ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 901 ทวนเดียวทำลายฟ้าดิน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หลังจากกลางฝ่ามือและบนหน้าผากของฟู่ถิงมีลวดลายไท่จี๋ปรากฏ มิติของฟ้าดินในสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยก็เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง

มิติของโลกค่อยๆ ถูกทะเลเพลิงกลืนกินพลันบิดเบี้ยวขึ้นมา

พลังที่กลับตาลปัตรกันสองขั้วแผ่พุ่งออกมา โดยมีตำหนักใต้ฝาเท้าเป็นศูนย์กลาง

ทว่าฟู่ถิงเพิ่งจะขยับ กลางฝ่ามือและกลางหน้าผากของนางก็พลันเกิดเปลวไฟกลุ่มหนึ่งลุกไหม้ขึ้น

เปลวเพลิงกลายเป็นตราอาคมสายหนึ่ง สะกดลวดลายไท่จี๋ที่กลางฝ่ามือและบนหน้าผากของฟู่ถิงในชั่วอึดใจ

เสียงของเทพอัคคีองค์นั้นดังมาจากกลางอากาศ “ข้าไม่คิดจะลดตัวไปยุ่งกับผู้เยาว์เช่นพวกเจ้า เจ้าพานมาตอแยเอง”

“แต่จงรู้ไว้เสียว่า ข้าไม่ถือสาที่จะได้ฆ่าพวกเจ้าเช่นกัน”

ตราอาคมเปลวเพลิงนั้นเริ่มกลืนกินลวดลายไท่จี๋บนร่างของฟู่ถิงในทันที

แก้มและบนมือของฟู่ถิงกำลังจะติดสะเก็ดไฟเช่นกัน

เสื้อขนหงส์เพลิงที่เป็นของวิเศษบนร่างของนาง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น

เส้นไหมสีเงินยวงที่กะพริบแสงอัคคีสีแดนฉายสายหนึ่งพลันลอยขึ้นมา วนเวียนไปรอบๆ กั้นเพลิงไร้สิ้นสุดไว้ด้านนอก

แต่เมื่อเผชิญกับตราอาคมเปลวเพลิง มันแค่แตะใส่ก็สลายไปทันที ไม่อาจต้านทานได้

กลับเป็นตรงกลางลวดลายไท่จี๋บนหน้าผากของฟู่ถิง ที่เดิมทีถูกสะกด แต่บัดนี้พลันมีแสงสว่างขึ้น

ตำหนักที่อยู่กลางสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยซึ่งอยู่ใต้ฝ่าเท้าของฟู่ถิง ก็สว่างขึ้นมาเช่นกัน

พลังที่กลับตาลปัตรสองขั้วเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังรุนแรงและยิ่งใหญ่กว่าเมื่อครู่!

เทพอัคคีที่อยู่กลางอากาศชะงักเล็กน้อย “การสะกดจากการโจมตีของข้ากลับไปกระตุ้นสะกดซ่อนเร้นชนิดที่สองหรือ เป็นคลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้า เหนือกว่านักพรตเสวียนจงอย่างแท้จริง”

ในวินาทีนี้สถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยถึงกับมีสภาวะพังทลาย

ไม่ใช่เพราะพลังของทวนพระอังคาร แต่มาจากสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย

ฟ้าดินทั้งหมดต่างยุบตัวลงเข้าไปตรงกลาง

พลังที่ยิ่งใหญ่นี้ยามนี้ถูกเสริมลงบนร่างของฟู่ถิง

ครั้นได้รับการเสริมพลัง ฟู่ถิงก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเพราะตราอาคมเปลวเพลิงนั้นอีก

ทุกสิ่งบังเกิดขึ้นในชั่วพริบตา

ฟู่ถิงเองก็มีแค่พริบตาเดียวนี้ให้ใช้ประโยชน์

นางตบฝ่ามือลงด้านล่างใส่อากาศ ตำหนักตรงหน้ากลายเป็นละอองแสงสีขาวดำทันที

หยินหยางหมุนเวียนกลายเป็นรูปไท่จี๋ ม้วนฟู่ถิง ลูกศิษย์ยอดเขาอัศจรรย์ เยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ และยอดฝีมือเผ่ามังกรที่ถูกเพลิงผลาญร่างสามตัวนั้นไว้พร้อมกัน

ทุกคนลอยไปยังจุดที่ยุบตัวลงตรงกลางนั้น กำลังจะหายไป

พลังที่กอปรกันขึ้นมาจากการพังทลายของฟ้าดินในสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย ทำให้เปลวเพลิงที่อยู่บนร่างของยอดฝีมือเผ่ามังกรสามตนนั้นดับลงในที่สุด

ฟ้าดินแห่งนี้ถึงอย่างไรก็เป็นที่บำเพ็ญที่จักรพรรดิแพรงามบุกเบิก ฟู่ถิงยังเด็ดเดี่ยวเหลือประมาณ สุดท้ายช่วยดึงชีวิตมังกรเขียวสามตัวนั้นออกมาจากห้วงความตาย

ทว่าในยามนั้นเอง เทพอัคคีที่ยืนตระหง่านอยู่กลางมิติ แม้ว่าฟ้าดินจะถล่มก็ไม่ขยับองค์นั้น ก็พลันเคลื่อนไหวขึ้นมาแล้ว

“เป็นดรุณีที่โดดเด่นยิ่ง มีลักษณะของผู้เป็นบิดาอยู่ไม่น้อย”

คล้ายกับเสียงคำรามของมังกรอันยิ่งใหญ่ดังขึ้นจากที่ที่อยู่ไกลไร้สิ้นสุด

ครู่ต่อมา ร่างอันใหญ่โตที่สูงเก้าจั้งนั้นก็ระเบิดออก กลายเป็นลำเพลิงกระจายเต็มฟ้า

ทวนที่มีวงเดือนสองข้างเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากในทะเลเพลิง เหมือนกับทวนวงเดือนของลิโป้ในความทรงจำของเยี่ยนจ้าวเกอ

เพียงแต่ทวนใหญ่เล่มนี้เป็นสีแดงฉาน สลักด้วยลวดลายมังกร

“มีความกล้า มีความสามารถ ถึงข้าไม่ฆ่าเจ้า แต่เจ้าก็ต้องถูกลงโทษ”

ทวนวงเดือนสีแดนฉานวาดวงโค้งกลางอากาศ

แสงอัคคีกะพริบ รูปไท่จี๋สีดำขาวที่ยุบลงตรงกลาง ถูกทำลายอย่างสะเทือนเลือนลั่น!

พวกเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ และฟู่ถิงกำลังจะถอยเข้าไปในทางเชื่อมมิติ ที่เกิดจากการพังทลายของสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยเพราะการม้วนพัดจากรูปไท่จี๋

ทว่าหลังจากแสงอัคคีกะพริบขึ้น ทางเชื่อมมิติก็แตกฉานซ่านเซ็นในชั่วอึดใจ!

ทุกคนต่างพยายามหยุดยั้งท่าร่างของตัวเอง แต่ก็กระจัดกระจายกันออกมา แยกกลุ่มกันถูกม้วนพัดเข้าไปในมิติที่แตกต่างกัน

ภาพสุดท้ายที่ปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของพวกเยี่ยนจ้าวเกอก็คือ แสงอัคคีสีแดงฉานสายนั้นสว่างวาบขึ้น ยอดฝีมือเผ่ามังกรสามตนตกตายจนหมดสิ้น!

ร่างมังกรขนาดมหึมาล้วนถูกสะบั้นเอวขาด!

ตรงปากแผลมีเพลิงลุกไหม้ขึ้นมา เผาผลาญร่างมังกรที่ถูกตัดเป็นหกท่อนให้หายไป

ฝุ่นตลบควันสลาย ไม่เหลือร่องรอยใดๆ

ไกลออกไปในทางตรงกันข้ามของมิติที่แหลกสลาย แสงอัคคีผนึกรวมกันกลายเป็นเทพอัคคีที่เหยียบมังกรสองตัวองค์นั้นอีกครั้ง

ยักษ์อัคคียืนตระหง่านอยู่กลางมิติ ไม่ได้ไล่ตามและไม่ได้ถอยหนี เพียงยืนอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ คล้ายกับกำลังรอจักรพรรดิแพรกลับมา

เยี่ยนจ้าวเกออยู่ในมิติที่สับสน ครั้นหันไปมองอีกด้าน ก็เห็นบิดาของตนติดอยู่ในกระแสปั่นป่วนของมิติที่สับสนเช่นกัน

พ่อลูกสบตากัน ต่างหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้

พวกตนครั้งนี้เป็นบ่อปลาถูกไฟลามโดยแท้ ถูกยอดเขาอัศจรรย์และเผ่ามังกรลากเข้ามา ก่อนจะมานึกไม่ถึงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดขึ้น

ทั้งสองส่งสัญญาณว่าไม่ต้องเป็นห่วงให้แก่กัน สองพ่อลูกได้แต่หยุดท่าร่างในมิติที่แหลกสลาย ไหลไปตามเกลียวคลื่น ต่างลอยเข้าไปในคนละทิศ

ด้วยพลังฝึกปรือในปัจจุบันของทั้งสองคน กลับไม่มีอันตราย

ปัญหาเดียวอยู่ที่ หากจะกลับโลกซ้อนโลก จำเป็นต้องสิ้นเปลืองความพยายามบ้าง

เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจ ‘แผนการไม่เร็วเท่าการเปลี่ยนแปลง ก่อนหน้านี้ยังคิดอยู่เลยว่า ถ้าจักรพรรดิเอกภพกำเนิดถูกจักรพรรดิแพรงามสะกดไว้ ขออย่ามีกำลังเสริมมาจะประเสริฐสุด สุดท้ายกลับมีทวนพระอังคารมาสร้างปัญหาให้’

‘นี่คิดแง่ดีไม่ตรงเผง คิดแง่ร้ายกลับตรงเผงโดยแท้…’

ชายหนุ่มส่ายหน้าเล็กน้อย ตั้งท่าร่างของตัวเอง

เขาฝึกฝนกระบี่ลวงเซียน เข้าใจวิถีการเปลี่ยนแปลงของมิติและเวลาอย่างถ่องแท้ ในยามนี้เมื่อติดอยู่ในกระแสปั่นป่วนของมิติ จึงไม่รู้สึกไม่หวั่นวิตกมากนัก

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอต้องหนักใจก็คือ ฟู่ถิงลอยอยู่ในกระแสมิติสายเดียวกันกับเขาโดยบังเอิญ

ด้วยเหตุนี้ เยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่อาจใช้กระบี่ลวงเซียนออกมา

ฟู่ถิงยามนี้ขออภัยต่อเยี่ยนจ้าวเกอ “เพราะข้าอวดฝีมือ ต้องการอาศัยผนึกที่ท่านพ่อทิ้งไว้ในสถานบำเพ็ญ ช่วยเหลือผู้อาวุโสเผ่ามังกรสามท่าน สุดท้ายก็ยังลากพวกท่านพ่อลูกเข้ามาพัวพัน คุณชายเยี่ยนโปรดให้อภัยด้วย”

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร แม่นางฟู่เกรงใจแล้ว”

ทวนพระอังคารเล่มนี้มีนิสัยเป็นของตัวเอง ไม่แตกต่างกับยอดฝีมือระดับจักรพรรดิ

มันมีนิสัยแข็งกร้าว แต่ก็ใจกว้างยิ่ง

หากฟู่ถิงไม่สอดมือ เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สมควรไม่เป็นอะไร

หลังจากทวนพระอังคารสังหารยอดฝีมือเผ่ามังกรสามตนนั่นแล้ว ก็น่าจะปล่อยเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ออกไป พวกฟู่ถิงอาจจะถูกจับไว้เพื่อใช้ล่อจักรพรรดิแพรมา แต่ก็อาจจะถูกปล่อยไป อย่างน้อยก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต

การลงมือเมื่อครู่ของฟู่ถิงทำให้อีกฝ่ายทำลายสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยโดยสิ้นเชิง เป็นเหตุให้ทุกคนพลัดหลงอยู่ในกระแสปั่นป่วนของมิติ

กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่โทษว่าเป็นเพราะฟู่ถิง

เพราะถ้าหากเปลี่ยนมุมมอง หากคนที่มาเยือนในครั้งนี้เป็นจักรพรรดิเอกภพกำเนิด เพื่อหาเรื่องเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูก ฟู่ถิงก็น่าจะช่วยพวกเยี่ยนจ้าวเกออย่างเต็มที่ เนื่องจากพวกเขาก็เป็นแขกของยอดเขาอัศจรรย์เช่นกัน

แน่นอนว่าที่เขาใจกว้างถึงเพียงนี้ จะมากจะน้อยเป็นเพราะผลลัพธ์ในตอนนี้ไม่ได้แย่มากมายอะไรนัก ยังอยู่ในขอบเขตที่เยี่ยนจ้าวเกอรับได้

กลับเป็นคำพูดเมื่อครู่ของทวนพระอังคาร ที่สร้างความสนใจให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอหลายส่วน ‘ข้าไม่ได้ตั้งใจ เขากลับมีความตั้งใจ…อย่างนั้นหรือ’

………………..