ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 898 ประตูเมืองติดอัคคีลามถึงบ่อปลา

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ระหว่างเจ็ดวัด จักรพรรดิแพรไม่มา คนอื่นกลับมาแทน

เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สองพ่อลูกเดิมทีกำลังฝึกฝน กลับเห็นฟู่ถิงมาเยี่ยมเยือน

สีหน้าของฟู่ถิงมีความพิพักพิพ่วนเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นความเคร่งเครียด

“ท่านพ่อยังไม่กลับมา ละเลยพวกท่านสองพ่อลูก ข้าขอพวกท่านอย่าถือสาเลย” ฟู่ถิงเอ่ย “สถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยในตอนนี้เกิดเรื่องบางอย่าง ทำให้พวกท่านสองพ่อลูกไม่อาจอยู่ที่นี่ต่อได้อีกแล้ว”

สองพ่อลูกมองหน้ากัน

ความคิดแรกในห้วงสมองของพวกเขาก็คือ หรือว่าจักรพรรดิเอกภพกำเนิดจะขอให้ใครคนหนึ่งในสามกษัตริย์ลงมือ ถึงกับทำให้จักรพรรดิแพรงามไม่อาจต้านทาน ถูกกดดันให้ถอยกลับ

หรือว่ากงจักรมหาประกายกาฬในมือของเยี่ยนจ้าวเกอที่เป็นมันภูเขาร้อนลวกมือจะนำมาซึ่งเรื่องเลวร้ายเร็วถึงเพียงนี้ ทำให้ทั่วทั้งยอดเขาอัศจรรย์ไม่อาจไปส่งพวกเยี่ยนจ้าวเกอด้วยตัวเองได้

ฟู่ถิงเองก็ทราบอย่างชัดเจนว่าการกระทำในตอนนี้ไม่เหมาะสม แต่ดูท่าทางนางมีความจำเป็นที่ยากจะอธิบาย ไม่อาจบอกกล่าวได้

นางหยิบกล่องผ้าแพรใบหนึ่งออกมาส่งให้เยี่ยนตี๋ “ท่านพ่อฝากข้อความไว้ว่า ถ้าหากว่าท่านพ่อไม่กลับมา หรือทั้งพวกท่านทั้งสองคนมีความจำเป็นต้องรีบกลับไป ก็ให้ข้ามอบของล้ำค่าชิ้นนี้ให้แทนคำขอโทษ”

“สถานการณ์ในตอนนี้มีความพิเศษ สถานบำเพ็ญในตอนนี้ไม่อาจอาจต้อนรับทั้งสองคนได้ต่อ ได้โปรดให้อภัยด้วย”

เยี่ยนตี๋รับกล่องผ้าแพรไว้ ไม่รีบเปิดออก ก่อนจะกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “หลายวันมานี้พวกเราพ่อลูกเองก็รบกวนพวกท่าน จักรพรรดิแพรมีเรื่องราวต้องสะสาง พวกเราเข้าใจดี”

“เพียงแต่ขออภัยที่ข้าต้องขอสอบถามสักประโยค เรื่องราวเกี่ยวข้องกับเขตตะวันอาคเนย์หรือไม่”

ฟู่ถิงถอนใจเสียงหนึ่ง “ท่านเจ้าสำนักเยี่ยนกังวลเกินไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิเอกภพ ประมุขทักษิณ ประมุขอาคเนย์ และตัวอ่อนอาวุธเซียนในมือของคุณชายเยี่ยน”

“ท่านพ่อมีเรื่องราวต้องไปจัดการจริงๆ แต่กลับเป็นเรื่องส่วนตัว สถานบำเพ็ญในตอนนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ทั้งไม่เกี่ยวข้องกับทั้งสองท่าน เพียงแต่ไม่สะดวกต้อนรับพวกท่านต่อแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋เกิดความสงสัยอีกครั้ง

ถ้าหากไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องจักรพรรดิเอกภพกำเนิดหรือเขตตะวันอาคเนย์ และไม่เกี่ยวข้องกับกงจักรมหาประกายกาฬ เช่นนั้นเรื่องราวในตอนนี้ก็แปลกประหลาดแล้ว

‘ฟังจากตรงนี้ ไฉนจึงเหมือนสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยเกิดเรื่องร้าย ยอดเขาอัศจรรย์มีเจตนาดี จึงไม่คิดลากพวกเราไปเกี่ยวข้อง กลายเป็นบ่อปลาถูกไฟลาม’

ชายหนุ่มค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจ

แต่ในเมื่อฟู่ถิงไม่ยินยอมบอก เยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกก็ไม่อาจถามต่อ

เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอีกฝ่ายมีเจตนาดี อีกทั้งยังรักษามารยาท พวกเยี่ยนจ้าวเกอจึงมีแต่ต้องทำตามเจ้าภาพ

คนทั้งสองติดตามฟู่ถิงออกจากตำหนักไป

พอเดินทางถึงโถงของตำหนักใหญ่ ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น

บางคนเป็นลูกศิษย์ในยอดเขาอัศจรรย์ บางคนแต่งกายไม่เหมือนกับผู้สืบทอดของจักรพรรดิแพรงาม

เยี่ยนจ้าวเกอสำรวจอย่างละเอียด คนเหล่านั้นถึงกับไม่ใช่มนุษย์ แม้จะใส่อาภรณ์แล้วสวมเกราะ แต่กลับมีศีรษะเป็นมังกร ตัวเป็นคน!

เผ่ามังกร!

ถ้าหากเผ่ามังกรนี้ ถ้าหากใช้พลังฝึกปรือของจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์มาวัด ล้วนเป็นยอดฝีมือในระดับสะพานเซียนทั้งสิ้น

แต่ละคนต่างกระปรี้กระเปร่า มีพลังเปี่ยมล้น ลมปราณมังกรโดยกำเนิดกล้าแข็ง เหนือกว่าเผ่ามนุษย์ขั้นหนึ่ง

ขณะที่หายใจ อานุภาพมังกรจะแผ่กระจายไปทั่ว ทำให้คนอื่นๆ อดเกิดความรู้สึกอยากหมอบกราบกรานไม่ได้

เพียงแต่พอมาถึงสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย พวกเขาล้วนเก็บอานุภาพมังกรของตัวเอง เพื่อแสดงมารยาท

สิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจยิ่งกว่าก็คือ ยอดฝีมือเผ่ามังกรเหล่านี้ บัดนี้มีสีหน้าไม่ดีนัก แสดงความร้อนใจอย่างชัดเจน

นี่เป็นเรื่องที่เห็นได้ยากสำหรับเผ่ามังกรที่ปกติแล้วมีบุคลิกเรียบร้อย ให้ความสำคัญกับความองอาจ

หลังจากพวกเขาเห็นเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋แล้ว ก็ไม่ได้สนใจอีก เลื่อนสายตาไปที่ตัวฟู่ถิงอย่างรวดเร็ว

ฟู่ถิงพยักหน้าให้พวกเขาเล็กน้อย “หลังจากข้าส่งแขกแล้ว จะมาสนทนากับพวกผู้อาวุโส”

เยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกติดตามฟู่ถิงออกจากตำหนัก เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมอง “โลกซ้อนโลกมีปีศาจที่มีระดับขนาดนี้อยู่น้อยยิ่ง”

“วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในอดีตได้ทำให้เผ่ามังกรร่อยหลอ ปัจจุบันพบเจอได้ยากมากจริงๆ” ฟู่ถิงอธิบายคร่าวๆ

“สายสืบทอดของพวกเราเคยมีความสัมพันธ์เก่าก่อนกับเผ่ามังกรที่รอดพ้นผ่านวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่อยู่หลายส่วน นั่นเป็นเรื่องเมื่อครั้งอาจารย์รุ่นปู่ของข้าแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเงียบๆ

ฟู่ถิงว่า “อีกเดี๋ยวข้าจะใช้พิธีกรรมของสถานบำเพ็ญส่งสองท่านกลับเขตตะวันอาคเนย์ ครั้งนี้เสียมารยาทแล้วจริงๆ…”

ยังไม่ทันพูดจบ โลกที่ปราณสีขาวดำผสมผสานตรงหน้าถึงกับสั่นไหวอย่างรุนแรงระลอกหนึ่ง!

การสั่นสะเทือนนี้ทำให้ปราณสีขาวดำสองสายที่เดิมทีชัดเจน พลันเปลี่ยนเป็นพร่าเลือน ผสมรวมกัน ยากแยกแยะหยินหยาง

ฟู่ถิงตกใจ “มาเร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ!”

สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

หลายวันมานี้พวกเขาฝึกฝนอยู่ในสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย ต่างทราบว่าที่พำนักแห่งนี้จักรพรรดิแพรเป็นผู้บุกเบิกด้วยตัวเอง

ระดับความแข็งแรงของมัน ต่อให้จะสู้ผาบัวแดงในยอดเขาอัศจรรย์บนเขาคุนหลุนไม่ได้ แต่ก็สุดที่สถานที่ธรรมดาจะเทียบเคียงได้

แม้ว่าจักรพรรดิแพรผู้เป็นเจ้าของจะไม่อยู่ คิดจะสั่นสะเทือนที่นี่ ยังยากดุจปีนป่ายสวรรค์

แต่ว่าภาพตรงหน้ากำลังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มีคนโจมตีสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย!

และสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าก็คือ อีกฝ่ายมีพลังถึงขีดสุด ไม่ใช่ไม่อาจตีแตกได้!

การไหลเวียนของปราณวิญญาณด้านในที่บำเพ็ญถูกรบกวน รากฐานถูกสั่นไหว

ฟู่ถิงแม้แตกตื่นแต่ไม่สับสน นางหยิบผลึกหยกชิ้นหนึ่งออกมา โยนไปในมิติ ก่อนจะทิ่มนิ้วหนึ่งใส่ผลึกหยก

ประกายแสงสว่างขึ้นบนผลึกหยก กอปรกันเป็นค่ายกลวิญญาณสายหนึ่ง มิติกลางค่ายกลวิญญาณเหมือนกับกำลังเปิดออกมา

ทว่าวินาทีถัดมา มิติที่เปิดออกก็พลันปิดลง ค่ายกลวิญญาณเริ่มบิดเบี้ยว พริบตาต่อจากนั้นก็แหลกสลาย

ฟู่ถิงนิ่วหน้าขึ้น “อีกฝ่ายมีสภาวะโจมตีรุนแรง พิธีกรรมไม่อาจกระตุ้นได้แล้ว”

นางมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “เดิมทีคิดส่งพวกท่านสองคนกลับโลกซ้อนโลก แต่ดูจากตอนนี้ ไม่สามารถทำได้แล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สบตากัน ต่างรู้สึกเหลวไหลเล็กน้อย

ดูจากสถานการณ์นี้ ถึงกับมีคนมาล่วงเกินจักรพรรดิแพรจริงๆ สุดท้ายประตูเมืองติดอัคคีลามถึงบ่อปลา

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสองท่านได้โปรดตามข้ามา” ฟู่ถิงพูดพลางพาพวกเยี่ยนจ้าวเกอกลับตำหนัก

การเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณในที่บำเพ็ญแม้จะเริ่มสับสน แต่ว่าที่นี่ก็ยังเป็นที่พำนักของจักรพรรดิแพรงาม ไม่ได้ถูกตีแตกได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น

ขณะกำลังเคลื่อนไหว เยี่ยนจ้าวเกอแตะนิ้วกับริมฝีปาก “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ทราบแม่นางฟู่เล่าสถานการณ์อย่างละเอียดให้พวกเราฟังได้หรือไม่ ตอนนี้พวกเราสองพ่อลูกตามืดบอด เลอะเลือนยิ่งนัก”

เยี่ยนตี๋มองตำหนักที่อยู่ตรงหน้า ถามเสียงทุ้มว่า “เกี่ยวกับเผ่ามังกรเหล่านั้นหรือ”

ฟู่ถิงลังเลเล็กน้อย ค่อยถอนใจตอบว่า “บอกได้ว่าเกี่ยวข้อง แต่ว่าศัตรูก็มาหาพรรคเราโดยเฉพาะ”

“ผู้อาวุโสเผ่ามังกรสามตนนั้นมาแจ้งเตือน กลับไม่ทราบว่าศัตรูมาเร็วเกินไป ติดตามพวกเขามายังที่นี่ในภายหลัง”

นางส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “สถานบำเพ็ญแห่งนี้มีภารกิจบางอย่างต้องจัดการ พวกเราไม่อาจออกไปได้ในทันที ตอนแรกคิดส่งพวกท่านสองคนไปก่อน สุดท้ายกลับไม่สำเร็จ”

เยี่ยนจ้าวเกอถาม “ผู้มาเยือนเป็นใครกันแน่”

อีกฝ่ายอาจจะไม่ทราบว่าจักรพรรดิแพรออกไปด้านนอก สมควรคิดว่าจักรพรรดิแพรอยู่ในที่พำนัก นี่ไม่ใช่ฉวยโอกาสบุก แต่ว่ามาหาจักรพรรดิแพรเป็นการเฉพาะ

จักรพรรดิแพรในฐานะหนึ่งในยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกซ้อนโลก กลับมีคนอาจหาญมาก่อเรื่องในที่พำนักของเขา เรื่องนี้อยู่เหนือความคาดหมายของเยี่ยนจ้าวเกอจริงๆ

ถ้าไม่ใช่จักรพรรดิเอกภพกำเนิด เช่นนั้นแล้วเป็นใครกัน

ขณะที่กำลังคาดเดา กลับได้ยินฟู่ถิงตอบด้วยน้ำเสียงซับซ้อนว่า “ผู้มาไม่ใช่มนุษย์”

………………..