​บทที่ 1273 จักรพรรดินีหญิงเป็นลำบาก

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1273 จักรพรรดินีหญิงเป็นลำบาก

“เรื่องแรก ส่งคนไปสำรวจทางน้ำโบราณที่แห้งเหือดดูว่ามีอุโมงค์น้ำใต้ดินอยู่หรือไม่ เรื่องที่สอง ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบว่ามีน้ำอยู่ด้านล่างหรือไม่ ถ้ามีก็ขุดบ่อน้ำ เรื่องที่สาม ชาวบ้านที่เข้าร่วมการสร้างคลองน้ำ ทำการจัดที่อยู่และอาหารฟรีให้ทุกคน”

“ฝ่าบาท สองเรื่องแรกเราพอจะลองทำได้ แต่เรื่องที่สาม สตรีมีเรี่ยวแรงน้อย ทำงานอะไรมากไม่ได้ อีกทั้งราชสำนักของเราก็… ไม่มีข้าวสารให้เบิกจ่ายแล้วด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“ถ้าเรี่ยวแรงน้อย งั้นก็ให้ไปทำอาหาร ทำงานทั่วไป ส่วนเรื่องที่ขาดแคลนข้าวสาร…”

กู้ชูหน่วน ครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยพูดเสียงเรียบ “ติดประกาศระดมทุน”

“ติดประกาศระดมทุนคืออะไรพ่ะย่ะค่ะ”

“จักรพรรดินีปลอมนั่นไม่ได้ฆ่าขุนนางไปจำนวนมากหรือ โดยเฉพาะขุนนางในเมืองหลวง? ขอแค่เป็นคนของแคว้นน้ำแข็ง ทุกคนสามารถบริจาคได้ นอกจากบริจาคเงินแล้ว ยังสามารถบริจาคอย่างอื่นได้ เช่น ข้าวสาร แป้ง น้ำมัน ผ้า ยารักษาโรค ฯลฯ ใครบริจาคมากที่สุด ก็สามารถเข้าร่วมและเลือกตำแหน่งขุนนาง ไม่ว่าตำแหน่งจะใหญ่หรือเล็กก็ได้ ตำแหน่งสูงสุดคือเฉิงเซี่ยง”

ฮู…

เหล่าขุนนางมองไปที่กู้ชูหน่วนด้วยสีหน้าตกตะลึง

เฉิงเซี่ยงเอ่ยพูดอย่างตื่นตระหนก “ฝ่าบาท ทำเช่นนั้นไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ นี่เท่ากับขายตำแหน่งเพื่อเงินทอง ถ้าทำเช่นนี้ต่อไป จะส่งผลไม่ดีต่อราชสำนักพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่แล้ว ฝ่าบาท เพื่อให้แคว้นน้ำแข็งคงอยู่ยาวนาน จะทำเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด ตั้งแต่ยุคโบราณมาจนถึงตอนนี้ ตำแหน่งขุนนางทุกตำแหน่งต้องผ่านการสอบคัดเลือกและกลั่นกรองหลายขั้น ก่อนที่จะได้รับเลือกให้เข้ารับตำแหน่ง ฝ่า…ฝ่าบาททำเช่น ถ้าหาก…ถ้าหาก”

“ฝ่าบาทได้โปรดยกเลิกคำสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาทได้โปรดยกเลิกคำสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ขุนนางด้านล่างส่งเสียงออกมาอย่างพร้อมเพรียง เอ่ยขอร้อง มีขุนนางเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่คุกเข่าลง

กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอถามพวกเจ้า ถ้าปัญหาการขาดแคลนอาหาร ภัยแล้งและภัยน้ำท่วม ยังไม่ได้รับการแก้ไข แคว้นน้ำแข็งจะคงอยู่ได้อีกยาวนานแค่ไหน”

“แคว้นน้ำแข็งนั้นยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าต้องคงอยู่อีกยาวนานพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าพูดเช่นนี้ ไม่กลัวฟ้าผ่าตายเลยหรือ”

“ฝ่าบาทโปรดทรงอภัยโทษให้กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ ”

กู้ชูหน่วนขี้เกียจเสียเวลากับคนแก่เหล่านี้ จึงพูดออกมา “ในแคว้นน้ำแข็งมีกบฏมากมาย ด้านนอกมีแคว้นอื่นๆกำลังจ้องเขมือบอยู่ พลังของแคว้นน้ำแข็งก็อ่อนแอ ภัยธรรมชาติก็เกิดขึ้นต่อเนื่อง ถ้าปัญหาการขาดแคลนอาหารและน้ำใช้ไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด ข้าคิดว่าแคว้นน้ำแข็งคงอยู่ได้ไม่ถึงสามปี”

อ๋องเสวี่ยฉินกับหยางโม่คิดทบทวนคำพูดของนาง ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย

“ฝ่าบาททรงมีพระปรีชาญาณ ราชสำนักขาดแคลนขุนนาง อาหาร และเงิน นี่คือทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้พ่ะย่ะค่ะ”

ถ้าขุนนางเหล่านี้ไม่เห็นด้วย รอเหตุการณ์ทุกอย่างคงที่แล้วค่อยจัดการก็ยังไม่สาย

“ตกลงตามนี้ พวกเขาบริจาคเงิน ไม่เพียงแต่จะได้เป็นขุนนางเท่านั้น แต่… พวกเขายังสามารถทำการค้ากับราชสำนักได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสลักชื่อไว้ที่ป้ายอนุสาวรีย์เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รำลึกถึง”

ฮู…

ไม่เพียงแต่จะได้เป็นพ่อค้าของราชสำนักเท่านั้น

แต่ยังสลักชื่อไว้ที่ป้ายอนุสาวรีย์ด้วยหรือ?

นี่เป็นเรื่องที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้วงค์ตระกูลได้เลย

เชื่อว่าขอแค่มีเงิน ใครๆ ก็เต็มใจบริจาคกระมัง

“พื้นที่น้ำท่วมต้องสร้างเขื่อนเพื่อกันน้ำท่วมก็สร้าง ที่ต้องสร้างคลองน้ำก็สร้าง ทำการลดค่าใช้จ่ายทั้งหมดในแคว้นน้ำแข็งตั้งแต่ราชนิกุลลงไปถึงสามัญชน อาหารบนโต๊ะห้ามเกินสามอย่าง”

“ส่วนเมืองเกา ในเมื่อเมืองทั้งเมืองถูกทำลาย ยังสร้างใหม่อีกทำไม ไม่ต้องสร้างแล้ว ชาวบ้านที่รอดตายทั้งหมดให้ย้ายไปอยู่เมืองที่ใกล้ที่สุด”

“ฝ่าบาททรงมีพระปรีชาญาณยิ่งนัก”

“ฝ่าบาท แล้วเงินเดือนทหาร?”

ศีรษะของกู้ชูหน่วนแทบจะแตก

เงิน เงิน เงิน เงินอีกแล้ว…

สองล้านตำลึงทอง จะไปเอามาจากที่ไหน?

“บอกเหล่าทหารไปว่า ภายในหนึ่งเดือนพวกเขาจะได้เงินเดือนทั้งหมด บอกให้พวกเขาวางใจได้”

พวกขุนนางยังอยากจะถาม สองล้านตำลึงทองจะไปเอามาจากไหน? จะเก็บภาษีเพิ่มหรือไม่? แต่เก็บภาษีเพียงแค่หนึ่งเดือนก็ยังไม่พอนี่นา

ขุนนางลองถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ “ฝ่าบาท เราจะเก็บภาษีเพิ่มหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เก็บเพิ่ม เผยคำสั่งของข้าออกไป ภายในสามปีนี้แคว้นน้ำแข็งจะไม่เก็บภาษีเพิ่ม ฤดูใบไม้ร่วงจะมาถึงในไม่ช้า ให้ชาวบ้านรีบเตรียมหว่านเมล็ดพันธุ์”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“เลิกประชุมได้”

กู้ชูหน่วนขยี้ตา อยากจะจบการประชุมให้เร็วที่สุด เพราะกลัวว่าเหล่าขุนนางจะสรรหาปัญหาอื่นมารายงาน หาวิธีเพื่อขอเงินเพิ่ม