กล่องเครื่องประดับสามชั้นสีเงินทึบเลี่ยมอัญมณีถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นภายในของชั้นที่สอง
ด้านในมืดสนิท กระทั่งผนังโดยรอบก็ยังดูคล้ายกับหลอมรวมเป็นเนื้อเดียว มอบความรู้สึกประหนึ่งห้วงมิติลึกลับไร้ก้นบึ้ง
เพียงพริบตา ความมืดเจือจางสว่างขึ้นพร้อมกับประกายแสงสุกใส ราวกับด้านในแปรเปลี่ยนเป็นห้วงอวกาศหรือจักรวาลขนาดเล็ก
จุดแสงเหล่านั้นจับกลุ่มหมุนวนด้วยความเร็วสูงพร้อมกับทำให้ฉากด้านในแปรเปลี่ยนไปหลายครั้งในหนึ่งวินาที
ภาพที่ไคลน์จินตนาการไว้คือการส่ง ‘เทพหายนะ’ เซียอาและ ‘ราชาหมอผี’ แห่งโรงเรียนกุหลาบไปยังซากสมรภูมิแห่งเทพ เพราะเมื่อพวกมันถูกส่งไปไกลจากทวีปใต้ ก็คงใช้เวลาอีกสักพักใหญ่กว่าจะตระหนักว่าราชาหมอผีราคามันกำลังถูกโจมตี ทำให้ส่งกำลังมาช่วยเหลือไม่ทันการ แต่ต้องไม่ลืมว่าชั้นที่สองของกล่องวันวานมีคุณสมบัติแบบสุ่ม มีโอกาสต่ำมากที่เป้าหมายจะถูกส่งไปยังตำแหน่งในจินตนาการ โดยส่วนมากมักถูกส่งไปยังปลายทางแบบสุ่ม และคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่ได้รับอิทธิพลจากความโชคดี หรืออย่างน้อยก็พลังแห่งโชคในลำดับต่ำกว่า 0
ดังนั้นหลังจากเปิดชั้นที่สองของกล่องวันวานออกมา ไคลน์เองก็ไม่มั่นใจผลลัพธ์อีกต่อไป เหมือนกับการเล่นไพ่โปเกอร์โดยไม่ใช้พลังพิเศษช่วย ต้องเดิมพันชิปด้วยการสังเกตและสัญชาตญาณ แต่แน่นอน ไคลน์ไม่กังวลเกินไปนัก เพราะไม่ว่ากล่องวันวานจะพาตนกับมิสผู้ส่งสารไปยังที่ใดก็ไม่ถือว่าเป็นสถานการณ์วิกฤติ เพราะต้องไม่ลืมว่าไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เป็นเพียงตัวปลอม กล่องวันวานเป็นของปลอม และตัวไคลน์เองก็ปลอม
ด้วยเหตุผลข้างต้น ต่อให้ไคลน์ถูกโยนลงไปยัง ‘ใต้ดิน’ และปนเปื้อนการกัดกร่อนรุนแรง มันก็แค่สลายภาพฉายทางประวัติศาสตร์ทิ้งและเข้าไปยังปราสาทต้นกำเนิดเพื่อ ‘ฆ่าเชื้อ’ พร้อมกับตัดการเชื่อมต่อทุกชนิด
บนพื้นฐานดังกล่าว มันเองก็มีวิธีช่วยร่างต้นของมิสผู้ส่งสารต่อต้านการกัดกร่อนเช่นกัน – เพราะนี่เป็นเพียงการเผชิญหน้าผ่านภาพฉาย ไม่ใช่ร่างต้นโดยตรง ระดับความรุนแรงย่อมไม่เท่าของจริง
ผลลัพธ์เดียวที่ต้องกังวลคือเมื่อกล่องวันวานสุ่มส่งทุกคนไปยังตำแหน่งที่ชารอนและเอ็มลินกำลังไล่ล่าราชาหมอผีคารามัน นั่นจะไม่ต่างอะไรกับการนำกองทัพหลักของศัตรูเข้ามาในศูนย์บัญชาการใหญ่ตัวเอง ทางออกเดียวคือการล้มเลิกแผนและร่วมมือกับไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เพื่อช่วยพาทุกคนออกจากสนามรบทวีปใต้อย่างปลอดภัย
โอกาสเกิดสถานการณ์ดังกล่าวอาจมีต่ำมาก แต่ก็ห้ามวางใจเด็ดขาด
ทันใดนั้นเอง เนื่องจากอิทธิพลจากออร่าเทพหายนะเซียอายังคงแสดงผล พลังวิญญาณไคลน์จึงถูกแช่แข็งจนชะงักไปเล็กน้อย ราวกับร่างกายและวิญญาณถูกตรึงไว้ชั่วขณะ แต่ในท้ายที่สุดพวกมันก็หลั่งไหลเข้าไปในกล่องวันวานและช่วยให้สมบัติปิดผนึกชิ้นนี้เปิดฝาออก
เพียงพริบตา ฉากพื้นหลังภายในกล่องวันวานชั้นที่สองพลันแปรเปลี่ยน กลายเป็นท้องทะเลอันกว้างใหญ่ในกล่องใบเล็ก
ไคลน์ ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ เทพหายนะเซียอา ราชาหมอผีผู้สวมชุดคลุม และคนของโรงเรียนกุหลาบอีกเป็นจำนวนมากต่างได้เห็นทรายสีเหลืองสุดลูกหูลูกตาและสัมผัสความหนาวเย็นของยามค่ำคืน
นอกจากภาพฉายของเทพผู้ถูกล่าม สิ่งมีชีวิตทุกชนิดในสนามรบล้วนถูกส่งไปยังทะเลทรายในพริบตา!
สำหรับภาพฉายดังกล่าว การเชื่อมต่อได้ขาดสะบั้นเนื่องจากการหายตัวไปของเทพหายนะเซียอา ส่งผลให้พลังของมันมิอาจแทรกซึมมายังโลกความเป็นจริงได้อีก
โดยไม่มัวเสียเวลาขบคิดว่าตนกำลังอยู่ที่ใด ไคลน์รีบสลายภาพฉายของกล่องวันวานทิ้งพร้อมกับดีดนิ้ว เป็นการเสกเปลวไฟสีแดงลุกท่วมร่างเพื่อเตรียมกระโดดหนีเป็นระยะทางไกล
มันทำไปเพราะต้องการหลบเลี่ยงความสนใจจากเทพหายนะเซียอา ขณะเดียวกันก็เพื่อหาโอกาสอัญเชิญภาพฉายทางประวัติศาสตร์
แต่ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มได้ยินเสียงคำรามที่เปี่ยมด้วยความชั่วร้ายจนสติขาวโพลนในทันที ความคิดทั้งหมดสูญหายไปชั่วขณะ
เปลวไฟสีแดงที่กำลังลุกท่วมร่างคล้ายกับมีชีวิตขึ้นมาและพันธนาการไคลน์ไว้กับพื้น
ลำพังเสียงคำรามและออร่าก็มากพอจะพันธนาการไคลน์ได้ในระดับหนึ่ง
หากไม่ใช่เพราะมีพวกพ้องเป็นไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ซึ่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์สุดขีด ภาพฉายของไคลน์คงถูกกำจัดทิ้งโดยมิอาจตอบโต้ และบางทีอาจทำให้ร่างต้นได้รับผลกระทบบางอย่าง
ทันใดนั้นเอง ตุ๊กตาผ้าขนาดใหญ่เท่าปราสาทก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวพร้อมกับอ้าปากที่ปิดสนิท
แม้จะปราศจากสุ้มเสียง แต่ ‘ท่อนไม้’ ที่ไปด้วยของเหลวสีดำคล้ายกับถูกคลื่นน้ำซัดสาด มันแกว่งไปมาในลักษณะโซเซโดยมีวัตถุประหลาดงอกออกมา
นี่คือคำสาปซึ่งไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์แอบสั่งสมมานานแล้ว เป็นคำสาปที่มีรากฐานมาจากความโกรธ เกลียดชัง และเคียดแค้นเมื่อครั้งเธอถูกโจมตีอย่างหนัก!
ทว่าเทพหายนะเซียอากลับแทบไม่ออกอาการ แค่เผชิญผงะไปชั่วครู่ก่อนจะกลับเป็นปรกติ
ตัวตนลำดับสูงย่อมต้านทานพลังพิเศษลำดับต่ำกว่าในเส้นทางเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมมันยังสามารถส่งอิทธิพลผ่านห้วงมิติ!
ไคลน์ฉวยโอกาสดังกล่าวเอาตัวรอดจากเปลวเพลิงที่พันธนาการตัวเอง จากนั้นก็ใช้ยุบพองหิวโหยเทเลพอร์ตไปยังอีกด้านหนึ่งเพื่อหลบ ‘ศรพระจันทร์เลือด’ จากราชาหมอผีแห่งโรงเรียนกุหลาบ
มันไม่กล้าจ้องหน้าเทพหายนะเซียอาโดยตรง เพียงเหยียดแขนขวาเพื่อดึงบางสิ่งออกจากความว่างเปล่า
แต่ไม่มีสิ่งใดติดมือกลับออกมา
ไคลน์ยังคงเทเลพอร์ตและกระทำซ้ำเดิมจนกระทั่งดึงร่างหนึ่งออกมาสำเร็จ ไม่ใช่ใครนอกจากผู้นำนักบวชแห่งรัตติกาล อาเรียนน่า เทวทูตแห่งการปกปิดผู้สวมชุดคลุมเรียบง่ายและเข็มขัดเปลือกไม้!
รายงานของเราก่อนหน้านี้ได้ผล… ไคลน์ผุดความคิดในใจขณะเทเลพอร์ตตัวเองไปยังตำแหน่งอื่น
ดวงตาอาเรียนน่ากลอกไปมาเล็กน้อยก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นลุ่มลึกไร้ก้นบึ้ง จากนั้นเธอก็เข้าร่วมศึกระหว่างไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์และเทพหายนะเซียอาทันที
ด้วยความช่วยเหลือของอาเรียนน่า ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ที่กำลังเผชิญสถานการณ์ยากลำบากในที่สุดก็ได้พักหายใจหายคอโดยไม่ถูกครอบงำจากเซียอาจนกลายเป็นตุ๊กตามีชีวิต
ราชาหมอผีแห่งโรงเรียนกุหลาบสำแดงพลังที่หลากหลายในขอบเขตจันทราอย่างต่อเนื่อง มันพยายามตรึงไคลน์ด้วย ‘ตรวนนรก’ แต่น่าเสียดายที่ ‘เทเลพอร์ต’ ของไคลน์นั้นเร็วกว่าหนึ่งก้าวเสมอ เมื่อปราศจากออร่าของภาพฉายเทพผู้ถูกล่ามและเทพหายนะเซียอาคอยกวนใจ ไคลน์ก็กลายเป็นดั่งปลาที่แหวกว่ายในสายน้ำ มันมีอิสระและสามารถผ่อนคลายได้เต็มที่ แค่ต้องคอยคำนวณว่าจะรับมือกับเวทมนตร์ของศัตรูอย่างไรในทุกการเทเลพอร์ตสองครั้ง
ในทางกลับกัน ราชาหมอผีแทบไม่มีทางคาดเดาได้ว่าไคลน์จะหายตัวไปโผล่ตรงไหนในครั้งถัดไป เป็นการยากที่จะรับมือได้สะดวก
ช่วงเวลาระหว่างนั้น ไคลน์ฉวยโอกาสคว้าอากาศอีกหลายครั้งจนกระทั่งดึงใครบางคนออกมาได้
ผิวสีแทน ดวงตาสีน้ำตาล ใบหน้าอ่อนโยน สายตาเย็นชา แต่งกายในชุดคลุมสีดำปักด้ายทอง สวมมงกุฎทองคำอร่าม ไม่ใช่ใครนอกจากอดีตกงสุลมรณะแห่งจักรวรรดิไบลัม อะซิก·อายเกส!
อีกหนึ่งเทวทูต… ราชาหมอผีแห่งโรงเรียนกุหลาบเฝ้ามองฉากตรงหน้าด้วยมุมปากสั่นกระตุก โดยในเวลาเดียวกัน เทพหายนะเซียอาทำการเสียบท่อนแขนสีดำลงไปในทะเลทราย
ทะเลทรายโดยรอบพลันเดือดพล่านพร้อมกับถูกฉาบด้วยของเหลวสีดำสนิท สิ่งนี้แผ่ขยายออกไปไกลทั้งในโลกแห่งความจริงและโลกวิญญาณ
ไคลน์ฉวยโอกาสในตอนที่พลังเทเลพอร์ตของตนยังไม่ถูกรบกวนโดยสมบูรณ์ รีบหายตัวไปโผล่ด้านหลังภาพฉายของมิสเตอร์อะซิกพร้อมกับเหยียดแขนขวาออกไปคว้าอากาศโดยใช้ร่างกายอีกฝ่ายเป็นกำบัง
แขนของมันทรุดลงก่อนจะดึงหางงูสีเงินออกมา
อีกหนึ่งเทวทูต!
การที่ไคลน์กล้าอัญเชิญเทวทูตออกมาถึงสามตน เป็นเพราะภาพฉายในปัจจุบันของมันถูกอัญเชิญโดยไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ที่ใช้พลังของไม้เท้าดวงดาว ผู้แบกรับภาระทางพลังวิญญาณจึงเป็นมารบรรพกาล ไม่ใช่เมจิกเชี่ยนฟอร์ส
ไม่อย่างนั้นฟอร์สคงหมดสติไปแล้วตั้งแต่วินาทีที่บริวารอำพราง อาเรียนน่า เสด็จเยือน ไม่มีทางที่เธอจะคงสติเอาไว้ได้แม้แต่วินาทีเดียว
หน้าที่ของฟอร์สมีเพียงการอัญเชิญเกอร์มัน·สแปร์โรว์ออกมาในครั้งแรกเพื่อประกอบพิธีกรรมอัญเชิญไม้เท้าดวงดาวมายังโลกจริง จากนั้นฟอร์สจะยกเลิกการอัญเชิญและให้ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ที่ถือไม้เท้าทำแทน
ไม่ถึงสิบวินาทีที่เทพหายนะเซียอาเพิกเฉยไคลน์และมัวแต่พุ่งความสนใจไปยังไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ ไม่เพียงมันจะสูญเสียอิทธิพลความช่วยเหลือจากภาพฉายเทพผู้ถูกล่าม แต่เซียอายังต้องเผชิญสถานการณ์ที่ถูกสี่เทวทูตล้อมโจมตีพร้อมกัน
เทวทูตลำดับ 1 อ้าปากคำรามเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณโดยไม่ลังเล มันพยายามสวดวิงวอนถึงเทพผู้ถูกล่ามอีกครั้ง
…
วินาทีที่ ‘บานประตูอัญเชิญ’ ปรากฏขึ้นตรงหน้าราชาหมอผีคารามันพร้อมกับมีแขนสองข้างที่ทำให้ผู้คนสั่นระริกเมื่อได้เห็นเหยียดยาวออกมา เอ็มลิน·ไวท์พลันผุดความคิดหนึ่งในใจทันที:
อีกหนึ่งเทวทูตของโรงเรียนกุหลาบ ราชาแห่งคำสาป บาร์รันก้า!
นี่คือข้อมูลที่ชารอนกับมาริคจัดหามาให้
เอ็มลินตึงเครียดทันทีที่ได้เห็นฉากตรงหน้า โดยปราศจากความลังเล มันรีบโยน ‘เนตรสีขาว’ เข้าไปในบานประตูอัญเชิญโดยไม่เสียเวลาคิด!
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเอ็มลินเพิ่งเคยเข้าร่วมศึกระดับครึ่งเทพเป็นครั้งแรก จึงไม่กล้าประมาทศัตรู แต่อีกส่วนเป็นเพราะเอ็มลินไม่นึกเสียดายเนตรสีขาว วัตถุชิ้นดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของตระกูลผีดูดเลือด อย่างแย่มันก็ยังสามารถค่อยๆ ชดใช้คืนได้ในอนาคต
ขณะเดียวกัน ต่อให้ไม่มีเนตรสีขาว มันก็ยังเหลือสมบัติวิเศษชิ้นอื่นอย่างบันทึกการเดินทางของเลมาโน่
อาศัยพลังที่บันทึกในสมุด เอ็มลินสามารถอัญเชิญไม้กางเขนเจิดจรัสออกมาแทนที่เนตรสีขาวได้
หลังจากลูกแก้วทรงดวงตาลอยออกไป มันดูดกลืนแสงสว่างระหว่างทางจนส่งผลให้สภาพแวดล้อมมืดสนิท
ทันทีที่ลอยเข้าใกล้ประตูแห่งการอัญเชิญ เนตรสีขาวพลันสว่างไสวจุดดังดวงอาทิตย์ยามเที่ยง แสงสว่างห่อหุ้มบานประตูและท่อนแขนทั้งสองข้างพร้อมกับหลอมละลายออร่าความชั่วร้าย เสื่อมทราม สกปรก และอันเดด
พระจันทร์เต็มดวงสีเลือดบนหน้าผากคารามันได้รับผลกระทบเข้าอย่างจัง แสงจ้าถูกตีกรอบอยู่รอบตัวมันโดยไม่ส่งอิทธิพลกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง
ฉวยโอกาสดังกล่าว ร่างชารอนที่ลอยกลางอากาศพลันบิดเบี้ยวและแปรเปลี่ยนเป็นหุ่นกระบอกขนาดเท่าคนจริง
หุ่นกระบอกดังกล่าวหน้าตาเหมือนกับราชาหมอผีคารามันทุกประการ ผมสีขาวสลับดำยุ่งเหยิงและดวงตาสีแดงสว่าง
ในอีกฟากหนึ่ง เอ็มลินยกแขนซ้ายเพื่อเผยให้เห็นแหวนโปร่งแสงที่สวมบนนิ้วชี้นอกถุงมือ
แหวนวงดังกล่าวคล้ายกับทำจากอำพันแดง ด้านบนเลี่ยมด้วยอัญมณีสีเลือด
แหวนลิลิธ!
แหวนที่สร้างโดยต้นตระกูลแวมไพร์ เทพธิดาบรรพกาล ลิลิธ
ความสามารถของมันคือการฉายภาพบานประตูที่เชื่อมต่อกับส่วนลึกของโลกวิญญาณเป็นระยะเวลาหนึ่ง ระหว่างนั้นจะสุ่มอัญเชิญสิ่งมีชีวิตนิรนามออกมา
เอ็มลินเองก็ไม่ทราบว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ตามปรกติแล้วคงได้สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าตนเล็กน้อย แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะอัญเชิญตัวตนในระดับครึ่งเทพออกมา
เมื่อปลายแหวนส่องแสงสีแดงเลือดเจือจาง บานประตูมายาที่เต็มไปด้วยลวดลายซับซ้อนโผล่ขึ้นตรงหน้าเอ็มลินทันที
ประตูเปิดออกพร้อมกับเสียงเสียดสี เผยให้เห็นฉากด้านในชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ราชาหมอผีคารามันที่เพิ่งได้สติกลับมาจากแสงอาทิตย์เจิดจ้า มันมองเห็นพระจันทร์กำลังลอยสูงเหนือบานประตูแห่งการอัญเชิญ
พระจันทร์สว่างสุกใสสีเงิน
…………………………………