและศักดิ์ศรีของตัวเองโดยธรรมชาติ

สำหรับเขาแล้ว เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ที่จะให้เขาคุกเข่าลงขอความเมตตาจากหลัวซิว ยิ่งยอมรับไม่ได้มากไปกว่าการฆ่าเขา

หลัวซิวสามารถเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาของ บูเจิ้งเต๋อ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสำหรับเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารผู้นี้ การเลือกขอร้องเพื่อรอดชีวิตหรือขอตายเป็นทางเลือกที่ยากมาก