ราชันเร้นลับ 1245 : ความช่วยเหลือมาถึงโดยไม่ต้องอัญเชิญ

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

สายฟ้าสีเงินสว่างที่หนาราวกับงูยักษ์ปะทะเข้ากับม่านกำมะหยี่สีใส ส่งผลให้ผิวม่านสั่นระริกพร้อมกับบิดเป็นเกลียว

ฉวยโอกาสดังกล่าว ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ที่อยู่ในกระจกบนผนังปราสาทรีบกระโดดเข้ามาในกระเป๋าเสื้อไคลน์และกลับเข้าไปในกล่องบุหรี่โลหะที่มีเหรียญทองโลเอ็นนอนแน่นิ่ง

ไคลน์ที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วรีบยกแขนขวาคว้าไม้เท้าดวงดาวบนพื้นห้องอย่างใจเย็น

ภาพหนึ่งผุดขึ้นในใจชายหนุ่มทันที เป็นหนึ่งในพลังของดรูอิด

พื้นดินใต้ฝ่าเท้าไคลน์อ่อนตัวลงกะทันหันจนกลายเป็น ‘บึง’ ส่งผลให้ร่างไคลน์ทรุดลงราวกับกำลังยืนบนผิวทะเล

ดินยุบตัว!

เปรี้ยง!

ขณะบึงใหญ่กำลังก่อตัว ‘ม่าน’ กำมะหยี่สีดำโปร่งแสงมิอาจทนต่อการกวาดล้างจากสายฟ้าได้อีกต่อไป มันม้วนเป็นก้อนกลมและกลิ้งตกลงมาในปราสาท

เมื่อปราศจากสิ่งกีดขวาง สายฟ้าปริมาณมหาศาลถล่มผ่าลงมายังปราสาทโบราณ

ยอดหอคอยหักโค่น ห้องโถงพังพินาศ หุ่นเชิดตัวแล้วตัวเล่าทยอยล้มลงในสภาพไหม้เกรียมและกายเป็นเถ้าถ่าน

จนกระทั่งแสงสีเงินที่แผ่ปกคลุมเทือกเขาเลือนหายไป เผยให้ปราสาทโบราณของหมาป่าอสูรทมิฬโคทาร์ที่กลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง หลายจุดมีกองไฟลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง

ไคลน์โผล่ตัวออกจากก้นหลุมลึกและพบว่าโคทาร์เองก็กำลังทำแบบเดียวกัน

อาศัยพลังดรูอิดจากหุ่นเชิดทั้งสามตัว ไคลน์ประสบความสำเร็จในการเอาชีวิตรอดจากพายุสายฟ้า

ในวินาทีปัจจุบัน อาณาจักรเอกเทศที่สร้างโดยม่านตกอยู่ในสภาพพังพินาศโดยสมบูรณ์ แต่ดูเหมือนว่า ‘พลังปรารถนา’ ของหมาป่าอสูรทมิฬจะยังไม่เลือนหายไปไหน ต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าออร่าเทพจะคืนกลับมา

ทั้งสองฝ่ายปรี่เข้าปะทะกันอีกยกโดยไม่มัวรีรอ

โคทาร์สั่งให้ม่านหดตัวและห่อหุ้มร่างกายมันเพื่อมิให้ถูกวิญญาณอาฆาตสิงร่าง เนื่องจากตอนนี้เหลือหุ่นเชิดแค่สามตัว มันจึงไม่กังวลปัญหาที่จะสลับตำแหน่งกับหุ่นเชิดไม่ได้

ขณะเดียวกัน ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ลอยออกจากเหรียญทองในกระเป๋าเสื้อไคลน์และพุ่งไปทางหมาป่าอสูรแปดขา

เธอเลิกหมกมุ่นอยู่กับการสิงร่างอีกฝ่าย แขนทั้งสองข้างเริ่มขยายใหญ่โดยมีขนสีเทางอกขึ้นมาปกคลุมหลังมือ เล็บมือทั้งสิบยืดยาวในลักษณะคมและแข็ง

จำแลงกาย มนุษย์หมาป่า!

ตุ๊กตายักษ์ที่แผ่กลิ่นอายความชั่วร้ายพลันแปรเปลี่ยนเป็นมนุษย์หมาป่าขนาดมหึมา เธอพุ่งตัวด้วยความเร็วสูงพร้อมกับใช้กรงเล็บอันแหลมคมตะปบใส่หมาป่าอสูรทมิฬจนเกิดเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด

ท่ามกลางเสียงกรงเล็บปะทะ ไคลน์ถูกล้อมโจมตีโดยหุ่นเชิดทั้งสามของโคทาร์

หนึ่งในนั้นเงยหน้าขึ้นและร้องคำราม ส่งผลให้ขนดกหนาสีน้ำตาลงอกยาวพร้อมกับเสื้อผ้าที่ฉีกขาด มันกลายร่างเป็นหมีใหญ่ที่สูงกว่ามนุษย์ทั่วไปราวสองเท่าในพริบตา อีกหนึ่งหุ่นเชิดหมอบลงและใช้มือยันพื้น ส่วนอีกหนึ่งใช้มือขวากระชากเส้นผมตัวเอง

ทันใดนั้นเอง เปลวไฟสีแดงเข้มลุกท่วมร่างไคลน์ทุกซอกมุม

ชายหนุ่มหายตัวไปโผล่ที่ตำแหน่งของกองเพลิงในปราสาท จากนั้นก็กระโจนเข้าใส่หมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ด้วยไม้เท้าดวงดาวในมือ

ในตำแหน่งเดิมที่ไคลน์เคยยืน เถาวัลย์กลายพันธุ์สีเข้มเขียวทะลวงขึ้นจากดินอย่างดุร้ายพลางกวัดแกว่งเปลวไฟที่ยังหลงเหลือ

ตึง! ตึง! ตึง!

หมีใหญ่ไม่ถอยหนี มันก้าวเท้าอย่างหนักแน่นเข้าหาไคลน์ด้วยบรรยากาศราวกับหัวรถจักร แขนทั้งสองข้างอ้ากว้างประหนึ่งเตรียมสวมกอดอย่างเร่าร้อนเพื่อป่นกระดูกและกล้ามเนื้อไคลน์

กึก กึก กึก

ไคลน์เองก็มิได้ถอยหนี มันวิ่งเข้าใส่หมีน้ำตาลในสภาพชายเสื้อกันลมพัดกระพือ

แต่ทันใดนั้น ชายหนุ่มถีบเท้าซ้ายลงพื้นพร้อมกับบิดเป็นเกลียวเพื่อกระโดดหมุนตัวข้ามหมีใหญ่ในแนวเฉียง

ปึก!

ขณะกำลังกระโดดผ่าน ไคลน์เหวี่ยงไม้เท้าสีดำลงบนหัวไหล่หมีน้ำตาล

ตามปรกติแล้ว การโจมตีดังกล่าวไม่ควรจะทะลวงผ่านแผ่นหนังหนาของหมีเข้าไปได้ แต่คุณสมบัติของไม้เท้าดวงดาวก็คือ การโจมตีทางกายภาพทุกครั้งจะสุ่มสร้างอาการผิดปรกติหรือไม่ก็ผลลัพธ์พิสดาร

แต่แน่นอน ภายใต้พลังปรารถนาของโคทาร์ ผลลัพธ์ย่อมไม่มีทางรุนแรงเกินกว่าผู้วิเศษลำดับ 4

ฉึบ!

ท่ามกลางเสียงทื่อขณะไม้เท้ากระทบหนัง ร่างของหมียักษ์ถูกแบ่งครึ่งซีกตั้งแต่หัวไหล่ลงไปเป็นแนวเฉียง ส่วนที่ปราศจากศีรษะถูก ‘เทเลพอร์ต’ ห่างออกไปราวสิบเมตร โดยส่วนที่เหลือยังคงยืนหยัดอยู่ในตำแหน่งเดิม

พรวด! อวัยวะภายในและเลือดของหมีน้ำตาลทะลักลงลงพื้นจนเกิดเป็นภาพอันน่าสยดสยอง

แต่มีสีน้ำตาลยังไม่หยุดเคลื่อนไหว ร่างกายทั้งสองซีกที่ขาดออกจากกันพยายามพยุงตัวยืนอย่างยากลำบากและยังคงโจมตีต่อไป

มันคือหุ่นเชิดที่ตายไปนานแล้ว ความเสียหายแค่นี้ย่อมมิอาจหยุดยั้งมันได้

ถึงตรงนี้ ไคลน์กระโดดข้ามหมีน้ำตาลโดยสมบูรณ์แล้ว ฝ่าเท้าของมันกำลังติดพื้นทั้งสองข้าง

เปลวไฟสีแดงลุกท่วมร่างชายหนุ่มอีกครั้ง

เปลวไฟในบริเวณข้างเคียงที่ใกล้ดับพลันสว่างวาบ ไคลน์กระโจนออกมาประชิดตัวหุ่นเชิดที่กำลังกดมือทั้งสองข้างลงบนพื้น

ชายหนุ่มผู้แต่งกายด้วยหมวกทรงสูงพุ่งผ่านหุ่นเชิดและใช้ไม้เท้าฟาดใส่โดยไม่หันไปมอง

ปึก!

เปลวเพลิงสีทองระเบิดท่วมร่างหุ่นเชิดตัวดังกล่าวก่อนจะเริ่มหลอมละลาย

ไฟสีทองพุ่งขึ้นฟ้าขณะหุ่นเชิดทรุดลงไปนอนกับพื้น แต่เปลวเพลิงก็ไม่ยอมดับจนกว่าร่างหุ่นเชิดจะกลายเป็นเถ้าถ่าน

ไคลน์มิได้เหลียวแลแม้แต่น้อย ยังคงวิ่งตรงไปยังหุ่นเชิดที่กระชากผมตัวเองออกมา

หุ่นเชิดตัวดังกล่าวเตรียมขว้างกระจุกผมในมือใส่ชายหนุ่ม

เส้นผมเหล่านั้นเริ่มลุกไหม้และกลายเป็นแก๊สสีดำ สัมผัสวิญญาณไคลน์ร้องเตือนถึงอันตรายทันที

พิษร้าย!

พิษร้ายที่ไม่รู้จัก!

ไคลน์เปลี่ยนแผนทันที มันใช้พลังตัวตลกเพื่อหยุดการวิ่งและอาศัยแรงเฉื่อยช่วยเหยียดไม้เท้าไปข้างหน้า

ท่ามกลางกระแสความคิดมากมาย มันสร้างฉากหนึ่งขึ้นในหัวอย่างรวดเร็ว

ก่อนจะเริ่มลงมือ ไคลน์ขอให้มิสจัสติสด้วยสะกดจิตตน ป้องกันมิให้สมองร่างภาพออกมาเองตามจิตใต้สำนึก ฉากในใจจะต้องเกิดจากความตั้งใจของเจ้าตัวเท่านั้น กระแสความคิดทำได้เพียงล่องลอยในรูปแบบข้อมูล สิ่งนี้ช่วยให้ไคลน์สามารถใช้งานไม้เท้าดวงดาวได้เป็นเวลานานโดยไม่ต้องกังวลผลข้างเคียง ส่วนข้อเสียของการคิดแบบเป็นข้อมูลโดยไม่เห็นภาพ ไคลน์มองว่ายังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้

โดยปราศจากสุ้มเสียง อัญมณีบนหัวไม้เท้าดวงดาวทยอยสว่างขึ้นทีละเม็ด เกิดเป็นเสาลำแสงศักดิ์สิทธิ์อันแสนบริสุทธิ์ฉายลงมาจากท้องฟ้าและปกคลุมแก๊สสีดำกับหุ่นเชิดตัวดังกล่าวไปพร้อมกัน

พิษละลายหายไปท่ามกลางเพลิงสุริยัน เช่นเดียวกันกับชะตากรรมของหุ่นเชิด

ท่ามกลางแสงสว่าง ไคลน์เบือนหน้าหนีและหันไปเล็งไม้เท้าใส่หมีน้ำตาลครึ่งซีกแทน

สายฟ้าสีเงินสว่างผ่าลงมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งหมีน้ำตาลล้มลงและไม่ลุกขึ้นมาอีก

ภายในไม่กี่วินาที ไคลน์จัดการกับหุ่นเชิดที่เหลืออยู่ของหมาป่าอสูรทมิฬจนหมด

หลังจากปราสาทต้นกำเนิดเผยความผิดปรกติ ทั้งไคลน์และโคทาร์ต่างไม่ต้องการทำศึกยืดเยื้อ พวกมันต้องแข่งกับเวลาเนื่องจากตัวตนระดับสูงอย่างเทวทูตกาลเวลาอามุนด์หรือพระผู้สร้างแท้จริงอาจเสด็จเยือนได้ทุกเมื่อ

ได้เห็นฉากตรงหน้า หมาป่าอสูรทมิฬรีบสะบัดร่างอย่างรุนแรงเพื่อขว้างม่านกำมะหยี่สีดำใสออกไป

ม่านดังกล่าวลอยหายไปในอากาศก่อนจะโผล่อีกครั้งที่ด้านหลังไคลน์ จากนั้นก็ห่อหุ้มร่างกายชายหนุ่มโดยที่สัมผัสวิญญาณยังไม่ทันร้องเตือน

ดวงตาไคลน์เข้มขึ้นพร้อมกับความคิดที่เริ่มเฉื่อยชา ด้ายวิญญาณทยอยถูกดูดเข้าไปในม่านทีละเส้น

มันพยายามทั้งลองกระโจนเพลิง ทำให้กระดูกอ่อน รวมถึงใช้ไม้เท้าดวงดาว แต่ก็ไม่มีสิ่งใดสำเร็จภายใต้ภาวะผิดปรกติเช่นนี้

ม่านกำมะหยี่สีดำรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งบริเวณดวงตา จมูก ปาก และอีกหลายตำแหน่งบนตัวไคลน์เริ่มเกิดตราประทับ ราวกับมันพยายามเค้น ‘ร่างใหม่’ ออกมาให้ได้

ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์รีบกระโดดมาอยู่ด้านข้างม่านโปร่งแสงทันที จากนั้นก็ดึงออกจากร่างไคลน์และพาเทเลพอร์ตหนีไปยังตำแหน่งอื่น

หมาป่าอสูรทมิฬฉวยโอกาสดังกล่าวแหงนคอคำราม

ทันใดนั้น ‘ม่าน’ พลันลอยขึ้นในลักษณะคล้ายเสื้อคลุมของมนุษย์ล่องหน

แรงดึงดูดมหาศาลแผ่ออกไปทุกทิศ ส่งผลให้ด้ายวิญญาณของทั้งไคลน์และไรเน็ตต์ลอยไปยังทิศทางดังกล่าวอย่างมิอาจควบคุม

หากไม่ได้แก้ไขสถานการณ์ด้วยพลังพิเศษบางชนิด ด้ายวิญญาณของทั้งสองจะผสานเป็นหนึ่งเดียวกับม่านภายในไม่ถึงสี่วินาที และพวกมันก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดของอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์

โชคดีที่ไคลน์เองก็เป็นนักเชิดหุ่น สามารถเพ่งสมาธิเพื่อควบคุมด้ายวิญญาณของทั้งตัวเองและมิสผู้ส่งสารให้รอดพ้นจากวิกฤติ ชายหนุ่มเลียนแบบเทคนิคที่ซาราธเคยใช้จัดการกับด้ายวิญญาณตัวเอง นั่นคือการบังคับให้ส่วนปลายด้ายวกกลับมาเชื่อมเป็นเนื้อเดียวกับจุดเริ่มต้น

กรรร!

หมาป่าอสูรทมิฬพ่นก้อนอากาศใส่ไคลน์ด้วยความเร็วสูงประหนึ่งกระสุนปืนใหญ่

เนื่องจากต้องเพ่งสมาธิควบคุมด้ายวิญญาณของทั้งตัวเองและมิสผู้ส่งสาร ไคลน์จึงตอบสนองได้ไม่รวดเร็วพอที่จะหลบ แต่ขณะกำลังจะถูกกระสุนอัดอากาศปะทะใส่ ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ได้ใช้ร่างกายตัวเองบังไว้

เปรี้ยง!

ผมสีทองของไรเน็ตต์ปลิวไสวไปทุกทิศ เถาวัลย์ชั่วร้ายที่ปกคลุมเดรสโกธิกถูกทำลายไปหลายส่วน

หมาป่าอสูรทมิฬลงมืออย่างต่อเนื่องด้วยความชำนาญ อาศัยโอกาสที่ม่านดำกำลังสร้างอิทธิพลต่อด้ายวิญญาณคนทั้งสอง มันลงมือกระหน่ำโจมตีใส่ไคลน์อย่างหนักหน่วง บีบบังคับให้ไรเน็ตต์ต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับทางเดียว มารบรรพกาลเผยอาการสั่นสะท้านเมื่อต้องรับมือกับกรงเล็บ ก้อนอากาศ และเปลวไฟที่ประเคนใส่ไม่หยุดหย่อน บาดแผลเพิ่มจำนวนต่อเนื่องจนดูเหมือนเธอจะยื้อได้อีกไม่นาน

ในช่วงเวลาความเป็นความตาย ไคลน์ที่กำลังควบคุมด้ายวิญญาณให้หลุดพ้นจากอิทธิพลของม่านดำ รีบสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบกล่องบุหรี่โลหะอีกอันออกมา

ผนึกถูกคลายพร้อมกับฝาที่เปิดออก ด้านในเป็นอีกหนึ่งเหรียญทองที่นอนแน่นิ่ง บนผิวเหรียญมีวิญญาณอาฆาตแฝงตัวอยู่

เป็นวิญญาณอาฆาตสตรีรูปร่างพร่ามัว หล่อนคือสิ่งมีชีวิตประเภทอันเดดโดยแท้จริง ไม่ใช่ผู้วิเศษบนเส้นทางมนุษย์กลายพันธุ์

นี่คืออีกหนึ่งไพ่ตายที่ไคลน์เก็บงำไว้ การที่มันไม่ใช่ในตอนแรกเป็นเพราะ ‘อาณาจักรเอกเทศ’ ของโคทาร์ถูกตัดขาดจากโลกความจริง นั่นอาจทำให้ไม่เกิดผลลัพธ์ที่ไคลน์ปรารถนาที่สุด โดยโอกาสเพิ่งมาถึงในตอนตนและมิสผู้ส่งสารต่างก็ถูกม่านดำเล่นงาน

เมื่อกล่องถูกเปิดอ้า วิญญาณอาฆาตด้านในกระโดดเข้าไปบนผิวเศษกระจกหนึ่งทันที บนร่างวิญญาณอาฆาตตนดังกล่าวมี ‘ท่อ’ มายาสีดำที่เชื่อมต่อเข้ากับความว่างเปล่าอนันต์

ท่อดังกล่าวคือสัญลักษณ์ของมรณาเทียม

และมรณาเทียมในตอนนี้ย่อมสื่อถึงเทพธิดารัตติกาล!

ไพ่ตายชนิดนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตอนที่เทพธิดาส่งพลังควบคุม ‘เทพแห่งเกียรติยศ’ บลาเดลเพื่อช่วยไคลน์จากการถูกอามุนด์ช่วงชิงปราสาทต้นกำเนิด

เพื่อการนั้น ไคลน์ตั้งใจตามหาสัตว์ประหลาดประเภทวิญญาณอาฆาตในดินแดนเทพทอดทิ้งและนำมันมาขังไว้ จากนั้นก็ผสานเข้ากับ ‘ขนนกสีขาว’ ของผลผลิตที่ล้มเหลวจากโครงการมรณาเทียมซึ่งไคลน์อัญเชิญมาจากสายหมอกแห่งประวัติศาสตร์

อาศัยการทดลองหลายครั้งและการสวดวิงวอนขณะแวะไปเที่ยวเบ็คลันด์ของไคลน์ ในที่สุดวิญญาณอาฆาตตนนี้ก็สร้างการเชื่อมต่อกับมรณาเทียมสำเร็จ ส่งผลให้เทพธิดารัตติกาลสามารถส่งอิทธิพลมาแทรกแซงได้เล็กน้อย!

……………………