มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1063

“กร๊อบ!”

ด้วยรูเล็ตของร่องรอยผนึกกฎการเวียนว่ายตายเกิดแตกร้าวออก ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของมหาพระแสงทองเอาไว้ได้

ไม่เพียงเท่านั้น ความเร็วในการแตกร้าวของวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพยิ่งรวดเร็วมากขึ้น ทำให้พลังอำนาจของอาวุธชิ้นนี้อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง พลังของมหาพระแสงทองรอดผ่านรอยแยกเหล่านั้นออกมา ทันใดนั้นก็ทำให้ร่างของหลัวซิวบางส่วนระเบิดออกเป็นละอองเลือด เลือดเนื้อสาดกระเซ็น

“นี่คือพลังอำนาจที่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารสำแดงพลังอมตะหรือ? หากเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพฟ้าสำแดงพลังอมตะด้วยตนเอง มันจะน่าหวาดกลัวมากถึงเพียงใดกัน?”

ในตอนนี้ หลัวซิวตระหนักได้ว่าในช่วงเวลาที่ผานมานั้นเขามีความมั่นใจในตนเองมากเพียงใด ประเมินค่ายอดฝีมือในใต้หล้านี้ต่ำไป

เขามีโอกาสได้รับพลังอมตะ ไม่ได้หมายความว่าคนอื่น ๆ จะไม่ได้รับโอกาสนี้ ผู้แข็งแกร่งเทพมารที่มีการฝึกตนพลังอมตะ สามารถครอบครองการบดขยี้พลังที่เขาได้อย่างง่ายดาย

ไม่ใช่ว่าพลังของเขาจะมหัศจรรย์เสียจนสามารถต้านทานเทพมารไว้ได้ แต่เป็นเพราะเหล่าเทพมารที่เขาได้พบเจอก่อนหน้านี้ ต่างก็มีพลังที่อ่อนแอมากก็เท่านั้น

“กร๊อบ!”

ในที่สุดวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของมหาพระแสงทองได้อีกต่อไป อาวุธชิ้นแรกที่หลัวซิวสังเวยมากับมือนั้น ถูกลำแสงสีทองโจมตีจนทะลุ

แต่ถึงอย่างไรวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพทั้งชิ้นนี้ก็ใช้เทพทองเทพเหล็กหลอมอาวุธขึ้นมา หลังจากถูกโจมตีจนแตก ก็ได้คลายพลังอำนาจส่วนใหญ่ของมหาพระแสงทองออกไปด้วย

เสียงปุบดังขึ้น ลำปสงสีทองยิงทะลุผ่านทรวงอกของหลัวซิว ตามมาด้วยเลือดที่สาดกระเซ็นออกมา

“เวิง!”

หว่างคิ้วของหลัวซิวแยกออก เทพมารอสูรเหยี่ยวทองบินออกมา กลายร่างเป็นร่างเดิมลงมาอยู่ใต้เท้าของหลัวซิว ให้เขาขึ้นขี่และบินหนีจากไปด้วยความเร็วสูงสุด

“หือ? ที่หว่างคิ้วยังซ่อนเทพมารอสูรไว้ตัวหนึ่ง?”

เทพมารอสูรสิงห์ทองสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลังอมตะของเขาเพียงพอที่จะสามารถฆ่าเทพมารแดนเดียวกันได้ คาดไม่ถึงว่ากลับไม่สามารถทำลายไอ้หนุ่มเผ่าพันธุ์มนุษย์คนหนึ่งที่มีผลการฝึกตนเพียงแดนเจ้ายุทธจักรได้

แต่สิ่งที่ทำให้เขาโมโหมากกว่าก็คือ เทพมารอสูรจากเผ่าพันธุ์มารเดียวกัน ไม่เพียงไม่ช่วยตนทำลายอีกฝ่าย แต่กลับยังช่วยพาเขาหนีอีกด้วย?

“เทพมารอสูรเหยี่ยวทอง เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้หักหลังจ้าวมาร!”

เทพมารอสูรสิงห์ทองคำรามด้วยความโกรธ กลายร่างเป็นราชาสิงห์ทอง ความเร็วราวกับพายุ โถมเข้ามาไล่ล่าเทพมารอสูรเหยี่ยวทอง

“แม่งเอ้ย คิดว่าข้าอยากให้เป็นเช่นนี้งั้นรึ?” ในใจของเทพมารอสูรเหยี่ยวทองเจ็บใจแทบตายอยู่แล้ว แต่เวลานี้กลับไม่มีเวลามาทะเลาะวิวาทกับเทพมารอสูรสิงห์ทอง ต้องบินหนีอย่างสุดชีวิต

เขาไม่กล้าบินขึ้นสูงเกินไป เพราะว่าที่ท้องฟ้าแห่งนี้ทุกที่ต่างเต็มไปด้วยวิชาห้ามค่ายกล

“ต่ายไปให้หมด มหาพระแสงทอง!”

เทพมารอสูรสิงห์ทองสำแดงพลังอมตะอีกครั้ง ลำแสงหนาส่องประกายดั่งเสาทองคำ พลังอำนาจนั้นดุร้ายและทรงพลังยิ่งกว่าการโจมตีครั้งก่อน

เพียงอึดใจเดียว สำแสงสีทองนี้ก็พุ่งตรงมาถึงท้ายทอยของหลัวซิว อีกเพียงวินาทีเดียวก็จะโจมตีทะลุศีรษะของเขา แหลกสลายเป็นผุยผง

ในวินาทีแห่งความเป็นความตายเช่นนี้ จู่ ๆ หลัวซิวก็หันหน้ากลับมา เปิดตัวหยั่งรู้บริเวณหน้าผากของตนออก ปล่อยให้ลำแสงหนาส่องประกายดั่งเสาทองคำโจมตีเข้าไปภายในตัวหยั่งรู้

“ท่านนาย ท่านบ้าไปแล้วหรือ?” เทพมารอสูรเหยี่ยวทองเมื่อมองเห็นภาพตรงหน้าสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ตัวหยั่งรู้ที่หว่างคิ้วนั้นคือจุดที่อ่อนแอที่สุดของนักยุทธ์ เปิดให้อีกฝ่ายใช้พลังอมตะโจมตีเข้าไปยังตัวหยั่งรู้ มันก็เท่ากับรนหาที่ตายไม่ใช่หรือ?

“ปัง! ”

สำแสงสีทองพุ่งตรงเข้าไปยังตัวหยั่งรู้ วินาทีต่อมาก็โจมตีอย่างรุนแรงบนตำหนักจื่อเซียวที่หักพัง

“เวิง! เวิง! เวิง!……”

ถึงแม้มหาพระแสงทองจะไม่สามารถทำลายการคุ้มกันของตำหนักจื่อเซียวได้ แต่ผลที่ตามมาของการปะทะนั้นก็ยังน่ากลัวมากเช่นกัน ทำให้หลัวซิวรู้สึกปวดหัวเหมือนจะระเบิด ตัวหยั่งรู้สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ราวกับจะแตกสลายไปให้ได้

ในเวลานี้เอง ลูกแก้วความเป็นตายทอแสงส่องประกายระยิบระยับ ตัวหยั่งรู้ที่สั่นไหวสงบลงอย่างรวดเร็ว ออร่าชีวิตอันบริสุทธิ์ปะทุขึ้นมา ฟื้นฟูตัวหยั่งรู้ที่ได้รับบาดเจ็บ