หลิงฮันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเสี่ยวกู่จะนำภัยพิบัติมาสู่โลกแห่งนี้หรือไม่ แต่ที่เขามั่นใจคือเสี่ยวกู่กับคนเหล่านี้เป็นเหมือนนำกับไฟที่ไม่มีทางเข้ากันได้
ให้กล่าวชัดๆคือเสี่ยวกู่เป็นปฏิปักษ์ต่อรูปแบบการบ่มเพาะพลังของคนเหล่านี้
เสี่ยวกู่เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน ดวงตาของมันประกายสีเขียวในขณะที่มือทั้งสองข้างพัวพันไปด้วยคลื่นแสงมรกตที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้าง หากสัมผัสโดนเข้าแม้แต่ราชาเซียนก็คงศพไม่สวย
เพียงแต่ว่าราชาเซียนทั้งห้าคนได้ชี้นำพลังของคนในตระกูลเข้ามาสู่ร่างของตนเอง ซึ่งเปรียบแล้วก็เหมือนกับอำนาจแห่งจักรภพ ทำให้พลังต่อสู้ของพวกเขาทะยานสูงขึ้นมหาศาล
“ฆ่า!” พวกเขาลงมือต้านทานการโจมตีของเสี่ยวกู่
สำหรับพวกหลิงฮันสี่คน ราชาเซียนเหล่านี้ไม่แยแสแม้แต่น้อยเพราะเห็นได้ชัดว่าแต่ละคนอ่อนแอกว่าพวกเขาขนาดไหน ตราบใดที่สังหารเสี่ยวกู่ได้ก็ไม่สายที่จะเก็บกวาดคนที่เหลือภายหลัง
เสี่ยวกู่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พลังต่อสู้ของมันทรงพลังกว่าราชาเซียนสูงสุดหลายเท่า กล่าวได้ว่ามันคือราชาในหมู่ราชาเซียน แต่ศัตรูที่มันต้องปะทะด้วยนั้นคือราชาเซียนถึงห้าคนที่มีอำนาจแห่งจักรภพคอยสนับสนุน!
ทั้งห้าคนเองก็ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะประมุขตระกูลหย่วน โดยปกติเขาก็เป็นราชาเซียนที่ทรงพลังมากอยู่แล้ว เมื่อมีอำนาจแห่งจักรภพมาสนับสนุนก็ดูเหมือนว่าพลังต่อสู้ของเขาจะทะลุเกินกว่าขีดของราชาเซียนไปแล้ว
เสี่ยวกู่เข้าปะทะกับทั้งห้าอย่างไม่หวั่นเกรง
เพียงแต่ว่าด้วยการร่วมมือกันของราชาเซียนสูงสุดที่แข็งแกร่งเกินขีดจำกัดถึงห้าคน ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ยังต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“พวกเจ้าถอยออกไปให้ห่าง” หลิงฮันกล่าวกับสตรีนกอมตะและคนอื่นๆก่อนจะคำรามและเข้าร่วมการต่อสู้
เขาตั้งใจจะช่วยเหลือเสี่ยวกู่
“อย่าได้คิดว่าตนเองมีคุณสมบัติพอ!” ผู้อาวุโสสี่แสยะยิ้มพร้อมกับปล่อยฝ่ามือเข้าใส่หลิงฮัน
แสงอัสนี!
ความเร็วของหลิงฮันบรรลุขีดสูงสุดของโลกบรรพกาลทันที หมัดที่ปกคลุมไปด้วยเพลิงเก้าสวรรค์ของเขาถูกซัดเข้าใส่ศีรษะของผู้อาวุโสสี่
ความเร็วเช่นนี้ หากไม่เตรียมป้องกันไว้ก่อนไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปะทะโดนเป้าหมาย!
แต่ราชาเซียนสูงสุดก็ยังคงเป็นราชาเซียนสูงสุด ผู้อาวุโสสี่ระเบิดออร่าออกมาและฝืนเอียงหลังหลบการโจมตี พร้อมกันนั้นเขาได้ใช้เข่าจู่โจมเข้าใส่บริเวณหน้าอกของหลิงฮัน
ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้ การจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ที่ว่องไวขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก
หลิงฮันเค้นเสียง เขาดึงหมัดของตนเองกลับมาปะทะกับหัวเข่าของผู้อาวุโสสี่
ตูม!
ทันทีที่หมัดปะทะเข้ากับเข่า เสียงร้องโอดครวญของผู้อาวุโสสี่ก็ดังลั่นไปทั่วท้องฟ้า ขาของเขาถูกแผดเผาอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยความน่าสะพรึงกลัวของเพลิงเก้าสวรรค์ เพลิงที่แผดเผาหัวเข่าได้แพร่กระจายลามไปยังส่วนอีก หากปล่อยไว้ร่างทั้งร่างของผู้อาวุโสสี่จะต้องถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่านแน่นอน
ผู้อาวุโสสี่ตัดสินใจอย่างรวดเร็วและใช้มือตัดขาของตัวเอง แม้วิธีนี้จะเจ็บปวดแต่ก็สามารถช่วยรักษาชีวิตของเขาไว้ได้
“เฒ่าสี่!” ราชาเซียนอีกสี่คนอุทาน
“ข้าไม่เป็นอะไร!” เฒ่าสี่กล่าวด้วยสีหน้าซีดเผือด แม้จะกล่าวไปเช่นนั้นแต่บาดแผลของเขาสาหัสเป็นอย่างมากเนื่องจากต้องสูญเสียแก่นโลหิตจำนวนมากไปพร้อมกับท่อนขาที่ถูกตัด ต่อให้เป็นราชาเซียนเช่นเขาก็ยังต้องได้เวลาหลายปีกว่าจะฟื้นฟูแก่นโลหิตกลับมาได้
เขาฝืนเผาผลาญแก่นโลหิตอีกจำนวนหนึ่งเพื่อสร้างขาขึ้นมาใหม่ ไม่เช่นนั้นด้วยการต่อสู้ระดับนี้การสูญเสียขาไปจะทำให้เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“ระวังความเร็วและเพลิงของเขาให้ดี!” ผู้อาวุโสสี่กล่าวเตือน
ราชาเซียนอีกสี่คนพยักหน้า พวกเร็วเมื่อครู่นั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง แม้จะเป็นพวกเขาก็มองไม่ทัน พวกเขารีบโคจรปราณก่อเกิดจำนวนมหาศาลมาคุ้มกันร่างกายทันที
“อย่าได้คิดว่าเขาเป็นเพียงจอมยุทธเก้าลวดลายทั่วไป!” ราชาเซียนทั้งห้ากล่าวเตือนซึ่งกัน
เสี่ยวกู่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น จิตสังหารของมันในตอนนี้ท่วมท้นเกินพรรณนาราวกับนักฆ่ามากฝีมือ เป้าหมายของมันมีเพียงอย่างเดียวคือสังหารศัตรูทั้งห้า
การปะทะดำเนินต่อไป ด้วยการที่ทั้งห้าคนเตรียมการป้องกันไว้ก่อนแล้วความเร็วของหลิงฮันจึงไม่ได้ผลเหมือนคราวก่อน เพียงแต่ว่าเขาก็ยังสร้างภัยคุกคามให้ราชาเซียนทั้งห้าได้อยู่ดี เมื่อใดที่พวกเขาเปิดช่องว่างแม้แต่นิดเดียวการโจมตีของหลิงฮันจะคร่าชีวิตของพวกเขาทันที
หลิงฮันปลดปล่อยพลังต่อสู้ทั้งหมดออกมา รูปแบบอาคมสังหารถูกกระตุ้นใช้งานเพื่อรับมือกับราชาเซียนทั้งห้าซึ่งๆหน้า และด้วยทักษะกายาแสงตะวันทองคำไร้เทียมทานทำให้เขาสามารถใช้แขนทั้งหกปลดปล่อยทักษะนิรันดร์ได้พร้อมกัน
ดาบอสูรนิรันดร์และดาบไม้ผุพังถูกนำออกมา คลื่นดาบถูกสะบั้นออกอย่างน่าสะพรึงราวกับมังกรเพชรฆาต
“ไม่คาดคิดว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!” ในระยะที่ห่างไกลออกไปหลงอวี่ซานเผยสีหน้าตกตะลึง นางรู้ดีว่าหลิงฮันมีพรสวรรค์โดดเด็ดอย่างน่าอัศจรรย์ แต่นางไม่คาดคิดว่ารุ่นเยาว์ที่ก่อนหน้านี้เคยมีพลังบ่มเพาะเหนือกว่าจะก้าวข้ามนางจนบรรลุเป็นเซียนระดับกลางได้และมีพลังต่อสู้สูงส่งจนนางทำได้เพียงแหงนมอง
ความรู้สึกของนางเริ่มสั่นคลอน คำแนะนำไร้สาระที่หลงเซียงเยว่เคยกล่าวเอาไว้ จู่ๆก็ผุดขึ้นมาในหัวของนางพร้อมกับใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง
สตรีนกอมตะเผยสีหน้าภูมิใจ นี่คือบุรุษของนาง!
เมื่อเห็นสีหน้าเขินอายบนใบหน้าของหลงเซียงเยว่นางก็รับรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายมีหลิงฮันอยู่ในจิตใจ สตรีนกอมตะเริ่มหวาดระแวง สตรีผู้ใดที่เข้าร่วมตระกูลหลิงไปแล้วก็ถือว่าแล้วกันไป แต่นางไม่มีทางยอมให้มีสตรีคนใหม่เข้าร่วมด้วยเด็ดขาด!
หลิงฮันกับเสี่ยวกู่ร่วมมือกันต่อต้านราชาเซียนสูงสุดทั้งห้า
สำหรับหลิงฮันการต่อสู้นี้ค่อนข้างไร้เหตุผลเล็กน้อย ความจริงเขาจะเลี่ยงไม่สู้ด้วยก็ได้ แต่ในเมื่อเขายื่นมือเข้ามาแล้วเขาก็ย่อมสลักความลังเลทิ้งไปและพยายามสุดความสามารถเพื่อกำราบศัตรูที่ทรงพลังทั้งห้า
สำหรับคนเหล่านี้และเสี่ยวกู่ก็เหมือนน้ำกับไฟ มีเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด
รูปแบบการต่อสู้ของเสี่ยวกู่นั้นแทบจะพึ่งพาสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียว แต่ยิ่งต่อสู้มากเท่าไหร่รูปแบบการต่อสู้ของมันก็ยิ่งแหลมคมมากขึ้นและเริ่มใช้ความคิดในการโจมตี
การพัฒนานี้ทำให้พลังต่อสู้ของเสี่ยวกู่เพิ่มมาหนึ่งส่วนเป็นอย่างมาก แต่ในการต่อสู้ระดับนี้ พลังต่อสู้ที่เพิ่มมาหนึ่งเสี้ยวหรือสองเสี้ยวนั้นมีความหมายมากขนาดไหน?
พวกหลิงฮันขึ้นมาเป็นฝ่ายได้เปรียบในที่สุด
“ไม่ได้การแล้ว เป็นไปตามตำนานจริงๆ ผู้ปลดปล่อยแสงมรกตจะนำพาความพินาศมาสู่ทุกสรรพสิ่ง! พวกเราต้องรีบไปขอความช่วยเหลือจากตระกูลเฉิงอย่างเร่งด่วน!” ประมุขตระกูลหย่วนกล่าวกับผู้อาวุโสทั้งสี่ผ่านสัมผัสสวรรค์
“แต่ตระกูลเฉิงเป็นศัตรูคู่แค้นของพวกเราที่สู้กันมานาน ต่างฝ่ายต่างสูญเสียคนในตระกูลไปจำนวนมาก” ผู้อาวุโสสองลังเล
“เมื่อต้องเผชิญกับความเป็นความตายของโลกนี้ ความบาดหมางแค่นั้นจะนับเป็นอันใด!” ประมุขตระกูลหย่วนกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ไม่ใช่แค่ตระกูลเฉิงเท่านั้น ทั้งตระกูลเอวี๋ยน ตระกูลจินและหลู่ ทุกตระกูลจะต้องร่วมมือกันเพื่อต่อต้านภัยพิบัติครั้งนี้!”