ราชันเร้นลับ 1244 : ความปรารถนา

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ทันทีที่ภาพของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์โผล่ขึ้นบนกระจกตาโคทาร์ ร่างของเธอถูกส่งออกหน้าต่างจิตใจและขยายกลับมาเป็นขนาดปรกติ

สิ่งนี้หมายความว่าการใช้พลังสิงร่างของวิญญาณอาฆาตล้มเหลว

ร่างของหมาป่าอสูรทมิฬหดตัวและบางลงพร้อมกับดูดกลืนแสงสว่างรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง กลายร่างเป็นม่านกำมะหยี่สีดำโปร่งแสง

ไคลน์เคยเห็นสิ่งนี้จากการทำนายด้วยความฝัน เป็นม่านที่ถูกขับออกจากหมอกสีเทาจนกระทั่งตกมาอยู่ในมือหมาป่าอสูรทมิฬ ต้องสงสัยว่ามีส่วนผสมของตะกอนพลัง ‘บริวารเร้นลับ’ ลำดับ 1 แห่งเส้นทางนักทำนาย

เมื่อสักครู่ โคทาร์ยืมพลังจากม่านดังกล่าวเพื่อหลบหลีกการสิงร่างของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ในจังหวะสำคัญ ช่วยให้รอดพ้นจากชุดการโจมตีที่จะกระหน่ำซ้ำเข้ามาหลังจากตรึงร่างสำเร็จ

ม่านถูกเก็บทันทีที่ใช้เสร็จ เผยให้เห็นร่างหมาป่าอสูรทมิฬเจ้าของขนสั้นสีดำในตำแหน่งที่เคยว่างเปล่า

ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์มิได้เสียขวัญกับความล้มเหลว แต่ฉวยโอกาสนี้เพื่อพ่นยันต์เพชรทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าออกจากหนึ่งในสี่ปาก

อีกสามเศียรเปล่งเสียงพร้อมกับเป็นภาษาเฮอร์มิส คนยักษ์ และเอลฟ์:

“วันวาน!”

ยันต์เพชรทรงสี่เหลี่ยมถูกเปลวไฟสีใสลุกท่วมทันทีจนกระทั่งผสานเป็นหนึ่งเดียวกับความว่างเปล่า

ร่างกายไรเน็ตต์ขยายใหญ่โดยที่ทั้งสี่หัวลอยมาซ้อนทับกันบนลำคอในเชิงมายา

เพียงพริบตาเดียว มิสผู้ส่งสารได้กลายร่างเป็นตุ๊กตายักษ์ที่เกือบทำให้ปราสาทของหมาป่าอสูรทมิฬถล่มลงมา

เธอแต่งกายในชุดโกธิกสีดำซับซ้อนที่ปักลวดลายลึกลับและมีเถาวัลย์พิสดารรายล้อม ดวงตาสีแดงเลือด แผ่ออร่าที่มนุษย์ไม่น่าจะมีได้

หมาป่าอสูรทมิฬโคทาร์ไม่คิดจะขัดขวางการยืมพลังจากอดีตของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ หรือไม่คิดจะเผยร่างสัตว์ในตำนานที่สมบูรณ์ของตน เพียงแหงนหน้าอ้าปากคำรามในท่ายืนแปดขาติดพื้น

เสียงคำรามที่เป็นภาษาคล้ายคนยักษ์ฟังดูสูงส่ง ส่งผลให้ ‘ม่าน’ ลอยขึ้นฟ้าและขยายใหญ่ในพริบตา ปกคลุมปราสาทโบราณจากบนลงสู่ล่าง

ม่านแปรเปลี่ยนเป็นสีใสและผสานเป็นเนื้อเดียวกับตัวปราสาทราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่สัมผัสวิญญาณไคลน์แจ้งเตือนอย่างชัดเจนว่าสถานที่แห่งนี้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์ หากต้องการหนีออกไปต้องทำลายบาเรียล่องหนให้ได้เสียก่อน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ม่านผืนดังกล่าวได้เปลี่ยนปราสาทโบราณของหมาป่าอสูรทมิฬให้กลายเป็นดินแดนเอกเทศ

นี่คือหลักในการสร้างอาณาจักรแห่งทวยเทพ!

ไคลน์ที่เตรียมอัญเชิญเทวทูตออกมาเพิ่มเติมหลังจากแผนการคลาดเคลื่อน ผุดแนวคิดใหม่ได้กะทันหัน มันเปลี่ยนใจเหยียดขวาแขนออกไปดึง ‘ตัวเอง’ อีกร่างจากความว่างเปล่า

เป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่กำลังถือไม้เท้าดวงดาว

ทันทีหลังจากนั้น ไคลน์เปลี่ยนให้ภาพฉายของตัวเองกลายเป็นหุ่นเชิดและส่งหนอนวิญญาณเข้าไปบางส่วน

ขณะชายหนุ่มลงมือกระทำหลายสิ่ง ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์กลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดเรียบร้อยแล้ว ดวงตาสีแดงเลือดของหญิงสาวกำลังสะท้อนภาพขาทั้งแปดของหมาป่าอสูรทมิฬ

เพียงแสงวาบเจือจางหนึ่งครั้ง หมาป่าอสูรทมิฬก็กลายเป็นแพะสีขาวทันที

แต่ ณ ด้านนอกห้องโถงมืด ไม้กวาดยักษ์เกิดสั่นระริกรุนแรงและแปลงกายหมาป่าอสูรทมิฬที่มีกระจุกขนสีเทากึ่งกลางหน้าผาก

ในวินาทีที่ถูกคำสาปเล่นงาน โคทาร์ได้ใช้พลังปาฏิหาริย์เพื่อสลับตำแหน่งตัวเองกับหุ่นเชิด!

มันอ้าปากอีกครั้งและส่งเสียงคำราม

เสียงคำรามดังกล่าวเป็นชุดคำที่ฟังดูคล้ายภาษาคนยักษ์ แปลความหมายได้ดังนี้:

“ข้าปรารถนาให้ออร่าเทพทั้งหมดสลายไป!”

ในวินาทีถัดจากการขอพรของเทพแห่งความปรารถนา ไคลน์สัมผัสได้ว่าออร่าเทพของตนถูกสะกด พลังพิเศษที่เป็นของปราชญ์โบราณและจอมเวทพิสดารไม่สามารถใช้การได้!

โชคดีที่ภาพฉายยังคงอยู่ได้จากการหล่อเลี้ยงของพลังวิญญาณ ตราบใดที่การอัญเชิญจากช่องว่างประวัติศาสตร์ประสบผลสำเร็จไปแล้ว พวกมันจะไม่หายไปเพียงเพราะพลังปรารถนาของหมาป่าอสูรทมิฬ นอกจากนั้นไคลน์ยังเปลี่ยนให้ภาพฉายของตัวเองเป็นหุ่นเชิดและถ่ายเทหนอนวิญญาณเข้าไปบางส่วน ส่งผลให้สามารถสลับตำแหน่งกับภาพฉายได้ง่ายดาย

ทางด้านไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ก็ได้รับผลกระทบพลังปรารถนาไม่ต่างกัน พลังพิเศษที่สูงกว่าลำดับ 5 ทั้งหมดของเธอเลือนหายไปในทันทีและมิอาจใช้งานได้เพิ่มเติม

แต่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นหุ่นเชิดของหมาป่าอสูรทมิฬที่กลายเป็นแพะ หรือไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ที่กลายเป็นตุ๊กตายักษ์ พวกมันยังอยู่ในร่างเดิมไม่แปรเปลี่ยน – สิ่งใดที่เกิดขึ้นอย่างสมเหตุสมผลจะไม่ถูกบังคับให้กลับสู่สภาพปรกติด้วย ‘พลังปรารถนา’

ใช้พลังปรารถนาเสร็จ หมาป่าอสูรทมิฬโค้งหลังเล็กน้อยในท่ากึ่งหมอบ ประหนึ่งเตรียมประจันหน้ากับไคลน์และไรเน็ตต์อย่างเต็มกำลัง

ในวินาทีนี้ ร่างของหมาป่าอสูรทมิฬขยายใหญ่ประหนึ่งเนินเขา ขนาดใกล้เคียงกับตุ๊กตายักษ์ของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ โคทาร์จ้องไคลน์ด้วยสายตาเย็นชาราวกับพร้อมฉีกทำลายร่างกายชายหนุ่มด้วยการใช้อุ้งเท้าตะปบ

ขณะเดียวกัน หุ่นเชิดจำนวนมากภายในปราสาทกำลังกรูเข้ามายังจุดเกิดเหตุ พวกมันประกอบด้วยคนยักษ์ เอลฟ์ มนุษย์ แวมไพร์ และสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์

เดิมทีพวกมันล้วนอ่อนแอ มีเพียงไม่กี่ตัวที่เป็นถึงลำดับ 5 แต่ปัจจุบันหุ่นเชิดทั้งหมดได้รับหนอนวิญญาณจากร่างต้นโคทาร์จนแข็งแกร่งทัดเทียมลำดับ 5 ภายใต้สถานการณ์พิเศษ

หลังจากสลายออร่าเทพและปิดตายอาณาจักรเอกเทศ หมาป่าอสูรทมิฬโคทาร์กำลังถือครองความได้เปรียบอย่างมาก

ลำดับ 5 กว่าหลายร้อยชีวิตกำลังรุมล้อมลำดับ 5 เพียงสอง!

ไม่เพียงเท่านั้น ตัวหมาป่าอสูรทมิฬถือเป็นเผ่าพันธุ์สัตว์วิเศษ ต่อให้ไม่หลงเหลือออร่าเทพ แต่ร่างกายขนาดมหึมาและพละกำลังมหาศาลของมันก็มากพอจะช่วยให้ถือไพ่เหนือกว่าในการต่อสู้ มิได้อ่อนแอโดยสิ้นเชิงเหมือนกับ ‘นักเชิดหุ่น’ ไคลน์

ทันใดนั้นเอง ร่างของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ที่แต่งกายในเดรสโกธิกสีเข้มซับซ้อนและรายล้อมด้วยเถาวัลย์พิสดารพลันกลายเป็นโปร่งแสง เธอเริ่มด้วยการกระโดดเข้าไปในกระจกที่สูงพื้นจรดเพดาน จากนั้นก็กระโดดเข้าไปในดวงตาของหมาป่าอสูรทมิฬ

ไรเน็ตต์พยายามใช้พลังสิงร่างของวิญญาณอาฆาตอีกครั้ง

น่าเสียดายที่หมาป่าอสูรโคทาร์สลับตำแหน่งกับหุ่นเชิดตัวอื่นได้ทันจนทำให้พลังสิงร่างของไรเน็ตต์พลาดเป้า

แต่ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์มิได้เสียขวัญ เธอยังคงกระโดดผ่านสื่อกลางอย่างกระจก โคมไฟระย้า และดวงตาอย่างต่อเนื่องเพื่อไล่ล่าหมาป่าอสูรทมิฬ

สำหรับโคทาร์ มันอาศัยข้อได้เปรียบจากจำนวนหุ่นเชิดและการที่ทุกตัวล้วนมีหนอนวิญญาณ ช่วยให้สลับตำแหน่งกับเป้าหมายได้ในพริบตาจนพลังสิงร่างของวิญญาณอาฆาตแทบจะไร้ผล

ขณะสองเทวทูตกำลังปะทะกันอย่างเงียบงัน หุ่นเชิดจำนวนมากกำลังรายล้อมไคลน์ทั้งสอง

พลังพิเศษอย่าง ‘ตรวนนรก’ ของแวมไพร์ ‘พายุแสง’ จากคนยักษ์ ‘พันธนาการแห่งสายลม’ กับ ‘ศรสายฟ้า’ จากเอลฟ์ และ ‘ทะลวงจิต’ กับ ‘อัญเชิญแสงศักดิ์สิทธิ์’ ของมนุษย์ล้วนพรั่งพรูเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย พวกมันพยายามตีกรอบไคลน์และทำให้อ่อนแอลง จนไคลน์ทำได้เพียงหลบหลีกบางส่วนและจมท่วมไปกับส่วนที่เหลือ

กระแสไฟฟ้าระเบิดออกพร้อมกับเกิดคลื่นลำแสง ภาพฉายของไคลน์ที่ถือไม้เท้าดวงดาวหายตัวไปโผล่อีกฟากหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ไคลน์สลับตำแหน่งกับหุ่นเชิดได้ทันเวลาและจินตนาการพลัง ‘ท่องเที่ยว’ ภายในใจพร้อมกับถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปในไม้เท้าสีดำ

แก่นแท้ของสมบัติปิดผนึกชนิดนี้คือการปลดปล่อยพลังที่ทำการ ‘บันทึก’ ไว้ในใจ

หลังจากหลบหลีกพายุการโจมตีอย่างต่อเนื่องและเตรียมพักหายใจ ไคลน์พบว่าหุ่นเชิดบางตัวกำลังพยายามควบคุมด้ายวิญญาณของตน

ในเวลาเดียวกัน หุ่นเชิดของมนุษย์ที่ถูกหมาป่าอสูรทมิฬควบคุมยื่นมือขวาชี้ไปทางตำแหน่งของร่างต้นผู้ชี้นำปาฏิหาริย์

วินาทีถัดมา หมาป่าอสูรทมิฬทำการสลับร่างกับหุ่นเชิดอีกตัวหนึ่ง โดยในภายหลังหุ่นเชิดตัวนั้นถูกไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์สิงร่าง

ส่งผลให้ปลายมือของหุ่นเชิดตัวแรกกำลังชี้ไปหาไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์

ฝ่ามือของหุ่นเชิดตัวดังกล่าวพลันกำแน่นและบิดเป็นครึ่งวงกลม เป็นการขโมยความคิดถัดไปของอีกฝ่าย

ทันทีหลังจากนั้น มันกระโจนไปทางพวกพ้องอีกตัวหนึ่ง

ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์กำลังยืนเหม่อลอยอยู่สักพัก

ได้เห็นฉากดังกล่าว หมาป่าอสูรทมิฬรีบสั่งให้หุ่นเชิดหลายตัวกางแขนออกเพื่อสร้างเสาลำแสงที่มีเกลียวเปลวไฟหมุนวน

ร่างกายไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เริ่มหลอมละลายท่ามกลางเสาลำแสงจำนวนมาก เธอตัดสินใจกระโดดเข้าไปในกระจกสูงบนผนังปราสาทเพื่อเอาตัวรอดจากพายุการชำระล้างที่กำลังจะตามมา

ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที ทั้งเธอและไคลน์ต่างตกอยู่ในสภาพจนตรอก

ด้วยสภาพแวดล้อมที่จำกัด แถมยังเป็นถิ่นของอีกฝ่าย เมื่อผนวกเข้ากับพลังของเทพแห่งความปรารถนา โคทาร์สามารถสร้างความได้เปรียบเหนือไคลน์และไรเน็ตต์ได้ถึงขีดสุด

หากเป็นปราชญ์โบราณคนอื่น คำถามเดียวในใจคงเป็น: จะให้ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ช่วยพาหนีอย่างไรดี? แต่กับไคลน์แล้วไม่ใช่ มันยังมีไพ่ตายซุกซ่อนอยู่

ในวินาทีที่ดึงด้ายวิญญาณของตัวเองกลับมา ชายหนุ่มไม่ลังเลที่จะระดมพลังของปราสาทต้นกำเนิด

ความพิเศษในข้อนี้อยู่นอกเหนือพลังปรารถนาของหมาป่าอสูรทมิฬ

นี่คือสิ่งที่แม้แต่ดินแดนเทพทอดทิ้งก็ยังมิอาจปิดกั้น!

หมอกสีเทาปรากฏขึ้นกลางอากาศ เผยให้เห็นวังโบราณเหนือสายหมอกอย่างเลือนราง

การปรากฏตัวของมันสร้างแรงกระเพื่อมไปทุกสารทิศ พลังบางส่วนสั่นสะเทือนปราสาทโบราณของโคทาร์ทั้งหลังจน ‘ม่าน’ ล่องหนหลุดออก ส่งผลให้อาณาจักรเอกเทศแห่งนี้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของโลกความจริงอีกครั้ง

ไคลน์ฉวยโอกาสดังกล่าวอ้าปากเปล่งเสียงเป็นภาษาคนยักษ์:

“เลโอเดโร!”

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

พายุสายฟ้าสีเงินเส้นหนากระหน่ำฝ่าลงมาใส่ปราสาทของหมาป่าอสูรทมิฬอย่างไร้ความปรานี ทุกหนแห่งถูกปกคลุมด้วยผืนป่าอสนีที่มาพร้อมออร่าทำลายล้างอันน่าสะพรึง

………………………