มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1053

ในเวลาเดียวกัน ช่าจื่อเยียนได้ส่งเทพมารสิบกว่าคนออกไป ให้พวกเขาแยกกันไปที่ ไปที่ตำหนักดารานภาในอาณาจักรตะวันออกและนิกายมารศักดิ์สิทธิ์ในอาณาจักรตะวันตก เพื่อจับกุมเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารของแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ทั้งสอง

เทพมารแต่ละคนเหล่านี้ที่รับใช้ช่าจื่อเยียนนั้นไม่ธรรมดา มีเทพมารขั้นปลายและเทพมารขั้นกลางอยู่ด้วย หากพวกเขาถูกวางไว้ในพิภพล่างไม่ว่าจะที่ไหน พวกเขาล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่มีผู้สามารถขัดขวางได้

“หลัวซิว เป็นความผิดของข้าเองที่ฆ่าเจ้าในตอนนั้น แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถไว้ชีวิตผู้บริสุทธิ์คนอื่นๆ ในตระกูลหวู”

หลังจากนั้นไม่นาน บูเจิ้งเต๋อก็กัดฟันกรอดแล้วจ้องไปที่หลัวซิว

เขาได้ตัดสินใจในใจแล้ว แทนที่จะทำให้ศักดิ์ศรีของเขาอับอายด้วยการขอความเมตตาจากหลัวซิว เขายอมตายดีกว่า

แต่เขาหวังว่าจะใช้ความตายของตัวเองเพื่อแลกกับการอยู่รอดของตระกูลหวู

หลัวซิวหัวเราะเยาะ “เจ้าศักดิ์สิทธิ์หวู เจ้าคิดว่าเจ้ามีคุณสมบัติที่จะพูดคุยกับข้าเกี่ยวกับหรือ?”

“เจ้าหมายความว่ายังไง?” สีหน้าของ บูเจิ้งเต๋อขรึมลง

“ความหมายของข้าง่ายมาก หากเจ้าต้องการให้ข้าปล่อยตระกูลหวู เจ้าต้องวางศักดิ์ศรีของเจ้าลงและขอร้องข้า!”

สีหน้าหลัวซิวราบเรียบ “เจ้าต้องรู้ว่าข้าไม่ได้ปรึกษากับเจ้า เป็นเจ้าที่ต้องขอร้องข้าเท่านั้น!”

“หลัวซิว เจ้าอย่ามากเกินไปนัก ถึงแม้ว่าข้าจะตามฆ่าเจ้า แต่เจ้าก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ อย่าทำเรื่องให้มากเกินไป เจ้าไม่มีท่านเทวทูตช่วยเจ้า เจ้าเป็นอะไร?” เจ้าศักดิ์สิทธิ์ตระกูลหวูกล่าวอย่างโกรธเคือง

“ฮึ่ม ทำให้เรื่องเป็นแบบนี้ไม่ใช่ข้า แต่เป็นเจ้า!” หลัวซิวเย้ยหยันอย่างดูถูก “เป็นถึงเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมาร กลับร่วมมือกันเพื่อฆ่าข้าที่เป็นรุ่นเยาว์แดนเจ้ายุทธจักร แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าอย่าทำเกินไป?”

“หากข้าฝึกฝนจนถึงแดนเทพมาร พวกเจ้ายังกล้าตามฆ่าข้าอีกไหม? พูดแล้วก็เป็นเพียงการรังแกข้าที่อ่อนแอกว่าเท่านั้นเอง ในเมื่อเจ้าสามารถรังแกผู้อ่อนแอได้ เจ้าก็ห้ามให้คนอื่นทำเช่นนี้ได้หรือ? คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?” หลัวซิวตะคอกอย่างไร้ความปราณี

“พูดได้ดี!” ซุ๋นซินเหลียนเหลือบมองหลัวซิวด้วยความสนใจแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นเพียงเทพมารจากพิภพล่าง้ท่านั้น ยังกล้าที่จะมาตะคอกอยู่ที่นี่?”

นางสะบัดนิ้วไปในอากาศ แสงแวบปรากฎขึ้นมา แต่เจ้าศักดิ์สิทธิ์ตระกูลหวูราวกับถูกฟ้าผ่า ร่างของเขากระเด็นออกมา พ่นเลือดออกมาเต็มปาก

รูม่านตาของหลัวซิวหดตัวลง ในใจของเขาหวั่นไหว ไม่เพียงเพราะความแข็งแกร่งของผู้หญิงคนนี้เท่านั้น แต่เป็นความสามารถในการทำร้ายเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารได้ด้วยนิ้วเดียว ที่สำคัญกว่านั้นเขาพบว่าวิธีการที่อีกฝ่ายใช้วิถีแห่งค่ายกลซ่อนอยู่ในกฎพลังเทพ

กล่าวได้คือ ดูเหมือนว่า ซุ๋นซินเหลียนจะชี้แบบลวก ๆ แต่ในความเป็นจริง นางใช้พลังเทพกฎผนึกแสงศักดิ์สิทธิ์แล้วสร้างค่ายเทพวิชาห้ามออกมา!

ค่ายกล ใช้แบบนี้ได้ด้วยหรือ?

สายตาของหลัวซิวเป็นประกาย ทำให้เขาดูเหมือนเห็นประตูอีกบานเปิดอยู่ข้างหน้าเขา

เห็นได้ชัดว่า ซุ๋นซินเหลียนคนนี้มาจากโลกเสวียนเทียน และในห้วงยุทธ์ค่ายกล นางจะต้องมีการสืบทอดค่ายเทพอย่างสมบูรณ์

แม้ว่าหลัวซิวตอนนี้จะเป็นนักค่ายเทพระดับ 1 แล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้รับการสืบทอดจากค่ายเทพอย่างสมบูรณ์ แต่จากการสำรวจของเขา เขาได้เข้าใจความลึกลับบางอย่างของค่ายเทพวิชาห้าม

นอกจากวิธีการค่ายเทพวิชาห้ามแล้ว ซุ๋นซินเหลียนคนนี้ยังสามารถทำร้ายเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว และความแข็งแกร่งของนางอย่างน้อยก็คือระดับเทพมารขั้นปลาย

ต้องรู้ว่าผลการฝึกตนของเจ้าศักดิ์สิทธิ์ตระกูลหวูคือเทพมารขั้น 3 แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นเทียบได้กับเทพมารขั้น 4

ที่บอกว่าเทียบได้กับเทพมารขั้น 4 คือใช้กับพิภพล่างเท่านั้น หากใช้กับพิภพกลางหรือแม้แต่พิภพระดับที่สูงกว่า เจ้าศักดิ์สิทธิ์ตระกูลหวูก็เป็นเพียงเทพมารขั้น 3 ธรรมดาเท่านั้นเอง