อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1284 หาไม่เจอ

“ขวานผานกู่ปรากฏตัวแล้วหรือ”

“ขอรับ ท่านรองประมุขสั่งให้คนของเราหาโอกาสแย่งขวานผานกู่คืนมา”

“สิ่งที่ตกไปอยู่ในมือนางแล้วแย่งไม่ได้ง่ายๆ หรอก สั่งให้คนของเราถอยกลับมา ข้าจะเอาขวานผานกู่มาเอง”

“ขอรับ ท่านประมุข แล้วเซียวหยู่เซวียน?”

“แอบส่งคนไปตามหาเขา ถ้าเจอเขาก่อน ก็จัดการฆ่าเขาซะ ถ้าเจอช้ากว่าพวกเขา ก็หาโอกาสลอบฆ่า”

“ข้าน้อยรับทราบ”

เงาดำแวบผ่านอย่างรวดเร็ว แล้วหายไปจากตำหนักหงส์เหินทันที

เวินเส้าหยีมองแสงจันทร์ที่ส่องสว่างลงมา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล

คนที่ปลอมตัวเป็นจักรพรรดินีคือใคร นางรู้ความลับเยอะเช่นนั้น จะรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเย่จิ่งหานหรือไม่?

หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลง นางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยด้วยวิทยายุทธของนาง ไม่ว่าพลังของมู่หน่วนจะเพิ่มขึ้นก็ยากที่จะฆ่านางได้

แต่ค้นหามานานก็ไม่มีข่าวคราวของหญิงผู้นั้นเลย ช่างน่าหวั่นใจจริงๆ

คนเช่นนี้ ถ้าจะแก้แค้นขึ้นมา เกรงว่าเผ่าเทียนเฟิ่นคงจะได้รับความเสียหายอย่างสาหัสแน่

ในหอราตรี

เย่จิ่งหานนั่งอยู่บนรถเข็น ในมือกำลังเช็ดถูขลุ่ยหยกขาวอยู่ และมองไปนอกวังเช่นกัน

ใกล้จะถึงยามจื่อ/ช่วงเวลา ๒๓.๐๐ น.-๑.๐๐ นแล้ว

หญิงผู้นั้นยังไม่กลับมา

ดูแล่วว่าการเดินทางไปเผ่าเทียนเฟิ่นในวันนี้คงไปไม่ได้แล้ว

ถ้าเขาเดาไม่ผิด ขวานผานกู่น่าจะตกอยู่ในมือของมู่หน่วน แล้วมู่หน่วนมอบมันให้กับเซียวหยู่เซวียน

เซียวหยู่เซวียนรักอาหน่วนมาก ขวานผานกู่เป็นอาวุธเดียวในการเปิดรอยแตกแห่งห้วงเวลา แน่นอนว่าเซียวหยู่เซวียนจะต้องคอยปกป้องแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม ไม่มีทางทิ้งขวานผานกู่ไว้ริมน้ำแน่ๆ

เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?

ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?

เงาดำปรากฏตัวขึ้นมา ชายชุดดำคุกเข่าลงตรงหน้าเย่จิ่งหาน แล้วกล่าวรายงานด้วยความเคารพ “นายท่าน จักรพรรดินีได้ส่งคนออกไปค้นหาคุณชายเซียวจำนวนมาก ทางเราไม่กล้าค้นหาอย่างโจ่งแจ้ง แต่จนถึงตอนนี้ก็ไม่พบ เบาะแสของคุณชายเซียวแต่พวกเราพบว่าทางเผ่าเทียนเฟิ่นเองก็แอบตามหาคุณชายเซียวเช่นกันขอรับ”

“พวกเจ้าต้องตามหาเซียวหยู่เซวียนให้เจอก่อนพวกเผ่าเทียนเฟิ่น ตรวจสอบเบาะแสของเซียวหยู่เซวียนให้มั่นใจ”

“ขอรับนายท่าน แล้วขวานผานกู่ ข้าน้อยสั่งคนไปแย่งคืนมาดีหรือไม่ขอรับ”

“ของที่ตกอยู่ในมือของนางแล้ว คนธรรมดาจะแย่งมาง่ายๆ ได้อย่างไร ข้าจะเป็นคนเอาขวานผานกู่มาเอง”

“ขอรับ”

“ยังไม่มีเบาะแสของชิงเฟิงเจี่ยงเสวียอีกหรือ?”

“ข้าน้อยไร้ความสามารถ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบเบาะแสของผู้นำทั้งสอง” ในตอนแรกเย่จิ่งหานคิดจะถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเวินเส้าหยีแต่คิดว่าที่นี่มีหูมีตาของหลายคนจับตามองอยู่ องครักษ์ลับเองก็ไม่ได้รายงาน คงจะยังไม่มีข่าวคราว เขาจึงได้แต่โบกมือ ให้เขาถอยออกไป

พวกเขาล้วนแต่กำเนิดในทวีปเย่หยู่ เป็นไปได้ไม่ได้ที่จะค้นหาข้อมูลของพวกเขาในทวีปปิงหลิงได้

พอนึกถึงกู้ชูหน่วน หัวใจของเย่จิ่งหานก็เริ่มบีบคั้นจนเจ็บปวด

ขอแค่เก็บรวบรวมอีกสามดวงวิญญาณขอแค่รวบรวมได้อีกสามดวงวิญญาณก็สามารถชุบชีวิตอาหน่วนได้แล้ว

แต่เหตุใดอีกสามดวงวิญญาณที่เหลือถึงได้หายากยิ่งนัก

หนึ่งวัน

สองวัน

สามวัน

ห้าวันผ่านไปเต็มๆแต่ก็ยังไม่เจอเซียวหยู่เซวียน

งานราชการยังมีอีกมากมายกำลังรอให้กู้ชูหน่วนจัดการ

ภัยธรรมชาติสร้างความเดือดร้อนไปทุกหนทุกแห่ง ในแต่ละวันมีชาวบ้านเสียชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน

อีกทั้งเผ่าเทียนเฟิ่นยังเอาแต่เร่งเร้า

ถึงกู้ชูหน่วนจะอยากอยู่ที่นี่ตามหาเบาะแสของเซียวหยู่เซวียนต่อมากแค่ไหน ก็ทำไม่ได้แล้ว

นางคือจักรพรรดินีของแคว้นน้ำแข็ง ความเป็นความตายของทุกคนในแคว้นน้ำแข็งตกอยู่ที่นาง

พอกลับถึงพระราชวัง

ฎีการ้องเรียนขอความช่วยเหลือซ้อนกันเป็นภูเขาแล้ว

รอนางตรวจฎีกาเสร็จ ก็ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว

ทันทีที่นางเดินออกมาจากห้องจัดการพระราชกรณียกิจพร้อมกับรอยคล้ำใต้ตา นางก็เห็นเวินเส้าหยียืนอยู่นอกประตู มองมาที่นางด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

เขาคือฮองเฮาแล้ว แต่เสื้อผ้าที่เขาใส่ยังเหมือนเดิม เขายังคงสวมชุดสีขาว ผมดำยาวของเขาถูกรวบครึ่งหน้าแล้วใช้ปิ่นหยกสีขาวเสียบไว้ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งสยายอยู่บนไหล่ สีหน้าไร้ความรู้สึก ยืนอยู่อย่างสง่าผ่าเผย