หวอ หวอ**!**
สัญญาณเตือนภัยดังก้อง ทั่วทั้งสำนักศึกษาเป่ยชางที่คึกคักก็เข้าสู่ความโกลาหล สายตานับไม่ถ้วนมองออกไปที่ด้านนอกค่ายกลด้วยความกลัว บนท้องฟ้าไกลโพ้นถูกครอบงำด้วยรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากที่หลั่งไหลเข้ามา…
“เผ่าปีศาจเคลื่อนไหวแล้ว!”
ยืนอยู่ริมทะเลสาบเยี่ยชิงหลิง เสิ่นชังเสิง เวินชิงเฉวียนและคนอื่นๆ ก็มีใบหน้าเปลี่ยนไปกับฉากนี้ สีหน้าของพวกเขาเคร่งเครียดลง ร่างกายตึงเครียดขึ้น
“พี่ใหญ่!”
เยี่ยสุนเอ๋อทะยานเข้ามาพลิ้วตัวลงด้านข้างเยี่ยชิงหลิงด้วยความกังวลในสายตา
เยี่ยชิงหลิงหายใจเข้าลึกตอบว่า “ปลอบใจเหล่าศิษย์เอาไว้ อย่าให้แตกตื่น… นอกจากนี้เตรียมรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เมื่อไรที่สถานการณ์เริ่มแตกหักให้จัดกลุ่มศิษย์หนีผ่านทางค่ายกล”
เผ่าปีศาจทรงพลังและก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่สำนักศึกษาจะขัดขวางไว้ได้ ดังนั้นจึงต้องวางแผนสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้
เยี่ยสุนเอ๋อกัดริมฝีปาก แต่นางก็รู้ซึ้งถึงความแตกต่างของพลังระหว่างทั้งสองฝ่าย จึงพยักหน้ารับทราบ
“ทุกคนผ่านมาหลายปี ตอนนี้เรากำลังจะต่อสู้ด้วยกันอีกครั้งแล้ว” เยี่ยชิงหลิงมองไปที่เสิ่นชังเสิงและพรรคพวกด้วยรอยยิ้ม
เสิ่นชังเสิงก็คลี่ยิ้มออกมา ไม่มีความกลัวอยู่ในสายตาเขา หอกคู่ใจปรากฏขึ้นในมือ จากนั้นก็หันไปหาหลี่เฉวียนทงเอ่ยว่า “ตอนที่ศึกษาที่นี่เจ้าไล่ตามข้าตลอด ครั้งนี้แข่งกันอีกไหม?”
“เอาเลย” หลี่เฉวียนทงยิ้มพร้อมกับคลื่นหลิงพลุ่งพล่านรอบตัว เสื้อผ้าโบกสะบัด
“มีข้าที่นี่ ไม่ถึงมือเจ้าสองคนได้โอ้อวดหรอก” เวินชิงเฉวียนยิ้มบาง ร่างแผ่ซ่านด้วยความมั่นใจราวกับนกยูงรำแพนขน นางยังคงเจิดจ้าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“โฮก!”
แต่ขณะเดียวกันเสียงคำรามของมังกรเกรี้ยวกราดที่แตกสลายฟ้าดินก็ดังก้องออกมาจากสำนักศึกษาเป่ยชาง ลำแสงสีดำทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่างเงาหนี่งเผยตัวออกมา
นั่นคือชายชราหัวล้าน มีท่าทางเย็นชาขณะที่สายฟ้าดังก้องอยู่รอบตัวแผ่แรงกดดันทรงพลัง
“ท่านเป่ยหมิง!”
ร่างสูงวัยนี้ได้รับเสียงโห่ร้องต้อนรับจากทั่วบริเวณ ทุกคนมีไฟลุกโชนในดวงตา เพราะในสำนักศึกษาเป่ยชาง ชื่อเสียงของเป่ยหมิงโด่งดังเหลือเกิน
แต่เมื่อได้รับเสียงโห่ร้องเหล่านั้นใบหน้าของเป่ยหมิงก็ไม่ได้คลายลง เขามองรัศมีปีศาจหนาแน่นนั้นก็รู้สึกเจ็บแปลบบนร่างกาย ชัดว่าสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ที่ทรงพลังในหมู่เผ่าปีศาจ
วาบ วาบ!
ร่างแสงหลายร่างเริ่มทะยานสู่ท้องฟ้าจากสำนักศึกษาเป่ยชางมายืนอยู่ด้านหลังเป่ยหมิง พวกเขาก็คือเหล่าจอมยุทธ์ทรงพลังของห้ายอดสำนัก
ไท่ชางปรากฏตัวข้างเป่ยหมิง เมื่อมองไปที่สีหน้าอีกฝ่าย ใบหน้าเขาก็ดิ่งลง
“ไท่ชางเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด” เมื่อมองไปท่าทางของไท่ชาง เป่ยหมิงก็ถอนหายใจ
พอได้ยินคำพูดเหล่านั้นร่างไท่ชางก็สั่นสะท้านพร้อมกับความรวดร้าวในสายตา เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าสำนักศึกษาเป่ยชางจะต้องพบกับวันแห่งการทำลายล้าง
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าคงต้องสละร่างแก่ๆ นี้ต่อสู้เพื่อให้เหล่าศิษย์ได้มีเวลาหลบหนีมากขึ้น” ไท่ชางประสานมือกล่าวด้วยความแน่วแน่
ในฐานะอาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาเป่ยชาง เขาไม่สามารถทิ้งศิษย์เผชิญชะตากรรมเช่นนี้ได้
เป่ยหมิงยิ้มพลางตบไหล่ไท่ชาง “ข้าปกป้องสำนักมาหลายปี ถ้าสำนักกำลังเผชิญกับการทำลายล้าง ข้าก็จะสู้ตายพร้อมกับทุกคน”
ไท่ชางเปิดปากขึ้น แต่เป่ยหมิงกลับหยุดเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงคารวะให้
ฟิ้ว!
ยามนี้เสิ่นชังเสิง หลี่เฉวียนทง เวินชิงเฉวียนและคนอื่นๆ ก็มายืนอยู่ด้านหลังไท่ชาง
“ท่านอาจารย์ใหญ่ พวกเรายินดีที่จะพลีชีพเพื่อปกป้องสำนัก!”
เมื่อมองไปที่เหล่าศิษย์ ไท่ชางก็ซาบซึ้งใจตอบว่า “พวกเจ้าก้าวไปไกลแล้วและคือความหวังในอนาคต ไม่จำเป็นต้องพินาศไปกับสำนัก ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถพาศิษย์น้องทั้งหลายให้รอดพ้น ถือว่าช่วยรักษาเมล็ดเพลิงให้สำนักไว้”
พวกเสิ่นชังเสิงเงียบไป เมื่อมองสายตาที่เปี่ยมด้วยความหวังของชายชรา พวกเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ สุดท้ายพวกเขาทำได้เพียงโค้งคำนับรับด้วยมารยาทสูงสุด
“ท่านอาจารย์ใหญ่โปรดมั่นใจ ข้าจะปกป้องพวกเขาอย่างดีที่สุด”
ไท่ชางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็หันหน้าไปมองเหนือท้องฟ้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด รัศมีปีศาจถั่งโถมเข้ามาใกล้ในระยะหมื่นจั้งแล้ว
เมื่อมองผ่านรัศมีปีศาจ พวกเขาก็สามารถมองเห็นปีศาจนับไม่ถ้วนภายใน
“เปิดใช้งานค่ายกล!” เป่ยหมิงแผดเสียง เหล่าหลิงเจิ้นซือทั้งหมดก็เทคลื่นหลิงเข้าไปทันที ขณะที่คลื่นหลิงถูกเทลงในค่ายกลอย่างต่อเนื่อง ปราการรอบสำนักก็ทรงพลังมากขึ้นเช่นกัน
“ค่ายกลพิทักษ์นี้สามารถป้องกันการโจมตีของระดับเทียนจื้อจุนได้หลายคน นี่ถือว่าเป็นชั้นการป้องกันสุดท้ายของเรา” เป่ยหมิงพูดขณะมองไปที่ปราการ
หากชั้นปราการถูกทำลาย นั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องสู้ถวายชีวิตแล้วเท่านั้น
“หวังว่าค่ายกลนี้จะสามารถปกป้องสำนักของเราได้” ทุกคนภาวนาภายในใจ
ในที่สุดรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากก็หยุดลง ทั้งภูมิภาคถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน
ความวุ่นวายภายในสำนักก็สงบลงเช่นกัน แต่หลายคนมีความกลัวในดวงตาขณะที่ตัวสั่นเมื่อมองไปที่รัศมีปีศาจ
ทันใดนั้นกะโหลกสีดำก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับร่างปีศาจยืนอยู่บนโครงกระดูกแต่ละส่วนเอิบอาบไปด้วยความผันผวนของรัศมีปีศาจ
นักรบราชันปีศาจเจ็ดคน!
เมื่อมองไปที่นักรบราชันปีศาจทั้งเจ็ด ความสิ้นหวังก็โหยไห้ออกจากสำนักศึกษาเป่ยชาง แม้แต่สีหน้าของเป่ยหมิงก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด
แม้เขาจะรู้ว่าจะมีราชันปีศาจ แต่เขาก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีถึงเจ็ดคนและทุกคนก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขา
“ดูเหมือนว่าสวรรค์อยากจะทำลายสำนักศึกษาเป่ยชางจริงๆ” ไท่ชางตัวสั่น
ตู้ม ตู้ม!
ราชันปีศาจทั้งเจ็ดมองดูความสิ้นหวังอย่างไม่แยแส ก่อนที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นรัศมีปีศาจก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า กระแทกเข้ากับปราการขนาดใหญ่
ตึง ตึง!
เผชิญหน้ากับการโจมตีของราชันปีศาจทั้งเจ็ด ชั้นปราการก็ผันผวนรุนแรง คลื่นหลิงที่อยู่บนนั้นก็สลายไปอย่างรวดเร็ว
“ถ้าเตรียมการค่ายกลเคลื่อนย้ายเสร็จ ก็เริ่มส่งศิษย์ออกไปเลย!” ไท่ชางออกคำสั่งด้วยเสียงสั่น อาจารย์บางส่วนก็ออกไปพร้อมกับคำสั่งทันที
ไม่มีใครสามารถต้านทานเผ่าปีศาจได้ไหวแน่เมื่อปราการแตก ไม่แม้กระทั่งเป่ยหมิงจะสามารถเผชิญหน้ากับการโจมตีของเจ็ดราชันปีศาจได้
“เมื่อไรที่ค่ายกลแตกสลาย ข้าจะพยายามขัดขวางราชันปีศาจให้ได้มากที่สุด ส่วนที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของพวกเจ้าแล้ว”
ไป่หมิงมองไปที่ค่ายกลที่สั่นสะท้าน ใบหน้าก็สงบลง เขามองไปที่ไท่ชางพลางยิ้มขึ้น “พูดถึงเรื่องนี้ข้าก็คิดถึงไอ้หนูนั่นที่ได้ฝึกฝนกายาเทพสายฟ้าของข้า”
“ท่านกำลังพูดถึงเจ้าหนูมู่เฉินอยู่เหรอ…ฮ่าๆ ตอนนี้เขาไม่ธรรมดาเลยนะ มีข่าวลือเมื่อไม่กี่ปีก่อนแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้” ไท่ชางยิ้ม
“แค่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหายตัวไปในช่วงหลายปีนี้… คนอื่นบอกว่าเขากลัวพวกปีศาจ แต่ข้ารู้ว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น”
เป่ยหมิงยิ้ม “คนที่กล้ารับเมฆเทพอัสนีดำเพื่อชำระร่างกายและเรียนรู้กายาเทพสายฟ้า จะไปมีความกลัวได้อย่างไร คนอื่นโง่ไปเท่านั้น”
ตู้ม ตู้ม!
ขณะที่พวกเขาพูดคุยถึงความหลัง ขบวนแถวแสงก็บางลงก่อนที่จะระเบิดที่หน้าครรลองสายตาทุกคน…
ค่ายกลแตกสลาย ภาพสำนักศึกษาเป่ยชางก็เผยออกเบื้องหน้าเผ่าปีศาจ
“ฆ่าให้หมด!”
ราชันปีศาจทั้งเจ็ดมองไปที่เป่ยหมิงอย่างเย็นชา เนื่องจากรู้สึกได้ว่ามีเพียงเขาที่สร้างภัยคุกคามได้ ทันใดนั้นทั้งเจ็ดก็เคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน เปิดฉากซัดฝ่ามือใส่เป่ยหมิงทันที
เผชิญกับราชันปีศาจทั้งเจ็ด เป่ยหมิงก็เผยสีหน้าเคร่งเครียด ทันใดนั้นสายฟ้าสีดำแล่นแปลบปลาบออกมาจากร่างราวกับเทพสายฟ้า
เขาก้าวออกไป มือประสานกันก่อนจะผลักกระแทกออก
“ฝ่ามือเทพอัสนีดำ!”
สายฟ้าสีดำพุ่งออกไปราวกับมหาสมุทรพลุ่งพล่านปะทะกับฝ่ามือทั้งเจ็ด
ปัง ปัง!
ทั้งสวรรค์และโลกสั่นสะเทือน พลังทั้งสองสายปะทะกัน ทว่าสายฟ้าสีดำไม่สามารถต่อกรกับฝ่ามือทั้งเจ็ดได้ ในที่สุดก็ถูกฉีกออกพลังงานที่เหลือซัดใส่ร่างของเป่ยหมิง
ปัง!
เป่ยหมิงตัวสั่น เสื้อผ้าถูกฉีกเป็นชิ้นๆ กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ รัศมีจืดจางลง เขาได้รับบาดเจ็บหนักหลังจากการแลกกระบวนท่าครั้งเดียว!
“ท่านเป่ยหมิง!”
เหล่าศิษย์ในสำนักศึกษาเป่ยชางร้องไห้ด้วยความสิ้นหวัง ใครจะคาดคิดว่าจอมยุทธ์ที่อยู่ยงคงกระพันในสายตาของพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บหนักจากฝีมือศัตรูในทันที
“ส่งพวกเขาออกไป!” เป่ยหมิงคำรามด้วยสีหน้าซีดเซียว
ทั่วทั้งสำนักตกอยู่ความโกลาหล ภายใต้การนำของเหล่าอาจารย์ ศิษย์ทุกคนเริ่มหนีเข้าไปในส่วนลึก
เป่ยหมิงคำรามมองไปที่ราชันปีศาจทั้งเจ็ดด้วยดวงตาแดงก่ำ จากนั้นก็เข้าประจัญบาน ยามนี้เขาคิดสู้จนตัวตายแล้ว
เผชิญหน้ากับราชันปีศาจทั้งเจ็ด เป่ยหมิงก็รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะชนะ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้…เขาก็ทำได้เพียงทำลายตัวเองเพื่อซื้อเวลาให้เด็กๆ หนีไป
ขณะที่คลื่นหลิงรุนแรงพวยพุ่งขึ้นภายในร่างกาย ความผันผวนที่น่ากลัวก็กวาดออกมา
เมื่อราชันปีศาจทั้งเจ็ดสังเกตเห็นการกระทำของเป่ยหมิง ใบหน้าก็เปลี่ยนไปร้องว่า “ฆ่ามัน!”
จากนั้นก็พุ่งเข้าโรมรันในเวลาเดียวกัน กระบี่ปีศาจเจ็ดเล่มกวาดออกพร้อมกับปีศาจรุนแรง
“ท่านเป่ยหมิง!”
เมื่อเสิ่นชังเสิง หลี่เฉวียนทงและพรรคพวกเห็นฉากนี้ร่างกายก็ชาวาบไปด้วยความสิ้นหวังในแววตา พวกเขารู้ว่าการโจมตีครั้งนี้จะสังหารเป่ยหมิงแน่นอน
“ฝากศิษย์น้องไว้กับพวกเจ้าแล้ว!” ไท่ชางมองฉากนี้โดยไม่มีริ้วอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่เล็บแทงเข้าไปในฝ่ามือพร้อมกับเลือดหยดลงมาเป็นสาย
หลังจากที่เสิ่นชังเสิงและคนอื่นๆ แลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขาก็กัดฟันถอยร่นออกไป
ฟิ้ว!
ขณะที่กระบี่ปีศาจทั้งเจ็ดบินฉวัดเฉวียนข้ามขอบฟ้าก็พุ่งเป้าไปที่จุดตายของเป่ยหมิงด้วยมุมน่าหวาดเสียวกระทั่งมิติยังฉีกออกจากกัน
ฮึ่ม ฮึ่ม!
แต่ขณะที่ทุกคนกำลังจะเห็นความตายของเป่ยหมิง เสียงครางกระหึ่มก็ดังก้องมาจากขอบฟ้า
ทันใดนั้นแสงหลิงพร่างพราวสองสายก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า ลำแสงสายหนึ่งทะยานเข้าไปที่เบื้องหน้าดงกระบี่ปีศาจลบออกทันที
ส่วนลำแสงอีกสายก็กลืนกินสามราชันปีศาจโดยที่ไม่ทันแม้แต่จะเปิดปากร้องออกมาก่อนที่จะสลายหายไป…
เสิ่นชังเสิง หลี่เฉวียนทงและคนอื่นๆ หยุดชะงักการล่าถอย ความไม่เชื่อเขียนอยู่ในดวงตา ขณะที่มองการเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้…
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง มิติด้านหลังเป่ยหมิงก็ผันผวน ร่างเงาหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ มือบางยื่นออกมาวางไว้บนไหล่ของอีกฝ่ายซึ่งทำให้พลังงานที่บ้าคลั่งในร่างกายเขาสงบลงทันที…
คลื่นหลิงในร่างสงบลง เป่ยหมิงก็อึ้งไปก่อนที่จะหันหน้าไปมองก็เห็นใบหน้าสะคราญโฉมที่อ่อนล้าจากการเร่งรุดเดินทางอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นสายตาของเป่ยหมิง สาวสวยก็ยิ้มพลางกะพริบตาเย้าแหย่พร้อมกับน้ำเสียงอ่อนโยนดังก้อง
“ผู้อาวุโสเป่ยหมิงจะตายไม่ได้นะเจ้าค่ะ ไม่งั้นข้าไม่รู้จะอธิบายให้มู่เฉินฟังได้ยังไงเมื่อเขากลับมา…”
เสียงหัวเราะอ่อนโยนดังก้องทำให้ทุกคนตะลึงงันเมื่อมองไปที่รูปลักษณ์งดงาม
ยามนี้ไท่ชาง เสิ่นชังเสิง หลี่เฉวียนทงและคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างร้องอุทานว่า
“นั่น…”
“ลั่ว-หลี!”