ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 895 ทำตามสัญญา

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เฟิงอวิ๋นเซิงบอกลาเยี่ยนจ้าวเกอ แล้วเริ่มเข้าฌานฝึกฝน

ในขณะที่นางเข้าฌาน ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอครั้งนี้ไม่ได้ร่วมเดินทางไปกับร่างจริง แต่เข้าฌานฝึกฝนอยู่บนเขา

หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะอาศัยโอกาสในครั้งนี้ เลื่อนเป็นระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย

นอกจากเลือดเนื้อของเต่าปูลูแล้ว ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอยังพบสายเลือดของนกปี้ฟางที่อยู่ในถุงใส่ของของนักพรตสือด้วย

นกปี้ฟางคล้ายกับกระเรียน มีขาข้างเดียว ตัวเป็นสีน้ำเงิน บนผิวมีลายสีแดง จะงอยปากยาวเป็นสีขาว

ผลึกเปลวเพลิงหากได้พบเจอถือเป็นรางร้าย เป็นสัญญาณของอัคคีภัย

นักพรตสือรวบรวมสายเลือดของปีศาจชนิดนี้มาเพื่อใช้วางค่ายกล

แต่ว่าพอตกมาอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ เขากลับให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกหลอมมันเข้าไปในร่างของตัวเอง

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกรุดหน้าอย่างมั่นคงตามแผนการก่อนหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ที่จัดการธุระปะปังในสำนักเรียบร้อยแล้ว สองพ่อลูกก็ติดตามพวกฟู่ถิงออกจากเขากว่างเฉิง

ขณะที่เดินทาง เยี่ยนตี๋พบว่าบุตรชายของตนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่บ้าง จึงอดกล่าวด้วยรอยยิ้มไม่ได้ว่า “ข้าทราบเรื่องของศิษย์หลานเฟิงแล้ว แม้ว่าจะมีอันตราย แต่ว่าก็เป็นความแน่วแน่และจิตใจที่จอมยุทธ์คนหนึ่งควรจะมี”

เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก หลักการนี้เขาย่อมทราบ ไม่เช่นนั้นคงไม่เห็นด้วยกับความคิดของเฟิงอวิ๋นเซิง

สิ่งที่เขาหนักใจก็คือ ก่อนหน้านี้เขาคล้ายถูกเฟิงอวิ๋นเซิงเอาคืนแล้ว…

‘มีแบบนี้ที่ไหน! นับว่าครั้งนี้เจ้าหนีไปได้ทันแล้วกัน!’ เยี่ยนจ้าวเกอคิดในใจอย่างดุดัน ‘พบหน้ากันครั้งหน้าข้าจะต้องจูบคืนให้ได้!’

ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอคิดอยู่ สถานที่แรกที่พวกเขามุ่งไปก็คือเขาโถงทอง

จักรพรรดิแพรงามกับประมุขอาคเนย์มีความสัมพันธ์ไม่เลว เยี่ยนจ้าวเกอและเขากว่างเฉิงก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับประมุขอาคเนย์เช่นกัน

ฟู่ถิงครั้นรุดถึงอาณาเขตของเขตตะวันอาคเนย์ จะต้องไปเขาโถงทอง เพื่อพบประมุขอาคเนย์

ขณะเดียวกัน ระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอ ฟู่ถิง และหลินฮั่นหัวราชากระบี่ภูผาเงาต่างคุ้นเคยกันดี ปัจจุบันเกิดเรื่องขึ้นเช่นนี้ ก็สมควรเยื่อมเยือนสักเล็กน้อย

เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้แต่แรกแล้ว ตอนนี้จึงทอดถอนใจ

ฟู่ถิงเองก็มีความรู้สึกซับซ้อนเช่นกัน

นางกับหลินฮั่นหัวมีการคบหากันไม่เลว หลินฮั่นหัวมีอายุและพลังฝึกปรือมากกว่านางไม่น้อย ก่อนหน้านี้ยังเคยชี้แนะวรยุทธ์ให้แก่นาง

เพียงแต่ในตอนนั้นนางกลับไม่ทราบว่า หลินฮั่นหัวเกี่ยวข้องกับการสืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์

ตอนที่ข่าวเพิ่งจะส่งมาถึง ฟู่ถิงไม่เชื่อ แต่หลังจากจักรพรรดิแพรงามผู้เป็นบิดาบอกกล่าว นางจึงค่อยทราบว่าข่าวเป็นความจริง

ขณะที่ทุกคนเดินทางอยู่บนอาณาเขตของเขตตะวันอาคเนย์ ก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศเริ่มตึงเครียดอยู่บ้าง

หลังจากเวลาผ่านไป ก็มีคนในเขตตะวันออกเฉียงใต้ได้ยินข่าวลือมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งข่าวยังแพร่กระจายเป็นวงกว้าง

คนส่วนใหญ่มีท่าทีสงสัย แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ที่ผิดปกติดังขึ้น เช่น…

“ถ้าเกิดราชากระบี่ภูผาเงาเป็นผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์จริงๆ เช่นนั้นประมุขอาคเนย์จะใช่ด้วยหรือไม่…”

“เป็นราชากระบี่ภูผาเงาหลอกลวงประมุขอาคเนย์ แทรกซึมอยู่ในโลกซ้อนโลก หรือว่าคนในเขาโถงทองล้วน…”

“แม้ว่าประมุขอาคเนย์จะไม่มีปัญหา ราชากระบี่ภูผาเงาอยู่ในโลกซ้อนโลกมานานหลายปีถึงเพียงนี้ ใครทราบว่าได้ทำเรื่องอะไรลงไปบ้าง”

“ไม่รู้ว่านอกจากราชากระบี่ภูผาเงาแล้ว จะยังมีผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์คนอื่นอีกหรือไม่…”

ข่าวลือมากมายสับสน บางอย่างแค่ฟังก็รู้แล้วว่าเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง แต่บางอย่างพอฟังแล้วกลับทำให้คนครึ่งเชื่อครึ่งสงสัย

สำหรับคนที่เข้าใจสถานการณ์ ข่าวปลอมมากมายต่างเหมือนการฟังเรื่องตลก

แต่สำหรับคนที่ไม่ทราบข้อเท็จจริง ข่าวปลอมส่วนหนึ่งกลับได้รับความนิยมยิ่ง

ทว่าโดยรวมแล้ว ในเขตหยางเทียนตะวันออกยังมีบารมีของเฉาเจี๋ยประมุขอาคเนย์และหลินฮั่นหัวอยู่มาก คนส่วนใหญ่จึงแค่แสดงความสงสัยและความไม่เชื่อ

กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่อาจรู้สึกยินดีแทนหลินฮั่นหัว

หากยึดตามสถานการณ์ที่ฟู่ถิงเล่าให้ฟัง ทิศทางลมในสถานที่อื่นๆ นอกจากเขตตะวันอาคเนย์ ไม่เป็นผลดีต่อหลินฮั่นหัวถึงขีดสุด

ตอนที่ทุกคนรุดถึงเขาโถงทอง และได้พบกับหลินฮั่นหัว เขากลับสงบนิ่งยิ่ง

เขายังคงเป็นจอมกระบี่ผู้เหี้ยมหาญที่ตั้งตรงดุจกระบี่ และเผยความคมกล้าออกมาโดยไม่ปิดบัง

เอวยืดเป็นเส้นตรง ยอมหักไม่ยอมงอ

“ก่อนที่ท่านอาจารย์จะฉีกหน้ากับจักรพรรดิเอกภพ พวกเราก็คิดไว้แล้วว่าจะมีวันนี้” หลินฮั่นหัวเอ่ยอย่างเฉยชา “ผู้วิเศษเซิงมีพลังฝึกปรือ รวมถึงประสบการณ์และสายตาไม่ชั่วช้า ข้าต้องช่วยกู้หงกับโจวฮ่าวเซิงมาจากเขา จะมากจะน้อยก็ต้องเผยเบื้องหลังออกมาบ้าง”

“แม้ผู้วิเศษเซิงจะไม่กล้ายืนยันสถานะของข้า แต่เมื่อรายงานกลับไป จักรพรรดิเอกภพก็มองออกอยู่ดี”

หลินฮั่นหัวว่า “อีกฝ่ายตั้งใจจะอาศัยสิ่งนี้เล่นงานเขาโถงทอง กลับเป็นไปไม่ได้”

“เรื่องราวเริ่มขึ้นจากข้า ก็ต้องจบลงที่ข้า”

เขายิ้มเล็กน้อย ความคมกล้าเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยน “เพียงแต่ข้าไม่อาจอยู่บนโลกซ้อนโลกได้อีกต่อไป ต่อจากนี้หากจะพบเจอกันอีก กลับเป็นเรื่องยากเย็นแล้ว”

“ข้าคิดจะจากไปในเร็ววัน พวกศิษย์น้องฟู่วันนี้มาเยี่ยมเยียน พวกเราถือว่าได้บอกลากันทันพอดี”

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้รู้สึกเกินคาด

คำสั่งของกษัตริย์ดินยังคงอยู่ สถานะของหลินฮั่นหัวถูกเปิดเผย ทางออกเพียงหนึ่งเดียวก็คือการจากโลกซ้อนโลกไปด้วยตนเอง

หากเขาไม่ไป จักรพรรดิเอกภพกำเนิดกับประมุขทักษิณจวงเซินสามารถสร้างเรื่องขึ้นมาได้ สิ่งที่พวกเขารอคือประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยคุ้มครองหลินฮั่นหัว

เมื่อถึงเวลานั้น แม้ว่าจะเป็นประมุขอาคเนย์ก็ต้องถูกกระทำ

ขณะเดียวกัน จักรพรรดิแพรงามก็ยากจะลงมือช่วยเหลือได้อีก

หลินฮั่นหัว ‘แอบหนี’ ไปเอง แม้ว่าเฉาเจี๋ยจะต้องรับผิดชอบต่อความบกพร่องในหน้าที่เพราะถูกหลอก แต่แรงกดดันกลับเบาลงมาก

กษัตริย์ดินแม้จะลืมตาข้างปิดตาข้าง อนุญาตให้เฉาเจี๋ยกับหลินฮั่นหัวเล่นลูกกระทบขอบโต๊ะ แต่นั่นก็เป็นเพราะหลินฮั่นหัวมีสถานะพิเศษ ดังนั้นกษัตริย์ดินจึงงดเว้นให้

หากพูดจากใจ กษัตริย์ดินก็ยังคงห้ามไม่ให้ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์เหยียบย่ำอยู่บนโลกซ้อนโลกอยู่ดี

ดังนั้นนี่จึงเป็นคำมั่นสัญญาอย่างหนึ่ง

สถานะไม่อาจรั่วไหล หากรั่วไหลขึ้นมา จะต้องออกไปเอง ไม่เช่นนั้นจะต้องจัดการเรื่องราวอย่างเปิดเผย

ในตอนนี้ข่าวหลุดออกไปแล้ว หลินฮั่นหัวจำเป็นต้องทำตามสัญญา

ตัวเขากลับตรงไปตรงมายิ่ง เพียงแต่กล่าวขอโทษกับฟู่ถิงว่า “หลายปีมานี้ปิดบังศิษย์น้องฟู่มาโดยตลอด ข้ารู้สึกผิดยิ่ง”

ฟู่ถิงส่ายหน้า “ศิษย์พี่หลินอย่าได้กล่าวเช่นนี้ หลายปีมานี้ข้าได้รับการดูแลจากท่านไม่น้อย…”

หลินฮั่นหัวถอนใจเอ่ยว่า “เรื่องที่ข้ารู้สึกผิดที่สุดมีสองเรื่อง”

“สหายในสำนัก อยู่ร่วมกันทั้งเช้าเย็น ผูกพันกันมานานปี แต่ข้ากลับปิดบังพวกเขามาโดยตลอด สุดท้ายต้องมาบอกลากันเช่นนี้ ข้าละอายใจยิ่ง”

“ท่านอาจารย์ยังดูแลข้ามาหลายปี แต่สุดท้ายแล้วก็ยังมอบปัญหาให้กับท่านผู้เฒ่า จิตใจข้าจึงยากจะสงบ”

พวกเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ และฟู่ถิงไม่กล่าววาจา เพราะเข้าใจความรู้สึกของหลินฮั่นหัวดี

หลินฮั่นหัวเสียใจเพียงชั่วพริบตา ไม่ทันไรก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แต่ว่าได้มาร่ำเรียนวิชาในสำนักของท่านอาจารย์ได้ ได้มีสหายร่วมสำนักที่สนิทสนมกันเหล่านี้ ได้รู้จักกับพวกท่าน ข้านับว่าไม่ได้อาศัยอยู่ในโลกซ้อนโลกหลายปีอย่างเสียเปล่า”

“ถึงแม้จะต้องจากลา ข้าก็ยังเฝ้าคอยวันอื่นที่เราจะได้พบกัน”

พวกเยี่ยนจ้าวเกอประสานมือ “ความใจกว้างของราชากระบี่ภูผาเงา พวกเรานับถือนัก”

หลินฮั่นหัวมองเยี่ยนจ้าวเกอ ก่อนจะยิ้มขึ้น “วีรบุรุษล้วนเกิดจากคนหนุ่มโดยแท้! ท่านสังหารผู้วิเศษเซิงทิ้ง ข้าจากไปในครั้งนี้ นับว่าตัดความกังวลไปได้มากมาย”

………………..