บทที่ 1096 สร้างชื่อเสียงโด่งดัง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,096 สร้างชื่อเสียงโด่งดัง

เมื่อลองจินตนาการดูว่าก่อนเริ่มต่อสู้ เซียวปิงวางกับระเบิดไว้รอบตัว เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร?

ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะมีความรวดเร็วเพียงใด ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะสร้างร่างแยกขึ้นมากี่ร่าง ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะมีวิธีหลอกลวงกี่วิธี แม้ว่าคู่ต่อสู้จะชำนาญด้านการซ่อนตัวสักเท่าไหร่ แต่ตราบใดที่รอบกายของเซียวปิงมีกับระเบิดพร้อมทำงานตลอดเวลา ขอแค่ฝ่ายคู่ต่อสู้เผลอเหยียบกับระเบิดแค่จุดเดียวเท่านั้น…

โฮะโฮะโฮะ

หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าบรรดากับระเบิดที่วางขายอยู่ในโทรศัพท์มือถือต้องมีอานุภาพรุนแรงมากพอที่จะสังหารผู้มีพลังขั้นเซียนได้แน่นอน

และเมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะเซียวปิงได้อีกต่อไป

ปัญหามีเพียงข้อเดียวเท่านั้นคือกับระเบิดมีราคาแพงมากเกินไป

หลินเป่ยเฉินจึงเกิดความลังเล

มิน่าล่ะ ถึงเคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่าสงครามยุคใหม่มีเรื่องการเงินเป็นปัจจัยสำคัญเสมอ

ในระหว่างที่หลินเป่ยเฉินกำลังขบคิดเรื่องราวทั้งหมดอยู่นี้ เขาก็ได้ยินเสียงคำรามดังออกมาจากที่นั่งของกลุ่มมนุษย์ปักษา

“เดี๋ยวข้าออกไปจัดการเอง”

สุดท้าย มนุษย์ปักษาผู้อาวุโสลำดับที่หกก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป มันสะกิดเท้าพุ่งร่างเหินกายออกมาข้างหน้า

มันคือผู้รับผิดชอบนำกลุ่มเข้าร่วมการประลองครั้งนี้ เดิมทีจึงมีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเองเป็นอย่างมาก

เหตุผลสำคัญที่ก่อนหน้านี้มันปล่อยให้ผู้ติดตามออกไปแสดงฝีมือ ก็เพราะตนเองต้องการจะเก็บเรี่ยวแรงเอาไว้สำหรับการประลองในรอบต่อไป

แต่บัดนี้ ภาพลักษณ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาขนแดงกำลังถูกทำลายย่อยยับ ไม่ว่าพวกมันจะสามารถผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้หรือไม่ แต่อย่างน้อยตัวมันเองในฐานะผู้อาวุโสลำดับหกก็ต้องแสดงตัวออกมากู้หน้าบ้างแล้ว

หัวใจของมนุษย์ปักษาผู้อาวุโสลำดับหกกำลังเร่าร้อนด้วยความโกรธแค้น

พลังลมปราณพวยพุ่งออกมาจากร่างกาย ผิวหนังบนแขนทั้งสองข้างปรากฏขนนกสีแดงงอกขึ้นมาราวกับเป็นแผ่นเกราะและภายใต้แสงสว่างที่สาดประกายเจิดจ้า มนุษย์ปักษาผู้อาวุโสลำดับหกจึงมีสง่าราศีไม่ต่างไปจากเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์

“เจ้าหมูโสโครก วันนี้ข้าจะแก้แค้นให้แก่พี่น้องของข้า”

มันมั่นใจในพลังและความแข็งแกร่งของตนเอง และไม่คิดแม้แต่จะใช้วิชาแยกร่าง กลับเหินกายพุ่งเข้าไปสู่เวทีประลองอย่างตรงไปตรงมา

มนุษย์ปักษาผู้อาวุโสลำดับหกมั่นใจว่าตนเองสามารถรับมือการโจมตีจากเซียวปิงได้

ขณะนี้ เซียวปิงก็รู้แล้วว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูผู้แข็งแกร่งที่สุด

เด็กหนุ่มสามารถเปลี่ยนให้ผู้อื่นขึ้นมาต่อสู้แทนตนเองได้

เพราะเขาเอาชนะคู่ประลองมาได้ถึงสามคนแล้ว

หากคิดจะพัก ย่อมไม่มีผู้ใดคัดค้าน

แต่เมื่อชำเลืองมองไปยังที่นั่งของกลุ่มสำนักคฤหาสน์กำยาน และพบเข้ากับแววตาอำมหิตของท่านพี่ที่จ้องมองมา นั่นก็ทำให้เซียวปิงล้มเลิกความคิดที่จะก้าวลงจากสังเวียนทันที

ท่านพี่มองหน้าเขาเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าอยากจะให้เขาสู้ต่อไป

ดังนั้นเซียวปิงจึงเก็บปืนลูกซองสั้น

และนำปืนกลมือออกมาใช้งานโดยไม่ลังเล

เซียวปิงย่อมรู้ดีว่านี่เป็นอาวุธที่มีอานุภาพการโจมตีรุนแรงที่สุดในหมู่มวลอาวุธที่ตนเองได้ครอบครอง ท่านพี่เคยบอกกับเขาว่ามันเป็นอาวุธวิเศษที่เทพีกระบี่ประทานมาให้ด้วยพระองค์เอง

“เข้ามาเลย”

ใบหน้าอ้วนกลมของเซียวปิงแสดงออกถึงความดุร้ายอำมหิต

เซียวปิงยกปืนกลมือขึ้นเล็งใส่มนุษย์ปักษาผู้อาวุโสลำดับหกที่กำลังลอยตัวอยู่เหนือศีรษะของเขา

เมื่อมนุษย์ปักษาผู้อาวุโสลำดับหกเห็นเช่นนั้น มันก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความเหยียดหยาม “อาวุธของเจ้าไม่สามารถทำอะไรข้าผู้มีฉายาเทพปักษาเหินหาวได้หรอก…”

เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงระเบิดที่แปลกประหลาดก็ดังออกมาอีกครั้ง

ลำแสงกระบี่สีฟ้าม่วงพุ่งทะลวงเข้าหาร่างของมนุษย์ปักษาผู้อาวุโสลำดับหกจำนวนนับไม่ถ้วน

มนุษย์ปักษาย่อมเห็นท่าไม่ดี สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

เนื่องจากลำแสงกระบี่เหล่านี้มาพร้อมกับมวลพลังลมปราณไม่มีที่สิ้นสุด

แม้ว่าลำแสงกระบี่เหล่านั้นจะไม่สามารถพุ่งทะลวงแผ่นเกราะขนนกของมันเข้ามาได้ แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังทำให้มนุษย์ปักษาผู้อาวุโสลำดับหกเสียการทรงตัวกลางอากาศ ร่างกายหมุนคว้างตีลังกา

และการสูญเสียการทรงตัว ย่อมหมายถึงความตาย

เพราะตลอดเวลาชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วยหลังจากนั้น มนุษย์ปักษาผู้อาวุโสลำดับหกก็ไม่สามารถควบคุมการทรงตัวได้อีกเลย

มันถูกลำแสงกระบี่ประหลาดจากเซียวปิงเล่นงานอย่างต่อเนื่อง

มีสภาพไม่ต่างจากกระสอบทรายที่ลอยไปลอยมาอยู่ในอากาศ

และด้วยความที่ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องไม่ให้หยุดพักหายใจ ตัวมันจึงไม่มีเวลาโคจรพลังลมปราณ

ลำแสงกระบี่ยังคงพวยพุ่งอยู่ต่อไป…

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

นับว่ามนุษย์ปักษาผู้อาวุโสลำดับหก ผู้มีฉายาว่าเทพปักษาเหินหาว บัดนี้ได้เหินหาวอยู่กลางอากาศจริง ๆ

มันไม่มีโอกาสได้เหยียบเท้าลงบนพื้นดินเลยสักครั้ง

ในที่สุด ลำแสงกระบี่สีฟ้าม่วงก็สามารถทะลวงแผ่นเกราะขนนกของมันได้แล้ว

ฟู่!

ม่านโลหิตสาดกระจายในอากาศ

ทันใดนั้น บรรดาผู้คนที่รับชมการประลองก็อดแสดงสีหน้าหวาดผวาและเวทนาออกมาไม่ได้

พวกเขารู้สึกสงสารบรรดามนุษย์ปักษา

นับว่าตัวประหลาดเหล่านี้ต้องตายอย่างน่าอนาถมากเกินไป

โลหิตสาดกระจาย

ซากศพแหลกสลาย

แม้แต่เศษกระดูกก็ไม่มีเหลือ

ลำแสงกระบี่สีฟ้าม่วงนั้นไม่ต่างจากคมเคียวยมทูต เพียงเวลาไม่กี่ลมหายใจ ร่างกายของมนุษย์ปักษาผู้อาวุโสลำดับหกก็แหลกสลายกลายเป็นผุยผง

ผู้มีพลังขั้นเซียนอีกรายหนึ่งต้องเสียชีวิตลงแล้ว

เสียชีวิตลงด้วยน้ำมือของเจ้าเด็กหนุ่มร่างอ้วนผู้ไม่มีใครทราบที่มาที่ไปของจักรวรรดิเป่ยไห่

แต่เมื่อการต่อสู้ครั้งนี้จบลง ฉายานามว่ามือสังหารสุกรโลหิตของเซียวปิงก็โด่งดังไปทั่วแผ่นดินตงเต้า

สมาชิกของเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาขนแดงที่เหลืออยู่รีบแสดงตัวขอยอมแพ้ และพวกมันก็หลบหนีไปโดยไม่สนใจเก็บกวาดเศษซากศพตัวแทนของตนเองเลยสักนิด

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เซียวปิง

พวกเขารู้สึกว่าตนเองได้ค้นพบเพชรเม็ดงามคนใหม่ของแผ่นดินตงเต้า

ในไม่ช้า ชื่อเสียงของเซียวปิงก็จะโด่งดังไปทั่วทุกแว่นแคว้นและได้รับความสนใจจากยอดสำนักยุทธ์ชื่อดังจำนวนมาก

เด็กหนุ่มร่างอ้วนแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย ในที่สุดเขาก็ไม่ได้ทำให้ท่านพี่ต้องอับอายขายหน้า ดังนั้นเซียวปิงจึงลอยตัวหมุนวนรอบลานประลองหนึ่งรอบพร้อมกับสาดลูกกระสุนปืนกลมือขึ้นฟ้าไปอีกชุดใหญ่เพื่อแสดงความยิ่งใหญ่เกรียงไกร ก่อนจะทิ้งตัวกลับลงไปยังตำแหน่งที่นั่งของสำนักคฤหาสน์กำยานอีกครั้ง

แต่ยังไม่ทันที่เซียวปิงจะได้พูดอะไร หลินเป่ยเฉินกลับลุกขึ้นมาตบศีรษะของเขาอย่างแรงด้วยความเดือดดาล

เพี้ยะ!

“บ้านเจ้ารวยนักหรือไง…”

คุณชายหลินเดือดดาลขึ้นมาจริง ๆ

ทุกครั้งที่เซียวปิงยิงกระสุนปืนกลมือออกไป น้ำตาของหลินเป่ยเฉินก็ไหลรินอยู่เต็มหัวใจ

ราคาของลูกกระสุนเหล่านั้นทำให้หลินเป่ยเฉินอยากร้องไห้ออกมายิ่งนัก

แต่เจ้าอ้วนกลับไม่รู้จักถึงคุณค่าของลูกกระสุนเหล่านั้นเลย

หลินเป่ยเฉินรู้สึกจิตใจแหลกสลาย

อีกอย่าง หลินเป่ยเฉินเริ่มเกิดความรู้สึกว่าเซียวปิงชักจะโดดเด่นเกินหน้าเกินตาเขามากไปแล้ว!!