ตอนที่ 2206 สะสมบันทึกวิชาโอสถ

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

จนถึงทุกวันนี้ตัวเฉินหยานก็ยังรู้สึกราวกับว่าฝันไป

หมู่บ้านตระกูลเฉินของเขานั้นกลับกลายเป็นหมู่บ้านอาณาจักรพระเจ้าไป!

แม้แต่เหล่าเด็กน้อยที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมทั้งหลายก็ยังก้าวขึ้นมาสู่อาณาจักรพระเจ้าได้หลังได้รับโอสถจากเย่หยวน

มือคู่นี้ของเย่หยวนมันเหมือนเป็นมือของเทพเจ้าที่สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้อย่างไร้ความยากลำบากใด

อาณาจักรพระเจ้าทั้งหลายนั้นเดิมทีมันอยู่สูงเหนือหัวล้ำ แต่เย่หยวนนั้นกลับสร้างมันขึ้นมาได้อย่างไร้ปัญหาใด

และในเวลานี้แม้แต่เจ้าเมืองเมฆานทีก็ยังต้องมายืนรออยู่หน้าหมู่บ้านอย่างเคารพ ไม่กล้าที่จะวางท่าเข้ามาในหมู่บ้านแต่อย่างใด

นี่มันคือเจ้าเมืองเมฆานที ยอดฝีมือระดับอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า!

อาณาจักรบรรพชนพระเจ้านั้นเดิมทีมันเป็นตัวตนที่สูงล้ำอย่างที่คนหมู่บ้านตระกูลเฉินไม่กล้าแม้แต่จะฝันถึง

แต่เวลานี้คนเช่นนั้นกลับมายืนรออยู่นอกหมู่บ้านอย่างนอบน้อม

เฉินหยานก็ยกมือขึ้นผลักประตูเข้ามาพร้อมหายใจสูดเข้าลึก เวลาในภายในห้องนั้นเย่หยวนกำลังนั่งอ่านหนังสือตำราวิชาการโอสถทั้งหลายด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“อาหนิง!” เฉินหยานร้องทักทายขึ้น

เย่หยวนที่ได้ยินก็รีบวางหนังสือที่ถืออยู่ลงก่อนจะยิ้มทักกลับไป “ปู่หยาน”

เฉินหยานยิ้มพร้อมยกมือขึ้นมาโบกปัดบอกห้ามเย่หยวนไว้ว่าไม่ต้องลุก “อ่า อาหนิง หนังสือตำราที่เฒ่าคนนี้เก็บไว้มันคงไม่มีประโยชน์ใดๆ กับเจ้ามากมายใช่หรือไม่?”

เย่หยวนส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน “แม้ว่าหนังสือของปู่นั้นจะมีจุดที่ผิดพลาดไปมากแต่ข้าก็ยังได้เรียนรู้จากมันมากมาย อืม… หนังสือพวกนี้ข้าได้เขียนแก้จุดที่ผิดไว้แล้ว”

เรื่องของหนังสือตำราวิชาโอสถทั้งหลายนี้เย่หยวนย่อมจะแค่อ่านผ่านตาก็เข้าใจมันได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่มีอาการมึนงงใดๆ ทั้งสิ้น

ดูเหมือนว่าเย่หยวนนั้นจะนึกย้อนกลับไปถึงอดีตตัวเองได้จากการอ่านพวกมัน

เฉินหยานนั้นรับหนังสือที่เย่หยวนบอกมาและต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย

เพราะเวลานี้เขาได้เห็นตัวหนังสือเขียนแก้ไขมากมายบนตำราที่ตัวเองได้เก็บไว้

คำสั้นๆ ที่เย่หยวนเขียนไว้นี้มันกลับได้ทำให้ความมึนงงที่เขามีมาตลอดหลายปีกระจ่างในพริบตา

เมื่อได้ลองอ่านๆ ดูอีกหลายบรรทัดเขาก็รู้สึกราวกับว่าเรื่องราวบนโลกมันปรากฏชัดขึ้นมาถนัดตา

คำแก้แค่ไม่กี่ประโยคของเย่หยวนนี้มันแจ่มชัดทรงความรู้มากกว่าเนื้อหาของหนังสือนี้ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

เฉินหยานนั้นมั่นใจได้ว่าเย่หยวนนั้นต้องมีความรู้มากกว่าคนที่เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอย่างน้อยๆ ก็พันเท่าหรืออาจจะถึงหมื่นเท่า!

“เข้าใจ! กระจ่าง! อาหนิง ในอดีตนั้นเจ้าคงต้องเป็นยอดเทพโอสถผู้เก่งกาจเป็นแน่!” เฉินหยานร้องบอกอย่างประทับใจ

เย่หยวนจึงได้แต่ต้องยิ้มรับคำชม “ข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือการหลอมโอสถใดข้าก็รู้สึกคุ้นเคยกับมันจนไม่อยากเชื่อตัวเอง ราวกับว่าชีวิตข้าเกิดขึ้นมาเพื่อทำมัน อ่า จริงด้วยสิปู่หยาน ท่านมาหาข้าคงมีธุระใดแล้ว?”

เป็นตอนนั้นเองที่เฉินหยานสะดุ้งตัวขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้มเขินๆ “เกือบลืมเรื่องสำคัญไปแล้วเชียว! เวลานี้เจ้าเมืองเมฆานทีได้รับรู้เรื่องราว ท่านจึงได้นำพาผู้นำตระกูลทั้งห้ามายังหมู่บ้านเราเพื่อที่จะขอพบกับเจ้า เวลานี้พวกเขากำลังรออยู่ที่หน้าหมู่บ้านอย่างนอบน้อม”

เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องผงะไป “มาหาข้าหรือ?”

เฉินหยานจึงได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “หมู่บ้านตระกูลเฉินเรานั้นได้กลายเป็นหมู่บ้านอาณาจักรพระเจ้าไปแล้ว เวลานี้เรื่องราวมันกระจายไปทั่วดินแดน ไม่แปลกหรอกที่ท่านเจ้าเมืองจะรู้ถึงเรื่องราวด้วย ตำแหน่งสถานะของจอมเทพโอสถนั้นมันยิ่งใหญ่ ดูท่าเขาคงมาเพื่อขอให้เจ้าช่วยหลอมโอสถให้แล้ว”

เย่หยวนหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ “ถ้าเช่นนั้นข้าจะออกไปพบเขา”

เมื่อหวงเหว่ยและผู้นำตระกูลทั้งหลายได้เห็นเย่หยวนพวกเขาก็ต้องยืนนิ่ง

เพราะคนที่สร้างหมู่บ้านอาณาจักรพระเจ้าขึ้นมาในชั่วข้ามคืนนี้มันกลับเป็นคนที่ไม่มีแม้แต่ปราณเทวะหรือ?

เขานั้นได้แต่ต้องหันไปหาเฉินหยานด้วยสีหน้าสงสัย คิดในใจว่าเจ้าหมอนี่มันหลอกลวงผู้คนหรือไม่

เฉินหยานนั้นย่อมจะเข้าใจสายตานั้นได้และรีบพูดอธิบายออกมาทันที “ท่านเจ้าเมือง อาหนิงนั้นใช้ค่ายกลดึงพลังงานฟ้าดินมาหลอมโอสถได้โดยตรงไม่ต้องใช้หม้อหลอมหรือปราณเทวะใดๆ ทั้งสิ้น”

หวงเหว่ยสั่นสะท้านไปทั้งกายเมื่อได้ยิน “ซี๊ด… ใช้ค่ายกลหลอมโอสถ!”

คนทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องหันไปมองหน้ากันก่อนจะหันมาก้มหัวคารวะเย่หยวนลงพร้อมๆ กัน “เจ้าเมืองเมฆานทีนามหวงเหว่ยขอคาระท่านอาจารย์หนิง!”

เย่หยวนเองก็ก้มหัวลงรับ “นายท่านถ่อมตัวไปแล้ว”

หวงเหว่ยจึงกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าผู้นี้คิดมาด้วยเหตุใดข้าว่าท่านอาจารย์หนิงคงเข้าใจดี แต่… จะอย่างไรข้าก็อยากจะเห็นโอสถของท่านอาจารย์เสียหน่อย”

เย่หยวนจึงพยักหน้ารับ “ปู่หยาน”

เฉินหยานเข้าใจทันทีและรีบส่งมอบขวดหยกไปให้แก่หวงเหว่ย

หวงเหว่ยที่ได้รับโอสถนั้นมาต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย “นี่มัน… โอสถกำเนิดล้ำ! ช่างเป็นโอสถกำเนิดล้ำที่คุณภาพสูงส่งนัก! อาจารย์ชูปิงท่านลองดูเอาเถิด!”

พูดไปเขาก็ส่งมอบขวดโอสถไปให้ชายแก่อีกคนที่ด้านข้าง

ดูท่าแล้วชายแก่คนนี้เองก็คงเป็นจอมเทพโอสถ เป็นถึงจอมเทพโอสถสองดาวผู้หนึ่ง!

ชูปิงที่รับมันไปนั้นแทบจะทรุดตัวลงกับพื้นเมื่อได้เห็นเจ้าโอสถที่อยู่ภายในขวด

เวลานี้มือสองข้างที่ถือขวดโอสถกำเนิดล้ำไว้นั้นมันสั่นสะท้านก่อนที่เขาจะค่อยๆ จ้องมองมันดูใกล้ๆ

เมื่อทุกผู้คนได้เห็นสีหน้าเช่นนั้นของชูปิงพวกเขาต่างก็ย่อมจะรู้สึกมึนงง

พวกเขานั้นรู้ดีว่าโอสถนี้คงมีคุณภาพสูงส่งแต่เรื่องที่ว่ามันสูงล้ำปานใดพวกเขาย่อมไม่อาจเข้าใจ

ชูปิงนั้นจ้องมองขวดนั้นอย่างไม่ละสายตาก่อนที่ดวงตาทั้งสองของเขาจะค่อยๆ มีน้ำตาเอ่อออกมา “ไม่นึกเลย! ไม่นึกเลยจริงๆ! ได้เห็นโอสถนี้เฒ่าคนนี้คงตายตาหลับแล้ว!”

สีหน้าของเขานั้นมันทำให้ความสงสัยของผู้คนพุ่งสูง

แต่เรื่องที่ออกมาจากปากของเฒ่าคนนี้มันกลับมิใช่คำตอบที่ทุกผู้คนเฝ้ารอ

หวงเหว่ยที่ไม่อาจห้ามใจได้จึงถามขึ้น “อาจารย์ชูปิง มัน… มันเป็นโอสถที่ดีล้ำปานนั้นเลยหรือ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นชูปิงจึงรีบเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นไปทั้งใจ “มันคือโอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาล! โอสถเม็ดนี้คือโอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาล! ชีวิตนี้ได้เห็นโอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนั้น เฒ่าคนนี้คงตายตาหลับแล้ว!”

คนทั้งหลายที่ได้ยินต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายพร้อมหันไปมองเย่หยวนอย่างสั่นกลัว

โอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลมันคือโอสถในตำนานอย่างไม่ต้องสงสัย!

ต่อให้จะเป็นจอมเทพโอสถห้าดาวเองก็คงไม่อาจจะหลอมโอสถนี้ให้ได้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาล!

แต่เวลานี้คนที่หลอมมันได้กลับปรากฏขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ กลางเขาเช่นนี้

เจ้าหนุ่มคนนี้คงมีเบื้องหลังไม่ธรรมดาแล้ว!

ทางเฉินหยานเมื่อได้ยินเข้าเขาก็ต้องยืนนิ่ง เพราะตัวเขานั้นไม่เข้าใจว่าโอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลมันคือสิ่งใด

แต่หากแค่มองดูจากสีหน้าของจอมเทพโอสถสองดาวตรงหน้านี้แล้วเขาก็ย่อมเข้าใจว่ามันมิใช่ของที่จะพบเจอได้ทั่วไป

ดูท่าเขาจะยังประเมินอาหนิงต่ำไป!

หวงเหว่ยรีบก้มหัวลงต่อเย่หยวนทันทีที่รู้ตัว “อาจารย์หนิงนั้นมีพรสวรรค์ล้ำไม่ควรมาหยุดอยู่แค่กับหมู่บ้านน้อยๆ เช่นนี้ ท่านช่วยย้ายไปอยู่ที่จวนเจ้าเมืองเราได้หรือไม่? ตราบเท่าที่อาจารย์หนิงคิดไปที่จวนเจ้าเมืองเรา หวงผู้นี้จะรับใช้ท่านอย่างสุดตัวเลย!”

เฉินหยานหน้าแดงก่ำขึ้นทันทีที่ได้ยิน เจ้าหมอนี่มันกลับคิดแย่งชิงผู้คน!

“ไม่ได้!” เสียงของเฉินหยานร้องตวาดออกมา

หวงเหว่ยนั้นได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่น เดิมทีแล้วคนอย่างเฉินหยานนี้แค่ลมหายใจของเขาก็คงฆ่าสังหารอีกฝ่ายได้

แต่หากทำเช่นนั้นมันคงเป็นการเสียมารยาทต่ออาจารย์หนิงอย่างมาก

เย่หยวนจึงได้แต่ยิ้มตอบกลับไป “ข้าไม่ต้องไปถึงจวนเจ้าเมืองใดๆ หรอก หากพวกท่านอยากได้โอสถท่านก็จงบอกมาข้าย่อมหลอมให้ได้ แต่… มันมีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง”

ได้ยินคำพูดแรกทางหวงเหว่ยก็อดไม่ได้ที่จะทำสีหน้าผิดหวัง

แต่เมื่อได้ยินคำพูดครึ่งหลังเขาก็เริ่มตั้งใจฟังอย่างจริงจัง “เงื่อนไขใดหรือ? อาจารย์หนิงท่านลองว่ามาเถอะ!”

เย่หยวนจึงตอบกลับไป “ช่วยข้าหาบันทึกตำราวิชาโอสถ ไม่ว่ามันจะเป็นวิชาแบบใด ไม่ว่ามันจะมีมากมายปานไหน ยิ่งมีเยอะมันยิ่งดี!”

หวงเหว่ยที่ได้ยินจึงถามขึ้นอย่างสงสัย “อาจารย์หนิง ด้วยวิชาการโอสถของท่านในเวลานี้แล้วยังจะต้องไปศึกษาจากตำราโอสถใดๆ อีกหรือ?”

เย่หยวนจึงยิ้มตอบไป “การเรียนรู้ไม่มีคำว่าสิ้นสุด อ่านหนังสือมากขึ้นอีกเล่มมันย่อมจะไม่เคยสร้างผลเสีย”

หวงเหว่ยที่ได้ยินต้องแสดงสีหน้าชื่นชมออกมาอย่างสุดใจ “อาจารย์หนิงวางใจเถอะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้หวงผู้นี้ย่อมจัดการได้!”

แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองทางชูปิงก็ได้เปิดปากกล่าวขึ้นตาม “อาจารย์หนิง ชูผู้นี้เองก็รู้จักผู้คนที่ทำงานสายอาชีพเดียวกันอยู่มาก แค่หาหนังสือตำราเกี่ยวกับโอสถมันย่อมจะมิใช่ปัญหาใด ชูผู้นี้ไม่คิดอยากได้โอสถใดๆ ทั้งสิ้น ข้าเพียงแค่อยากจะขอติดตามดูการหลอมโอสถของอาจารย์หนิงได้หรือไม่?”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “ย่อมไม่มีปัญหา”

……………………..