เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกมาสีหน้าของทุกผู้คนมันก็เปลี่ยนสีไปทันที
เฉินหยานนั้นแทบจะอกแตกตาย
ทำไมเจ้าเด็กคนนี้ถึงไม่ได้รู้วิธีการเอาตัวรอดตามน้ำไป?
หากเขาแค่รอให้พวกเฉินลี่บรรลุขึ้นได้ ด้วยกำลังของสองอาณาจักรพระเจ้าแล้วมีหรือที่ยังจะต้องกลัวหลัวเซิงใด?
“อาหนิง รีบคุกเข่าเร็ว! พระเจ้านั่นมิใช่ตัวตนที่จะถูกลบหลู่ได้!” เฉินหยานรีบร้องบอก
แต่เย่หยวนกลับส่ายหัวออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง “ปู่หยาน ข้าคิดแล้วจริงๆ ว่าเขาคงไม่อาจรับมันไว้ได้!”
“ฮ่าๆๆ…”
หลัวเซิงนั้นได้แต่หัวเราะลั่นขึ้นมา “ขยะที่ไม่มีแม้แต่พลังปราณกลับกล้าบอกว่าเทพผู้นี้ไม่อาจรับการคุกเข่าจากเจ้าได้? เจ้าจะสร้างเรื่องให้ได้ใช่หรือไม่?”
เย่หยวนก้มหน้าคิดอีกครั้งก่อนจะกล่าวออกมา “ข้าคงไม่อาจทำตาที่เจ้าบอกได้แม้ต้องตาย!”
หลัวเซิงพยักหน้ารับก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง “ไป ทำให้มันคุกเข่าลง! หากมันไม่ยอมก็หักขามัน!”
เฉินหยานนั้นหน้าถอนสีลงคิดจะลุกขึ้นยืนแต่กลับได้ยินเสียงของหลัวเซิงดังขึ้นมาก่อน “ห้ามใครขยับ! ใครขยับตาย!”
ทุกผู้คนต่างเงียบปากลงและหยุดการเคลื่อนไหวใดๆ สิ้น
พวกเขานั้นแค่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเย่หยวนจึงได้ดื้อรั้นปานนี้
แค่ก้มหัวคุกเข่ามันไม่เคยจะทำให้ใครตายเสียหน่อย
ลูกน้องที่ได้รับคำสั่งมาผู้นั้นรีบเดินเข้ามาหาเย่หยวนทันที
ในเวลานี้เองที่จู่ๆ อาซิ่วก็พุ่งตัวลุกขึ้นยืนบังหน้าเย่หยวนไว้ “เจ้าห้ามแตะต้องเขา!”
เผียะ!
อาซิ่วลอยลิ่วไปด้วยฝ่ามือเพียงฝ่ามือเดียวนี้
“ท่านเทพบอกว่าเจ้าห้ามขยับ เจ้าหูหนวกหรือ?”
พูดไปลูกน้องคนนั้นก็ยกชักดาบออกมาพร้อมคิดจะฟันลงใส่อาซิ่วอย่างไม่ปรานี
“อาซิ่ว!”
เฉินหยานหน้าซีดเผือดลง แต่หากคิดจะไปขวางมันก็คงไม่ทันเสียแล้ว
เย่หยวนเองก็หน้าเปลี่ยนสีพร้อมยกมือขึ้นมาขวางตัวอาซิ่วไว้อย่างไม่ทันคิดใดๆ คิดใช้ร่างกายของตนเองรับดาบนั้นไว้แทนตัวนาง
เคร้ง!
เจ้าดาบที่ฟันถูกร่างของเย่หยวนนั้นแตกสลายออกพร้อมด้วยเสียงเหล็กดังกังวาน
สีหน้าของเหล่าชาวบ้านทั้งหลายเปลี่ยนสีไปอีกครั้งหนึ่ง
ทีแรกพวกเขาทั้งหลายย่อมได้แต่ต้องร้องกล่าวคิดว่าเย่หยวนคงตายแน่แล้ว
แต่เย่หยวนกลับไม่ตาย
ดาบนั้นกลับแตกหักลงแทน!
ใช่แล้ว ดาบนั้นแตกหักลงอย่างไม่เหลือชิ้นดีราวกับเป็นบานกระจกที่ร่วงกระทบพื้น
“อ่า! มือข้า!”
ลูกน้องผู้นั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะเศษดาบที่แตกสลายลงนั้นมันปักลงเข้าลึกลงในนิ้วโป้งและนิ้วชี้ของเขา
นั่นทำให้คนทั้งหลายหน้าเปลี่ยนสีตกตะลึงไปตามๆ กัน คนโดนฟันยืนเฉยส่วนคนฟันกลับร้องร่ำเลือดท่วมมือ?
“เกิดอะไรขึ้นกัน? หรือว่าร่างกายของอาหนิงนี้จะแข็งแกร่งเหมือนเหล็ก?”
“เจ้าหมอนี่มันแปลกเกินไปจริงๆ!”
…
หลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะขึ้นมาด้วยท่าทางสบายๆ ทั้งยังมีร่างกายที่ทนดาบทนหอกได้
แม้ว่าจะสูญเสียความทรงจำไปแต่คนผู้นี้ก็ยังเก่งกาจจนเกินคน!
เวลานี้ใบหน้าของเฉินยองต้องกระตุกขึ้นคิดถึงตอนที่เย่หยวนผ่าฟืนขึ้นมาในหัว หรือว่าแท้จริงแล้วเจ้าหมอนี่จะเป็นผู้ฝึกฝนร่างกายมาก่อน?
ตอนนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจปฏิเสธคำของปู่หยานที่เคยบอกไว้ว่าเย่หยวนนั้นคงมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา!
หลัวเซิงหรี่ตาลงแคบพร้อมกล่าวขึ้น “ไม่แปลกใจเลยว่าเจ้าจำโอหังได้ปานนี้ ที่แท้เจ้าเป็นนักยุทธผู้บ่มเพาะร่างกายนี่เอง! แต่ต่อหน้าเทพผู้นี้แล้วเจ้าย่อมไร้ค่าใด!”
จากนั้นเขาก็พุ่งร่างขึ้นพร้อมด้วยคลื่นพลังหนักหน่วงราวขุนเขาพุ่งทะยานลงมาจากฟ้า
สีหน้าของเหล่าชาวบ้านทั้งหลายต่างซีดขาวด้วยคลื่นพลังอันนี้
นี่คือพลังของอาณาจักรพระเจ้า!
นี่คือพลังที่ทำลายฟ้าดินลงได้!
“ตาย!”
หลัวเซิงร้องบอกพร้อมพุ่งตัวเข้าใส่เย่หยวนด้วยฝ่ามืออันหนักหน่วง
เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังหนักหน่วงตรงหน้า แม้แต่เย่หยวนเองก็ยังต้องยืนหน้าซีด
เขานั้นอยากจะหลบฝ่ามือนี้ แต่หากเขาหลบไปคนที่โดนก็คงเป็นอาซิ่วแล้ว
เมื่อไม่มีทางเลือกเย่หยวนจึงได้แต่ต้องกัดฟันแน่นรอรับพลังของมัน
ปัง!
ตุบ ตุบ ตุบ…
หลัวเซิงกลิ้งหงายหลังไปหลายตลบก่อนจะค่อยๆ คลานลุกขึ้นมาได้
เขาได้แต่ต้องจ้องมองดูเย่หยวนด้วยความตกตะลึง
ฝ่ามือของเขานี้มันกระทบร่างของเย่หยวนเข้า แต่เป้าหมายกลับยืนนิ่งขณะที่มือของเขานี้แทบหักลง!
เจ้าหมอนี่มันจะแข็งปานนี้ได้อย่างไร?
เหล่าชาวบ้านทั้งหลายต่างมองดูเย่หยวนด้วยความตกตะลึงหนักกว่าเก่า
อาณาจักรพระเจ้านั้นเก่งกาจเหนือฟ้ามิใช่หรือ?
ทำไมเมื่อคนเช่นนั้นโจมตีอาหนิงผู้นี้แล้ว เขากลับไม่อาจทำอะไรอาหนิงได้เลยเล่า?
หลัวเซิงได้แต่กัดฟันแน่นด้วยความอับอาย “เด็กน้อย เจ้ากล้าดีเหลือเกิน! แต่ข้าอยากรู้เสียจริงว่าเจ้าจะปกป้องคนได้สักกี่คน! ฆ่ามัน! อย่าให้เหลือแม้สักชีวิต!”
หลัวเซิงนั้นนำกำลังมหาศาลมาด้วย มันเป็นกองกำลังที่เหนือล้ำกว่าที่หมู่บ้านตระกูลเฉินนี้จะเทียบเคียง
ทั้งยังมีตัวหลัวเซิงคนนี้ ยอดฝีมืออาณาจักรพระเจ้าเพียงคนเดียวของดินแดนอยู่ด้วย
ทางหลัวเซิงนั้นหรี่ตาลงมองหันไปหาเฉินหยาน “เจ้าเฒ่า คิดขัดคำสั่งเทพเจ้า รนหาที่ตายแท้!”
“หยุด!”
แต่ก่อนที่ใครจะทันได้ลงมือทำเรื่องราวใดมันก็เกิดคลื่นพลังรุนแรงสองสายพุ่งลงมาต่อหน้าทุกผู้คน
“ผู้ใหญ่!”
“อาเจียน!”
เมื่อชาวบ้านทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เริ่มมีสีกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง
เมื่อเฉินหยานเห็นภาพตรงหน้าเขาก็ต้องเบิกตากว้างอ้าปากค้าง “เจ้า… พวกเจ้าบรรลุได้รวดเร็วปานนี้ได้อย่างไร?”
เฉินลี่จึงยิ้มขึ้นมา “ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นกัน แต่เมื่อได้กลืนโอสถนั้นลงไปแล้วอาณาจักรของข้าก็พุ่งผ่านขั้นสุดไปจนถึงอาณาจักรปฐมพระเจ้าได้อย่างไม่ต้องทำอะไรแม้แต่น้อย ไม่ต้องพยายามแม้สักนิด!”
เฉินเจียนพูดขึ้นตาม “ข้าด้วย! ที่สำคัญไปกว่านั้นนั่นมันยังแค่เริ่มต้น เพราะเมื่อข้าบรรลุขึ้นมาได้แล้วอาณาจักรของข้ากลับไม่หยุดพัฒนาและพุ่งทะยานผ่านขึ้นไปถึงอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นปลายได้ในคราเดียว”
เฉินลี่พยักหน้าตอบขึ้น “ข้าก็เช่นกัน! ที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือการบรรลุจนถึงอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นปลายนี้ข้ากลับมีฐานอาณาจักรที่สุดแสนแน่นหนาสมบูรณ์ ไร้ซึ่งความไม่เสถียรใดๆ!”
เฉินลี่และเฉินเจียนนั้นไม่ได้แค่บรรลุขึ้นอาณาจักรปฐมพระเจ้ามาได้ แต่พวกเขาทั้งสองกลับเป็นถึงอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นปลาย
ทางด้านหลัวเซิงที่ได้เห็นคนทั้งสองต้องอ้าปากค้างด้วยใบหน้าขาวซีด
เขานั้นได้แต่ไม่พอใจเย่หยวนจนลืมมองหายอดคนทั้งสองของหมู่บ้านนี้ไป ไม่ได้รู้เลยว่าคนทั้งสองไม่ได้อยู่ในกลุ่มคน
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าพริบตาเดียวนี้เฉินลี่และเฉินเจียนกลับจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นยอดฝีมืออาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นปลายได้?
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ตัวหลัวเซิงเองนี้เป็นแค่อาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นต้น
แค่ฝ่ามือเดียวของพวกเฉินลี่ก็มากพอจะสังหารเขาลงแล้ว
แต่ในเวลานี้เป้าหมายที่สายตาของคนทั้งหลายมองดูไปมันย่อมมิใช่ตัวหลัวเซิงใดๆ แต่เป็นตัวเย่หยวน
เจ้าหมอนี่มันหลอมโอสถอะไรขึ้นมากันแน่!
เวลานี้แม้แต่เฉินหยานเองก็ยังต้องตื่นตะลึง
เขานั้นย่อมจะไม่เคยได้ยินว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะใดจะช่วยให้คนบรรลุขึ้นอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นปลายได้ในคราเดียว!
เรื่องราวเช่นนั้นมันคือนิทานหลอกเด็กอย่างแท้จริง!
เพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้เข้าใจถึงโอสถขั้นเทวะมากมายใดๆ มาแต่แรก
เรื่องของขั้นเทวะม่วง ขั้นเทวะโมฆะ ขั้นเทวะวิญญาณไพศาลใดๆ นั้นคนอย่างเขาย่อมไม่อาจรับรู้ถึงมันได้
แน่นอนว่าหากเขายิ่งรู้ เขาก็คงยิ่งมีแต่ตะตื่นตะลึง
มีหรือที่เขาจะทราบได้ว่าโอสถใจหยกที่เย่หยวนหลอมขึ้นมานี้มันเป็นถึงยอดขั้นเทวะวิญญาณไพศาล?
แม้ว่าเย่หยวนในเวลานี้จะเสียความทรงจำสิ้นแต่ทักษะการหลอมโอสถของเขานี้มันถูกหล่อหลอมเข้ากับทุกส่วนของร่างกาย
การหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งนั้นมันเหมือนการเอาขีปนาวุธยิงฆ่ายุง เป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตนอย่างแท้จริง
“อ-อ่า เรื่องอาหนิงค่อยไปว่ากันทีหลัง เวลานี้เรายังมีเรื่องต้องจัดการตรงหน้าอยู่” เฉินหยานพูดออกมาด้วยท่าทางยังตื่นตะลึงไม่หาย
เฉินลี่พยักหน้ารับก่อนจะหันไปหาหลัวเซิงด้วยจิตสังหารหนักหน่วง
ตุบ!
หลัวเซิงเองก็ไม่รอช้ารีบคุกเข่าลงกับพื้นด้วยน้ำตานองหน้าทันที “ท-ท่านทั้งสอง ข้าน้อยนั้นมีตาหามีแววไม่! ข้า… ข้าขอร้องท่านเถิด โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย จากวันนี้ไปหมู่บ้านตระกูลหลัวเราจะติดตามรับใช้หมู่บ้านตระกูลเฉินไป! อ่า จริงด้วย หลายปีมานี้ข้าน้อยนั้นได้รับขอสักการะมามากมาย หวังว่าจะมอบมันให้ท่านทั้งหลายได้ใช้งาน!”
เฉินลี่ที่ได้ยินก็หรี่ตาลงถามทันที “มีสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?”
หลัวเซิงจึงพยักหน้ารับทันที “มี! มีแน่นอน!”
เฉินลี่และเฉินเจียนที่ได้ยินจึงยิ้มกว้างขึ้นมา
………………………