ส่วนที่ 6 ภาคลมประจิมรุนแรง ตอนที่ 144 วิญญาณบรรพบุรุษของเผ่าปีศาจ

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

บางทีเพราะการสั่นสะเทือนใต้ดินหรือเพราะอากาศในถ้ำเคลื่อนไหวเร็วเกินไป รากไม้บนเพดานและผนังจึงสั่นอยู่ตลอด การสั่นแต่ละครั้งทำให้ก้อนหินตกลงจากเพดาน ทะลวงผิวน้ำที่ดูราวกับของแข็ง เปลวเพลิงพุ่งขึ้นและตกใส่ผนังถ้ำแล้วถูกรากไม้ดูดซับไปอย่างรวดเร็ว

นี่เป็นขั้นตอนที่สมบูรณ์และเรียบง่าย แต่ก็น่ากลัวเช่นเดียวกัน ในบางแง่มุมก็เหมือนต้นไม้สวรรค์กำลังล่าเหยื่ออยู่

ชายหนุ่มสวมหมวกไผ่สานยืนอยู่บนจุดที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหนองน้ำ เขายังรักษาความระวังไม่ขยับแม้แต่น้อย

หลังจากสลายความตกใจที่เกิดจากรากต้นไม้สวรรค์ เขาก็มองไปยังจุดที่ลึกกว่านั้น เห็นว่ามีผลไม้สีชาดขนาดเท่ากำปั้นห้อยลงมาจากรากไม้ ผลไม้นี้ไม่กลัวความร้อนรุนแรงของลาวาเช่นเดียวกับรากต้นไม้สวรรค์ ดังนั้นพวกมันจึงเป็นของล้ำค่ามาก

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหวีดดังมาจากส่วนลึกสุดของหนองน้ำ ซึ่งตามมาด้วยเสียงแบบเดียวกันจากผนังและเพดานถ้ำ เป็นเหมือนเสียงสะท้อนหรืออาจเป็นเสียงที่เกิดจากของพิเศษบางอย่างในบริเวณนี้

ทุกอย่างในถ้ำใต้ดินพวกนี้ร้อนลวก ไม่ว่าจะเป็นรากต้นไม้สวรรค์ ผลไม้สีชาดที่ห้อยลงมาหรือผนังหินดำ แม้ว่าจะไม่มีเปลวไฟ แต่ก็จินตนาการได้ว่าหากกระดาษหรือใบไม้ไปกระทบถูกเข้าก็คงถูกเผาจนกลายเป็นควันในพริบตา

นี่ยังไม่พูดถึงหนองน้ำลาวาซึ่งแหล่งที่มาของความร้อน

จากหลักการที่ว่า ‘ไม่อาจมีหยางเพียงลำพัง’ ที่ซึ่งร้อนลวกแห่งนี้ไม่น่าจะดำรงอยู่ได้นานนัก ต้องพังลงในเวลาไม่นานหลังจากถือกำเนิด

แต่เพลิงเถื่อนของต้นไม้สวรรค์ก็อยู่กับเผ่าปีศาจมานานจนนับปีไม่ถ้วน

เขาจับจ้องไปที่ผนังหินดำ ค่อยๆ มองลึกเข้าไป แม้ว่าเขาจะไม่เห็นด้วยตาตัวเอง เขาก็สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของบางสิ่ง

ของนี้มีจำนวนน้อยมาก แต่พวกมันก็กระจายไปทั่วทั้งถ้ำ เศษพวกนี้มีอุณหภูมิต่ำมาก แผ่ความเย็นที่ไม่อาจจินตนาการได้ออกมา

เสียงหวีดที่เขาได้ยินก่อนหน้านี้เกิดขึ้นตอนที่เศษความเย็นปะทะกับความร้อนลวกของหนองน้ำลาวา

วัตถุใดกันที่เย็นจนสามารถต้านทานเพลิงเถื่อนของต้นไม้สวรรค์ได้

เขาได้คำตอบอย่างรวดเร็ว

เศษพวกนี้เป็นผลึกที่ก่อตัวขึ้นจากลมหายใจมังกรเยือกแข็งของมังกรยักษ์น้ำค้างแข็ง

ว่ากันว่าในอดีตอันยาวนาน มังกรยักษ์น้ำค้างแข็งได้มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งประเทศของเผ่าปีศาจ ตอนนี้ทั้งเผ่าปีศาจก็ยังบูชามังกรยักษ์น้ำค้างแข็งราวกับเทพเจ้า นี่ย่อมต้องมีเหตุผลของมัน

หากเผ่ามังกรยักษ์น้ำค้างแข็งไม่มีเมตตาอย่างมากมอบผลึกลมหายใจมังกรเยือกแข็งมากมาย ต่อให้เผ่าปีศาจได้ครอบครองเมล็ดต้นไม้สวรรค์ทั้งเก้าจากการบวงสรวงท้องฟ้าพร่างดาว ก็คงไม่อาจที่จะผนึกเพลิงเถื่อนที่เดือดพล่านอยู่ใต้ดินได้ ดังนั้นดินแดนเถื่อนแห่งยุคโบราณคงไม่อาจกลายเป็นดินแดนงดงามของเผ่าปีศาจในปัจจุบันนี้ได้

เมื่อเวลาผ่านไป ชายหนุ่มก็สรุปสิ่งที่สังเกตเห็นได้ในที่สุดและก้าวเข้าหาบึงน้ำไปอีกก้าวหนึ่ง

แค่ก้าวเดียว แผ่นดินก็เริ่มสั่นและผนังสีดำโดยรอบก็เริ่มบิดเบี้ยว แผ่แสงประหลาดนับไม่ถ้วนออกมา เพดานถ้ำปั่นป่วนยิ่งกว่า รากต้นไม้สวรรค์ดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา เลื้อยไปมาราวกับงูเป็นภาพที่แปลกประหลาด

ปรากฏการณ์ในถ้ำย่อมไม่ใช่เพราะหนึ่งก้าวของเขา แต่เป็นเพราะสิ่งที่ทรงพลังสัมผัสได้ว่าเขามาถึง

เมื่อแผ่นดินไหว ก้อนหินเล็กๆ จำนวนมากก็ตกลงมาจากเพดานถ้ำ ร่วงลงหนองน้ำที่ร้อนลวก

รูมากมายเกิดขึ้นบนลาวาเหนียวข้นในหนองน้ำ เปลวเพลิงหลายสิบสายพุ่งขึ้นมาในเวลาเดียวกัน

รากต้นไม้สวรรค์ไม่อาจดูดซับเปลวเพลิงทั้งหมดที่พุ่งขึ้นมาในเวลาอันสั้น ดังนั้นผนังที่หลอมละลายจึงพังลงเร็วกว่าเดิม

ก้อนหินน้ำไม่ถ้วนตกลงสู่หนองน้ำราวห่าฝน ทำให้เปลวเพลิงนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นมา

ทั่วทั้งถ้ำเต็มไปด้วยเสาเพลิงที่บิดตัวพันกันไปมา เป็นภาพอันยิ่งใหญ่งดงาม

ผิวหนองน้ำถูกเปิดออกจนหมด เผยให้เห็นรูปร่างที่แท้จริงอันน่ากลัวของลาวา มันไหลช้าๆ อย่างต่อเนื่องราวกับเลือด เป็นภาพที่งามตา

ลาวานี้เป็นต้นกำเนิดของเพลิงเถื่อนแห่งต้นไม้สวรรค์ ความร้อนและแรงกดดันเหนือจินตนาการแผ่ออกมาจากมัน

แม้ว่าควันจะลอยลงมาจากหมวกไผ่เพื่อปกป้องเขา ชายหนุ่มก็ยังหลังเหงื่อออกมา ในเวลาอันสั้นเสื้อผ้าก็เปียกโชก

เขาเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาและเช็ดเหงื่อออกจากคิ้ว ยังดูใจเย็นไร้ความกระวนกระวาย

ความร้อนน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากลาวาและปราณของเพลิงเถื่อนปกคลุมไปทั่วถ้ำ เสาเพลิงนับไม่ถ้วนดูเหมือนกับเป็นงานฉลองโบราณบางอย่าง

ท่ามกลางเสาเพลิงและแสงสีแดง ภาพหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้น ภาพที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป

สีหน้าชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมผิดปกติ เมื่อเขาจ้องไปที่ภาพในแสงเพลิง เขาไม่กะพริบตาแม้ว่าดวงตาเริ่มเจ็บปวดขึ้นมา

ภาพแรกเป็นเมืองหนึ่ง จากนั้นก็ภูเขาสูงลูกหนึ่ง แล้วก็เป็นทุ่งหญ้าท่ามกลางเทือกเขา

แล้วก็มีภาพสัตว์มากมายนับไม่ถ้วน มีทั้งพวกสัตว์ธรรมดาอย่างช้าง สิงโต เสือและหมาป่า แล้วยังมีสัตว์ในตำนานอย่างมังกรและหงส์ แล้วก็มีวัวกับแกะ ห่านกับม้าตามมา

ชายหนุ่มมองไปที่ภาพพวกนั้น สีหน้ามีความประหลาดใจ “นี่เป็นภาพดวงดาวใดกัน”

สุดท้ายภาพทั้งหมดสลายไปในเพลิงเถื่อน

ลาวาแยกออกราวกับทะเล เปลี่ยนเป็นแท่นที่รูปร่างเหมือนกับดอกบัว

ผู้อาวุโสสวมชุดขนสัตว์ ผมยาวพาดอยู่ด้านหลัง ปรากฏกายขึ้นบนแท่นนั้น

ผู้อาวุโสนี้ย่อมไม่ใช่คนจริงๆ แต่เป็นภาพฉายของจิตบางอย่าง

ถ้ำใต้ดินมีขนาดใหญ่มาก สูงหลายร้อยจั้ง แต่ผู้อาวุโสนี้กลับดูสูงหมื่นจั้ง ปกคลุมไปทั้งโลก

ชายหนุ่มมองไปที่ชายชราในเพลิงเถื่อน สีหน้าในตอนนี้เคร่งเครียดอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน ตาดำขลับแสดงความระวังตัวอย่างที่สุด

ชายชราดูราวกับเทพที่แท้จริง เพราะในบางแง่มุมเขาก็คือเทพเจ้า

เขาคือวิญญาณบรรพบุรุษของเผ่าปีศาจ

……

……

ใต้ต้นไม้สวรรค์ต้นอื่น วิญญาณบรรพบุรุษเผ่าปีศาจก็ปรากฏกายขึ้นเช่นกัน

เซวียนหยวนผ้อรู้สึกว่าร่างกายหนักผิดปกติ ไม่กล้าที่จะคิดต้านทานและคุกเข่าลงกับพื้น

ยอดฝีมือเผ่าปีศาจอีกสองคนไร้กำลังยิ่งกว่า พวกเขาคุกเข่าลงเร็วกว่า ร่างกายสั่นในยามที่แทบจะหมดสติลง

เสี่ยวเต๋อดีกว่าเล็กน้อย แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น

ใบหน้าซีดขาว เขาหลับตาภาวนาหวังว่าจะได้รับการอวยพรจากวิญญาณบรรพบุรุษ

ชายหนุ่มสวมหมวกไผ่สานไม่ได้คุกเข่า แค่มองไปที่ภาพวิญญาณบรรพบุรุษเงียบๆ อย่างใช้ความคิด

ทันใดนั้นวิญญาณบรรพบุรุษก็ลืมตาขึ้น

ใต้ต้นไม้สวรรค์ต้นต่างๆ วิญญาณบรรพบุรุษได้ลืมตาขึ้น

ลำแสงพุ่งผ่านขอบเขตระหว่างจิตใจและร่างกาย ตกลงบนร่างของเสี่ยวเต๋ เซวียนหยวนผ้อและยอดฝีมือเผ่าปีศาจอีกสองคน

ลำแสงตกลงบนร่างของชายหนุ่มสวมหมวกไผ่สานเช่นกัน

แสงนี้ทำให้เขาหน้าซีดขาวผิดปกติ แต่ดวงตาแดงก่ำ เพราะเขาตื่นเต้นมาก ถึงกับบ้าคลั่งอยู่บ้าง

“เป็นแสงศักดิ์สิทธิ์จริงๆ!”