เจ๋อชุนชิวหัวเราะแห้งอยู่ข้างๆ สิ่งที่เขาถนัดที่สุดก็คือการบริหารร้านค้า ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องยกทัพจับศึก ในเมื่อท่านโหวบอกว่าดี เช่นนั้นก็ย่อมดี ยิ่งไปกว่านั้น หนิวโหย่วเต๋อก็ถูกเผ่าเทพอสรพิษดำล้อมไว้แล้ว ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นเรื่องดี
อิ๋งอู๋หม่านหัวเราะอยู่พักหนึ่งแล้วก็เงียบไปอีก ทำท่าขมวดคิ้วเล็กน้อย มองซ้ายมองขวาพลางกล่าวเสีนงต่ำว่า “แม่ทัพทุกคน แผนมีการเปลี่ยนแปลง ดูท่าว่าการดักซุ่มที่นี่จะไม่จำเป็นแล้ว ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป ให้กำลังพลที่ดักซุ่มมารวมกันตัว แล้วตามข้าไปดูเอาสนุกด้วยกัน”
ดูจากปฏิกิริยาตอนก่อนและตอนหลังของเขา ในบรรดาแม่ทัพมีคนพึมพำในใจ สงสัยว่าอิ๋งอู๋หม่านอาจจะไม่ค่อยพอใจที่ไม่ได้ลงมือเก็บผลงานนี้ด้วยตัวเอง ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนเนื้อชิ้นใหญ่มาจ่อถึงปากอิ๋งอู๋หม่านแล้ว
คิดก็ส่วนคิด บรรดาแม่ทัพยังกุมหมัดเอ่ยรับคำสั่ง “รับทราบ!”
ทว่ากลับมีหนึ่งในนั้นที่ยืนตรงไม้ขยับเขยื้อน ก้มหน้าที่ตึงเครียดเล็กน้อย มือข้างหนึ่งกำระฆังดาราแน่นโดยไม่พูดอะไร
คนคนนี้คือใครล่ะ? เขาชื่อว่าอ๋าวเฟย เป็นแม่ทัพที่ก่อนหน้านี้โน้มน้าวอิ๋งอู๋หม่านจนยั่วให้อิ๋งอู๋หม่านไม่พอใจ
เขายืนตรงอยู่อย่างนั้น โดดเด่นเหมือนนกกระเรียนในฝูงไก่เกินไปแล้ว จะไม่อยากให้คนสังเกตเห็นก็คงยาก
สายตาของอิ๋งอู๋หม่านหยุดอยู่ที่เขา กำลังหรี่ตาจ้อง
ปฏิกิริยาของอิ๋งอู๋หม่านทำให้แม่ทัพคนอื่นๆ เหล่ตามองแล้วเช่นกัน ต่างก็มองไปที่อ๋าวเฟย
“เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ! เลิกเหม่อได้แล้ว ท่านโหวอิ๋งถ่ายทอดคำสั่งแล้ว ยังไม่รีบเอ่ยรับคำสั่งอีก!” จงซานหมิง เป็นแม่ทัพที่แอบถ่ายทอดเสียงโน้มน้าวอ๋าวเฟยก่อนหน้านี้เช่นกัน ตอนนี้รีบถ่ายทอดเสียงเตือนอ๋าวเฟยอีกแล้ว
อ๋าวเฟยเม้มริมฝีปากแน่นขณะค่อยๆ หันไปมองอิ๋งอู๋หม่าน แต่ก็ยังไม่พูดอะไรสักคำ พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ได้เหม่อลอย แต่ไม่เอ่ยรับคำสั่งจริงๆ
“อ๋าวเฟย เจ้าช่างใจกล้านักนะ ไม่เคารพคำสั่งทางทหารงั้นเหรอ!” เจ๋อชุนชิวพลันตวาด
อ๋าวเฟยพลันจ้องเขา พลางเถียงกลับอย่างเดือดดาล “ที่นี่คือศูนย์กลางเดินทัพ เจ้าก็แค่พ่อค้าต่ำต้อยคนหนึ่ง ยังไม่ถึงคราวให้เจ้ามาชี้นิ้ววาดเท้าที่นี่หรอก!”
เจ๋อชุนชิวยิงฟันเล็กน้อย สองตาราวกับไฟลุก ทว่าอีกฝ่ายก็พูดไม่ผิด เขาเป็นเพียงพ่อค้าต่ำต้อยจริงๆ ตามหลักแล้วไม่มีอำนาจมาก้าวก่ายแผนยุทธการ
เจ้าหมอนี่ ทำไมต้องหาเรื่องลำบากใส่ตัวด้วย ไม่รู้ถึงความสำคัญระหว่างพ่อค้ากับตระกูลอิ๋งเหรอ? แม่ทัพคนอื่นๆ มองไปที่อ๋าวเฟยพลางแอบทอดถอนใจ มีบางคนแอบถ่ายทอดเสียงโน้มน้าวเช่นกัน
อิ๋งอู๋หม่านแสยะยิ้ม แล้วกล่าวอย่างไม่แย่แส “อ๋าวเฟย เจ้ากล้าไม่เคารพคำสั่งทางทหาร หรือคิดว่าโหวผู้นี้ไม่กล้าใช้กฎทหารกับเจ้า?”
อ๋าวเฟยรีบกุมหมัดคารวะ “ท่านโหวเข้าใจผิดแล้ว อ๋าวเฟยไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น ท่านโหว…” เขาอึกอักไม่ยอมพูด เหมือนไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไร
ใครจะคิดว่าอิ๋งอู๋หม่านจะตะคอกอย่างไม่ลังเล “คำสั่งทางทหารไม่ใช่ของเด็กเล่น ค่านิยมนี้ไม่ควรปล่อยไว้นาน ทหาร! ลากออกไป เฆี่ยนแส้สยบมังกรยี่สิบครั้ง!”
เจ๋อชุนชิวยกมุมปากยิ้มเจ้าเล่ห์ มองอ๋าวเฟยด้วยแววตาหยอกล้อ
ยี่สิบแส้สยบมังกร? ทำให้คนตายได้เลยนะ! บรรดาแม่ทัพตกใจ ทยอยกันกุมหมัดขอร้อง
“ท่านโหว! โปรดยั้งมือไว้ไมตรีด้วย!”
“ท่านโหว อ๋าวเฟยบอกแล้วว่าไม่ได้มีเจตนานี้ โปรดให้เขาอธิบายก่อน”
“ท่านโหว ศึกใกล้เข้ามาแล้ว ท่านโหวได้โปรดให้โอกาสอ๋าวเฟยสร้างผลงานชดใช้ความผิด”
ทหารสวรรค์หลายคนที่พุ่งเข้ามาปฏิบัติตามคำสั่งถูกสายตาของพวกแม่ทัพหยุดยั้งไว้ พวกเขาลังเลเช่นกัน ท่วาพอเห็นท่าทีอันแน่วแน่ของอิ๋งอู๋หม่าน ก็ทำได้เพียงพุ่งมาข้างหน้าต่อ จะควบคุมตัวอ๋าวเฟยไปลงโทษให้ได้ พวกเขาไม่มีทางเลือก เพราะถ้าไม่ปฏิบัติตาม คนที่ซวยก็จะเป็นพวกเขาเอง
ทว่าชั่วพริบตาที่ทหารสวรรค์เข้ามาใกล้ สุดท้ายอ๋าวเฟยก็แข็งใจบอกว่า “ท่านอ๋องสวรรค์ จอมทัพแห่งทัพตะวันออกมีคำสั่ง!”
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา ทหารสวรรค์กลายคนที่เข้ามาใกล้ก็ทำสีหน้าจริงจังทันที ทั้งหมดถอยหลังไปยืนตรงเก็ฐมือ ส่วนคนที่เหลือรวมทั้งอิ๋งอู๋หม่านก็มองอ๋าวเฟยอย่างตะลึงงัน ท่าทางเหมือนทำใจเชื่อได้ยาก
อ๋าวเฟยหันมองโดยรอบ แล้วกล่าวเสียงดังหนักแน่น “ท่านอ๋องสวรรค์ จอมทัพแห่งทัพตะวันออกมีคำสั่ง!”
บรรดาแม่ทัพสลับตำแหน่งยืนทันที รวมทั้งอิ๋งอู๋หม่านด้วย ทั้งหมดต่างกุมหมัดคารวะไปทางอ๋าวเฟย เจ๋อชุนชิวเองก็ยิ้มไม่ออกแล้ว ก้มศีรษะอย่างอ่อนปวกเปียก
“ท่านอ๋องสวรรค์ จอมทัพแห่งทัพตะวันออกมีคำสั่ง ถอดอิ๋งอู๋หม่านออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุด ตั้งให้อ๋าวเฟยเป็นผู้บัญชาการสูงสุดแทน ถ้ามีใครไม่ยอมรับคำสั่งนี้ ให้ประหารก่อนแล้วรายงานทีหลังได้!” อ๋าวเฟยกล่าวเสียงต่ำ
“…” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเงยหน้ามองเขาอย่างงุนงง อิ๋งอู๋หม่านก็รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อยเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกเหลือเชื่อกว่านั้นยังอยู่ตอนหลัง เห็นเพียงอ๋าวเฟยถอนหายใจเบาๆ “ท่านอ๋องมีคำสั่ง ให้ควบคุมตัวอิ๋งอู๋หม่านไว้ หากกล้าขัดขืนการจับกุม ประหาร!”
“…” ตอนนี้คนที่อยู่ตรงนั้นพากันงงเป็นไก่ตาแตก ทางนี้ยังรอท่านอ๋องตัดสินใจอยู่เลย ทำไมรอแล้วได้คำสั่งอย่างนี้ล่ะ
อิ๋งอู๋หม่านกลับวางมือลง จ้องอ๋าวเฟยอย่างโกรธแค้น ที่บอกว่าเปลี่ยนผู้บัญชาการสูงสุดนั้นเขายังพอเชื่อได้ คาดว่าอ๋าวเฟยคงไม่กล้าปลอมแปลงคำสั่งทางทหาร แต่ที่บอกให้ควบคุมตัวเขาไว้ เขาก็ไม่ค่อยเชื่อแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องประหารอะไรนั่นเลย ล้อเล่นอะไรกัน?
“อ๋าวเฟย เจ้ากล้าปลอมแปลงคำสั่งทางทหารเหรอ!” อิ๋งอู๋หม่านพลันโบกมือชี้พลางตะคอกอ๋าวเฟย
คนอื่นๆ ก็ทำสีหน้าไม่เชื่อเช่นกัน แต่ดูจากสีหน้าอ๋าวเฟยก็มองอะไรไม่ออกเช่นกัน
อ๋าวเฟยกุมหมัดคารวะ “ท่านโหวได้โปรดพิสูจน์ว่าคำสั่งทางทหารจริงหรือเท็จ!”
พิสูจน์ว่าคำสั่งทางทหารจริงหรือเท็จ? แน่นอนว่าต้องพิสูจน์อยู่แล้ว! อิ๋งอู๋หม่านไม่มีทางยอมรับคำสั่งทางทหารอันอัปยศนี้โดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เพราะคำสั่งทางทหารนี้สร้างความอัปยศให้เขาจริงๆ ทำลายหน้าตศักดิ์ศรีของตระกูลอิ๋งจริงๆ เขาไม่เชื่อว่าท่านพ่อจะถ่ายทอดคำสั่งทางทหารแบบนี้ได้ จึงหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อบิดาตรงนั้นเลย
จิ่วกวงยืนเอามือไขว้หลังอยู่ใต้ร่มไม้ริมแม่น้ำ หลับตาเงียบๆ ไม่พูดอะไร หลังจากได้รับข่าวจากอิ๋งอู๋หม่าน ก็ตอบกลับอย่างไม่ซับซ้อนว่า : ไม่ผิด!
จั่วเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ เหลือบตาขึ้น พอจะเดาออกแล้วว่าใครส่งข้อความมา
อิ๋งอู๋หม่านสีหน้าเปลี่ยนทันที เปลี่ยนเป็นข่าวซีด ยังคงทำใจเชื่อได้ยากเหมือนเดิม สายตาไปหยุดอยู่บนหน้าอ๋าวเฟย แล้วย้ายไปที่ระฆังดาราในมือของอ๋าวเฟยอย่างช้าๆ แล้วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถามว่า “เจ้ารายงานอะไรท่านพ่อกันแน่?”
เมื่อถามคำถามนี้ออกมา บรรดาแม่ทัพก็เข้าใจทันที ว่าคำสั่งทางทหารเป็นความจริง
อ๋าวเฟยรู้ว่าเขาเข้าใจผิด จึงถอนหายใจแล้วตอบว่า “ข้าน้อยไม่ได้พูดอะไรเหมือนกัน แค่ได้รับคำสั่งทางทหารมาก็เท่านั้น ข้าน้อยเองก็ยังรู้สึกแปลกใจ ท่านโหวได้โปรดอย่าเข้าใจผิด”
อิ๋งอู๋หม่านเชื่อก็แปลกแล้ว คนพื้นเพกำเนิดอย่างเขาคุยเคยกับเรื่องวางอุบายทำร้าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ก็มักคิดไปถึงการวางอุบายทำร้ายเสมอ นี่ก็เป็นสาเหตุที่จั่วเอ๋อร์รู้สึกว่าเขาเหมาะจะอยู่ในราชสำนัก แต่ไม่เหมาะจะบัญชาการทัพออกศึก
อิ๋งอู๋หม่านเขย่าระฆังดาราติดต่ออิ๋งจิ่วกวงอีกครั้ง : ท่านพ่อ อ๋าวเฟยบอกอะไรกับท่านหรือเปล่า? ในนั้นจะต้องมีการเข้าใจผิดอะไรกันแน่นอน!
อิ๋งจิ่วกวงที่เดิมทีมีสีหน้าเย็นเย็นสุขุม ตอนนี้เดือดดาลทันที ขนาดตนถ่ายทอดคำสั่งทางทหารลงไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ายังจะมาต่อรองกับตนอีก ตอนนี้เขายิ่งเข้าใจคำพูดของจั่วเอ๋อร์ก่อนหน้านี้ ตอบกลับอย่างโมโหเพียงสองคำว่า : หุบปาก!
แล้วหันกลับมาตะคอกสั่งจั่วเอ๋อร์อีก “จับตาดูความเคลื่อนไหวของคนทางนั้นอย่างเข็มงวด ให้คนทางนั้นแอบรายงานมาเป็นระยะ!”
อิ๋งอู๋หม่านที่อยู่อีกฝั่งตะลึงค้างไปเลย เก็บระฆังดาราเงียบๆ ด้วยสีหน้านิ่งเฉย ยืนอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ
หลังจากอ๋าวเฟยรอได้สักประเดี๋ยว ก็ลองถามว่า “ท่านโหว ตรวจสอบคำสั่งทางทหารทางทหารเรียบร้อยหรือยังขอรับ?”
อิ๋งอู๋หม่านก้มหน้ากุมหมัดคารวะ “ตรวจสอบเสร็จแล้ว ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง!”
ฉากนี้ทำให้แม่ทัพคนอื่นๆ ค่อนข้างปวดประสาท ที่จริงคนที่ปวดหัวยิ่งกว่านั้นก็คืออ๋าวเฟย หลังจากพยักหน้าแล้ว ก็แข็งใจออกคำสั่งว่า “ทหาร จับตัวอิ๋งอู๋หม่านไว้!”
ทหารสวรรค์หลายคนที่ปฏิบัติตามกฎสบตากันแวบหนึ่ง แล้วเดินไปกุมหมัดคารวะข้างกายอิ๋งอู๋หม่าน “ท่านโหว ล่วงเกินแล้ว” พูดจบก็ลงมือทันที
อิ๋งอู๋หม่านไม่ขัดขืน ยอมให้จับแต่โดยดี หลังจากควบคุมแล้วก็มัดไว้อย่างแน่นหนา ตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจนึกถึงงานตรงหน้าแล้ว แต่กำลังคิดว่าหลังจากข่าวนี้แพร่ออกไป เขาจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไร สีหน้าหดหู่เล็กน้อย
เจ๋อชุนชิวที่อยู่ข้างๆ งุนงงแล้วจริงๆ ไม่เข้าใจเลยว่านี่มันสถานการณ์อะไรกันแน่
อ๋าวเฟยเองก็ไม่สะดวกจะเผชิญหน้ากับอิ๋งอู๋หม่านให้อึดอัดอีกแล้ว ให้คนเก็บอิ๋งอู๋หม่านไว้ แล้วหันตัวไปมองเจ๋อชุนชิว
เจ๋อชุนชิวถูกเขามองจนหนาวสั่นในใจ ต้องทราบไว้ว่าในตอนนี้อ๋าวเฟยมีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ ถ้าจะฆ่าเขาก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ ง่ายยิ่งกว่าบีบมดตัวหนึ่งให้ตายเสียอีก แค่เอ่ยสั่งประโยคเดียวเท่านั้น
“ทหาร!” ในที่สุดสิ่งที่เจ๋อชุนชิวกังวลก็มาถึงแล้ว อ๋าวเฟยที่เพิ่งรับตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดต้องการจะใช้เขาเพื่อสร้างบารมี เขาเพิ่งจะโผล่หัวออกมา ช่างเป็นเครื่องมือสำเร็จรูปให้อีกฝ่ายจริงๆ “ลากพ่อค้าที่ไม่เคารพกฏ วิจารณ์แผนการทางทหารออกไป รับห้าแส้สยบมังกร!”
เจ๋อชุนชิวโล่งอก ลำบากหน่อยก็ไม่เป็นไร ไม่ตายก็พอแล้ว ถูกลากตัวไปแต่โดยดี ไม่ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย
จงซานหมิงที่ค่อนข้างสนิทกับอ๋าวเฟยตาเป็นประกาย รีบถ่ายทอดเสียงบอกอ๋าวเฟยว่า “ในเมื่อเจ้าล่วงเกินเจ้าเวรนี่แล้ว เจ้าก็ประหารเขาเสียเลยสิ! มีท่านอ๋องออกคำสั่งแล้ว อิ๋งอู๋หม่านหวาดกลัวอยู่บ้าง อาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้ ในทางกลับกัน ถ้าไปมีเรื่องกับคนต่ำช้าอย่างนี้ ถ้าอีกฝ่ายแค้นเจ้าเมื่อไร บวกกับในมือมีทรัพกรไม่น้อย ถ้าวางอุบายทำร้ายขึ้นมาก็ป้องกันไม่ชนะหรอก ไม่สู้ฆ่าทิ้งไปเลย ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม!”
“พี่จง ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะ เพียงแต่เจ้าเวรนี่ยังใช้ประโยชน์ได้อยู่ ถึงยังไงเขาก็เป็นคนร่วมมือกับคนที่อยู่ฝั่งนี้ บางทีตอนหลังอาจยังมีเรื่องที่ต้องถามเขาอีกก็ได้” อ๋าวเฟยหันกลับมาตอบอย่างจนใจ ตอนนี้เขารู้สึกกดดันมาก นึกไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะให้จัดการอิ๋งอู๋หม่านต่อหน้าทุกคน นี่เป็นการใช้อำนาจกดดันเขาชัดๆ ชัดเจนแล้วว่าเรื่องนี้มีแต่ต้องทำให้สำเร็จเท่านั้น ล้มเหลวไม่ได้!
ในเมื่อเขาพูดอย่างนี้แล้ว จงซานหมิงไตร่ตรองดูก็พบว่ามีเหตุผลเช่นกัน ไม่ได้พูดอะไรอีก
อ๋าวเฟยขมวดคิ้วครุ่นคิด ข่าวนี้มาอย่างกะทันหันเกินไป เขาต้องจัดระเบียบความคิดสักหน่อย
ตรงจุดที่ไม่ไกลมีเสียงร้องครวญครางดังมาเป็นพักๆ ผ่านไปไม่นาน เจ๋อชุนชิวที่เปื้อนเลือดก็ถูกลากเข้ามาโยนตรงเท้าอ๋าวเฟย เจ๋อชุนชิวใบหน้าซีดขาว พยายามเงยหน้ากล่าวขอร้อง “ท่านแม่ทัพโปรดไว้ชีวิต ท่านแม่ทัพโปรดไว้ชีวิต ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว!”
อ๋าวเฟยพอเอียงหน้า ก็มีคนมาลากเจ๋อชุนชิวออกไปอีก
หลังจากความรู้สึกนึกคิดชัดเจนแล้ว อ๋าวเฟยก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ตระหนักได้ว่าตอนนี้ได้เลี่ยนบทบาทแล้ว หันหน้าหาทุกคนพร้อมถามว่า “พี่น้องทุกคน ยินดีฟังคำสั่งข้าหรือเปล่า?”
จิตใจของบรรดาแม่ทัพก็เหมือนจะเปลี่ยนตามไปด้วยเช่นกัน ท่าทางสำรวมระมัดระวังตัวตอนอยู่ต่อหน้าอิ๋งอู๋หม่านหายไปหมดแล้ว พวกเขายืนเรียงเป็นสองแถวแล้วกุมหมัดคารวะ “ยินดีฟังคำสั่งแม่ทัพใหญ่!”
ว่ากันตามจริง ตอนนี้ไม่มีใครอิจฉาตำแหน่งของอ๋าวเฟย ถึงแม้จะไม่รู้ว่าท่านอ๋องมีเจตนาอะไร เหตุใดจึงทำแบบนี้ แต่ถึงอย่างไรการถอดอิ๋งอู๋หม่านออกจากตำแหน่งก็เป็นการล่วงเกินอิ๋งอู๋หม่านอย่างแรง เรื่องในอนาคตนั้นพูดยากแล้ว ดังนั้นทุกคนต่างรู้สึกโชคดีที่ท่านอ๋องไม่ได้เลือกตน
“เช่นนั้นข้าก็จะหน้าด้านรับตำแหน่งนี้ไว้ ร่วมแรงร่วมใจกับพี่น้องเพื่อปฏิบัติภารกิจจากท่านอ๋องให้สำเร็จลุล่วง” อ๋าวเฟยกุมหมัดคารวะขอบคุณการสนับสนุนจากทุกคน จากนั้นกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังต่อว่า “ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ขออภัยที่ต้องพูดสิ่งที่ไม่น่าฟัง ส่วนตัวข้ารู้สึกว่าก่อนหน้านี้ท่านโหวอิ๋งอวดดีเกินไป ประเมินเผ่าเทพอสรพิษดำต่ำไปหน่อย อาจจะสร้างผลกระทบในทางลบได้ แล้วก็ประเมินหนิวโหย่วเต๋อต่ำไปด้วย หนิวโหย่วเต๋อชำนาญการรบ ชื่อเสียงนั้นไม่ใช่เรื่องโกหกแน่ ที่นำกำลังพลไปตีตลาดมืดนั้นต้องมีสาเหตุแน่นอน ดังนั้นสถานการณ์อาจจะไม่ได้ดีเหมือนที่ท่านโหวอิ๋งจินตนาการไว้ ด้วยสาเหตุสองประการข้างตน ความเคลื่อนไวที่ตลาดมืดสะเทือนไปถึงอ๋องอสรพิษดำแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่อ๋องอสรพิษดำจะไม่สืบสาวหาสาเหตุ จนป่านนี้โหยวโยวยังไม่ส่งข่าวมาเลย แสดงว่าเกิดเรื่องกับนางแล้วแน่นอน คงปิดความลับที่พวกเราระดมกำลังพลห้าล้านไม่ได้แล้ว กอปรกับหนิวโหย่วเต๋อเปิดฉากสังหารใหญ่ต่อเผ่าเทพอสรพิษดำ ก็รับประกันได้ยากว่าอ๋องอสรพิษดำจะไม่ลามมาโกรธพวกเรา ดังนั้นแผนที่ท่านโหวอิ๋งจะไปดูเอาสนุกเฉยๆ ข้าขอยกเลิกตรงนี้!”
…………………..……