ภายใต้สายตาที่รอคอยของคนในหมู่บ้านทั้งหลายนั้นเฉินยองและอาซิ่วก็ได้ก้าวเดินออกมาจากการเก็บตัวแทบพร้อมกัน
พร้อมด้วยคลื่นพลังจากร่างกายที่แตกต่างจากเดิมไปสิ้น!
อาณาจักรพระเจ้า!
หลังจากที่คนทั้งสองกลืนโอสถใจหยกที่เย่หยวนหลอมลงไปพวกเขาก็บรรลุขึ้นอาณาจักรพระเจ้าได้อย่างไม่ต้องลำบากลำบนใด!
ที่สำคัญไปกว่านั้นเวลานี้คนทั้งสองยังก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นกลาง
พลังของเจ้าโอสถนี้มันทำให้คนทั้งหลายต้องอ้าปากค้างตาถลน
มีโอสถวิเศษเช่นนี้ มันยังจะต้องบ่มเพาะใดๆ อีกหรือ?
ก่อนหน้านี้เฉินยองและอาซิ่วย่อมยังยังอยู่ห่างจากอาณาจักรเต๋าลึกล้ำขั้นสุดไปมาก
แต่พริบตาเดียวพวกเขาก็ก้าวผ่านอาณาจักรพระเจ้าขึ้นมาได้
นี่มันคือสิ่งที่อยู่เหนือล้ำฟ้า แต่จู่ๆ หมู่บ้านตระกูลเฉินนี้กลับสร้างพวกเขาขึ้นมาได้ถึงสี่คน ชาวบ้านทั้งหลายย่อมจะรู้สึกราวกับตัวเองกำลังนอนหลับฝันไป
“ชิๆ อาหนิงนี่เป็นสมบัติล้ำค่าของหมู่บ้านเราเสียจริง!”
“ลุงหยาน ท่านนำพาสมบัติเข้ามาในหมู่บ้านเราโดยแท้!”
“อาหนิง ชวนเอ๋อของข้าเองก็กำลังเข้าวัยแต่งงานพอดี เจ้าช่วยรับนางไปหน่อยได้หรือไม่?”
…
ชาวบ้านทั้งหลายย่อมรุมล้อมเย่หยวนไว้อย่างรอบด้าน บ้างก็ดึงบ้าก็ดันจนทำให้เย่หยวนแทบหายใจไม่ออก
“เอาล่ะๆ! อาหนิงนั้นมิใช่คนที่จะมาจมอยู่ในที่แบบนี้ หมู่บ้านเราไม่อาจรั้งเขาไว้ได้หรอก!” เฉินหยานเดินเข้ามาไล่คนทั้งหลายให้ออกห่างจากตัวเย่หยวนไป
เขานั้นไม่ได้หลงไหลเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้าจนโงหัวไม่ขึ้น การที่สามารถหลอมโอสถเช่นนี้ขึ้นมาได้มันย่อมจะเป็นเครื่องยืนยันอย่างชัดเจนว่าเย่หยวนนั้นมิใช่คนธรรมดา
มีหรือที่หมู่บ้านตระกูลเฉินน้อยๆ นี้จะรั้งยอดคนระดับเขาไว้ได้?
เฉินหยานนั้นได้แต่ต้องแอบหันไปมองดูหลานสาวอย่างสงสาร เมื่อได้เห็นดวงตาของนางในเวลานี้ตัวเขาก็ได้แต่ต้องถอนหายใจยาว
เดิมทีแล้วทุกผู้คนต่างคิดว่าอาซิ่วและอายองนั้นเป็นกิ่งทองใบหยก แต่การปรากฏตัวของเย่หยวนมันได้เปลี่ยนทุกอย่างไป
เพียงแค่ว่าแม้จะเป็นดอกไม้ที่งดงามปานใด มันก็คงไม่มีประโยชน์หากอีกฝ่ายไม่เห็นค่า!
ต่อให้เวลานี้อาซิ่วจะก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรพระเจ้าแล้ว แต่มันก็คงไม่อาจเทียบเคียงมาคู่เย่หยวนได้
ต่อให้เขาจะไม่เข้าใจว่าโอสถใจหยกนี้มันเหนือล้ำปานใด แต่เขาก็รู้ดีว่ามันเหนือกว่าที่ตัวเองจะจินตนาการได้!
เย่หยวนนั้นสามารถหลอมโอสถระดับนั้นออกมาได้ในสภาพที่เสียความทรงจำและไร้ซึ่งปราณเทวะใดๆ แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าเขาเป็นคนในระดับไหน
“อายอง อาซิ่ว ทำไมยังไม่มาขอบคุณอาหนิงอีกเล่า?” เฉินหยานกล่าวขึ้น
เฉินยองนั้นได้แต่ทำหน้าไม่พอใจแต่สุดท้ายก็ยังเดินเข้ามาก้มหัวลงขอบคุณ “ขอบคุณมากอาหนิง!”
ส่วนทางอาซิ่วนั้นร้องกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้น “อาหนิง โอสถนี้มันวิเศษสุดๆ ไปเลย! หลังข้ากลืนมันลงไปแล้วก็ราวกับว่าการบ่มเพาะเกิดขึ้นในร่างกายอย่างไม่ต้องควบคุมใดๆ บรรลุขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าในพริบตา!”
เย่หยวนได้แต่ยกมือขึ้นมาเกาหัว “อ่า มันดีขนาดนั้นเลยหรือ? ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่!”
อาซิ่วได้แต่พยักหน้ารับ “ดีมาก! ดีสุดๆ ไปเลยล่ะ! เจ้าไม่เห็นหน้าของหลัวเซิงมันหรือ? ดูแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยซ้ำ!”
เย่หยวนได้แต่ยิ้มออกมาเพราะเมื่อคิดย้อนกลับไปมันก็คงเป็นโอสถวิเศษจริงๆ
…
หลังผ่านไปได้อีกหลายวันในที่สุดเฉินเจียนก็พาตัวหลัวเซิงกลับมา
ทุกผู้คนนั้นได้แต่สงสัยไม่รู้ว่าเฉินเจียนเอาอะไรกลับมาบ้าง
ต่อหน้าทุกผู้คนนี้เฉินเจียนได้หัวเราะขึ้น “ข้าต้องขอบอกเลยนะว่าเจ้าหมอนี่มันซ่อนสมบัติไว้มากมายจริงๆ! หมู่บ้านตระกูลหลัวนั้นถึงขั้นมีสวนน้อยปลูกสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายไว้ภายใน ครั้งนี้ข้าจึงกวาดมาเรียบ”
เมื่อเฉินหยานได้ยินเช่นนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นพร้อมๆ กับชาวบ้านทั้งหลาย
เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดในเวลานี้มันย่อมจะเป็นสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์!
ถามว่าสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นมันมีค่าใด?
แค่ต้นอ่อนของหญ้าใจหยกยังสามารถสร้างยอดฝีมืออาณาจักรปฐมพระเจ้าได้ถึงสี่คน
หากมันมีสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มากกว่านั้น… อะไรจะเกิดขึ้นคงไม่ต้องถามกันอีก
ชาวบ้านทั้งหลายต่างร่ำร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นเพราะหากสมุนไพรมีมากพอ พวกเขาเองก็อาจจะก้าวขึ้นถึงอาณาจักรพระเจ้าได้มิใช่หรือ?
โครม!
เฉินเจียนเทของที่แบกมาในแหวนลงสู่พื้นจนทำให้เฉินหยานต้องเบิกตากว้างสีหน้าราวกับได้เห็นทองคำกองอยู่ตรงหน้า
“หญ้าขาดมิติ โสมเงินแข็ง ดอกไร้ตะเข็บ… แล้วนี่มันหญ้าใจหยกอีกด้วย! ไม่นึกเลยว่าหมู่บ้านตระกูลหลัวจะเก็บของดีไว้ได้มากมายปานนี้!” เฉินหยานได้แต่ร้องขึ้นอย่างตื่นเต้น
ที่ด้านข้างนั้นทางหลัวเซิงได้แต่ต้องก้มหน้าต่ำอย่างเจ็บใจ
เพราะสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายนี้มันคือสิ่งที่เขาเก็บเกี่ยวมาหลายปีคิดที่จะใช้มันกับตัวเองสิ้น
ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งจะถูกผู้คนแย่งชิงไปสิ้น
“อาหนิง ของพวกนี้…” เฉินหยานได้แต่หันไปมองเย่หยวนด้วยท่าทางกังวลไม่น้อย
เย่หยวนหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะตอบกลับมา “ข้าจะลองดู!”
เฉินหยานแทบจะลุกขึ้นกระโดดเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะช่วยขนสมุนไพรวิญญาณทั้งหลายเข้าสู่ห้องหลอมไป
จากนั้นมันก็เกิดแสงเจิดจ้าขึ้นหลายครั้งติดๆ กัน
ภายในห้องหลอมนั้นใบหน้าของหลัวเซิงได้แต่แข็งค้างเมื่อเห็นการหลอมโอสถของเย่หยวนเข้า
“นี่… นี่มันปาฏิหาริย์ชัดๆ! ข้าไม่เคยจะได้ยินเลยว่ามีใครหลอมโอสถได้เช่นนี้! ไม่แปลกใจเลยจริงๆ ที่หมู่บ้านตระกูลเฉินจะสร้างนักยุทธอาณาจักรพระเจ้าขึ้นมาได้พร้อมๆ กันถึงสี่คนในคราเดียว! เจ้าหนุ่มคนนี้มันเป็นใครมาจากไหนกันแน่?” หลัวเซิงได้แต่กล่าวขึ้นอย่างตื่นตะลึง
เฉินลี่นั้นยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่อาจหุบลงได้ “สามปีก่อนอาหนิงนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสมากจนลุงหยานและอาซิ่วไปเจอเขาเข้าและได้พาเขากลับมารักษา ส่วนเรื่องที่ว่าเขาเป็นใครมาจากไหนนั้นเราก็ไม่รู้ได้”
แม้ว่าจะไม่รู้แต่น้ำเสียงของเฉินลี่นั้นมันก็แฝงไปด้วยความภาคภูมิและรอยยิ้มที่ไม่อาจปกปิดได้
เพราะเขารู้ดีว่าจากวันนี้ไปหมู่บ้านตระกูลเฉินนี้คงพัฒนาไปอย่างไม่เห็นฝุ่นของวันวาน!
เมื่อได้เห็นสีหน้านั้นของเฉินลี่ทางหลัวเซิงก็ได้แต่ร่ำร้องขึ้นมาในใจ
แต่เขาก็ไม่อาจจะทำอะไรไปได้มากกว่ารู้สึกอิจฉา
‘ให้ตายสิ ทำไมข้าไม่เจอโชคเช่นนั้นบ้าง?!’ หลัวเซิงได้แต่คิดว่าอยู่ในใจ
ค่ายกลหลอมโอสถของเย่หยวนนี้มันทรงพลังอย่างมาก ในเวลาแค่ครึ่งวันนี้สมุนไพรวิญญาณทั้งหลายก็ได้ถูกแปรรูปให้กลายเป็นโอสถสิ้น
ที่สำคัญไปกว่านั้นโอสถแต่ละเม็ดนั้นยังมีคลื่นพลังสุดแสนรุนแรง ดูท่าคงมีคุณภาพระดับสูงเป็นแน่
เฉินหยาน เฉินลี่และคนทั้งหลายได้แต่ยิ้มกว้าง ด้วยโอสถทั้งหลายนี้หมู่บ้านตระกูลเฉินคงได้พลิกโฉมจากหน้ามือเป็นหลังมือแน่!
…
อาณาจักรเมฆานที จวนเจ้าเมือง
เวลานี้เจ้าเมืองหวงเหว่ยกำลังพูดคุยเรื่องราวกับผู้นำตระกูลใหญ่ทั้งหลายก่อนที่จู่ๆ ผู้บัญชาการของอาณาจักรเมฆานที หลี่เจ๋อก็ได้บุกเข้ามาภายในอย่างรีบร้อน
หวงเหว่ยต้องขมวดคิ้วแน่นก่อนจะถามขึ้น “เจ้าทำอะไรของเจ้า? ไม่รู้จักกฎไม่รู้จักมารยาทหรืออย่างไร?”
แต่หลี่เจ๋อกลับตอบกลับมาด้วยใบหน้าหนักแน่น “นายท่าน มันเกิดเรื่องใหญ่แล้ว! ข้าน้อยไม่กล้าจะรีรอชักช้าใดๆ อีก!”
หวงเหว่ยจึงได้กล่าวขึ้น “อาณาจักรเมฆานทีข้าแสนจะสงบสุข มันจะมีเรื่องใหญ่ใดเกิดขึ้นได้?”
หลี่เจ๋อจึงได้ตอบกลับไป “นายท่าน จู่ๆ มันก็เกิดหมู่บ้านอาณาจักรพระเจ้าขึ้นในอาณาจักรเมฆานทีเรา! ภายในคืนเดียวคนหมู่บ้านตระกูลเฉินทั้งร้อยยี่สิบเอ็ดคนกลับบรรลุขึ้นอาณาจักรพระเจ้าพร้อมๆ กัน!”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” เมื่อหวงเหว่ยได้ยินเขาก็รีบลึกขึ้นมาพร้อมถามอย่างไม่อยากเชื่อหู
“คืนเดียว? เจ้าบ้าแล้ว! คนในหมู่บ้านนั้นคงไม่ได้บอกว่าถูกสวรรค์เลือกหรืออะไรหรอกใช่ไหม?”
“ผู้บัญชาการหลี่ อาหารนั้นกินลงไปได้ง่ายๆ แต่คำพูดจะกลืนลงไปง่ายๆ ไม่ได้! ต่อให้จะเป็นเหล่าจอมเทพโอสถสามดาวจากเมืองหลวงทั้งหลายเองก็คงไม่อาจจะสร้างอาณาจักรพระเจ้าขึ้นมานับร้อยได้ในเวลาชั่วข้ามคืน”
…
เมื่อเหล่าผู้นำตระกูลใหญ่ทั้งหลายได้ยินพวกเขาย่อมจะไม่คิดอยากเชื่อจึงได้แต่ต้องว่ากล่าวตักเตือนหลี่เจ๋อออกมา
แต่หลี่เจ๋อกลับยังคงยืนยัน “นายท่าน ข้าน้อยนั้นมีนายทหารลูกน้องที่เป็นคนจากหมู่บ้านตระกูลหลัวใกล้ๆ หมู่บ้านตระกูลเฉินที่ว่านี้ วันก่อนเขาได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดและนำเรื่องราวนี้กลับมาเล่าให้ฟัง! ทีแรกข้าน้อยก็ย่อมไม่คิดเชื่อจึงได้ออกเดินทางไปดูให้เห็นกับตาตนเอง แต่มันกลับกลายเป็นเรื่องจริง!”
นั่นทำให้ทุกผู้คนต้องอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
หากหลี่เจ๋อเดินทางออกไปและได้เห็นมันกับตา มันย่อมจะมิใช่เรื่องราวที่ผิดพลาดไปได้
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเรื่องราวนี้มันก็น่าเหลือเชื่อจนเกินไป!
……………………….