​บทที่ 1285 ขาดแคลนเงินจนบ้าไปแล้วหรอ

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1285 ขาดแคลนเงินจนบ้าไปแล้วหรอ

“เวินเส้าหยี เจ้ามาทำอะไรที่นี่”

“ฝ่าบาททรงหลงลืมจริงๆ หลังจากงานอภิเษกสมรสผ่านไปสามวันพระองค์ต้องกลับไปเยี่ยมเยือนครอบครัวของกระหม่อม ตอนนี้ล่วงเลยมาเจ็ดวันแล้ว ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะทรงเลื่อนเวลาออกไปอีกนานเท่าใด”

“จริงด้วย ข้ายังไม่ได้กลับไปพร้อมกับเจ้า งั้นเรากลับไปวันนี้ก็แล้วกัน”

“เย่จิ่งหานไม่ใช่คนของเผ่าเทียนเฟิ่นเขาไปด้วยไม่ได้”

“แต่เขาเป็นคนของข้า เขาต้องเข้าไปได้”

“หมายความว่า ฝ่าบาทจะพาเย่จิ่งหานไปด้วยให้ได้เช่นนั้นหรือ?”

ดวงตาที่อ่อนโยนของเวินเส้าหยีหรี่ลง รู้สึกอันตรายเล็กน้อย

ตึก ตึก ตึก……

ห่างออกไปไม่ไกลนัก เย่จิ่งหานสวมชุดสีม่วง นั่งอยู่บนรถเข็น ถูกขันทีพาเข้ามา

น้ำเสียงของเขาเย็นชา “กษัตริย์ไม่สามารถพูดกลับคำได้ ฝ่าบาททรงรับปากแล้ว จะกลับคำไม่ได้”

เย่จิ่งหานมองไปที่เวินเส้าหยีทั้งสองสบตากัน แววตาเย็นชา ไอเย็นแผ่กระจายไปรอบด้าน

แม้จะรู้ว่าพวกเขาอาจจะเป็นพี่น้องกัน แต่พวกเขากลับไม่มีความรู้สึกผูกพันใดๆ

มีเพียงความเคียดแค้นชิงชัง

มีเพียงแต่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง

“เผ่าเทียนเฟิ่นไม่ต้อนรับเจ้า”

“เจ้าเป็นเพียงฮองเฮา อภิเษกสมรสแล้วต้องทำตามคำสั่งคู่ครอง เจ้าไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งกับการตัดสินใจของนาง”

“เจ้าเป็นเพียงสนมกุ้ยเหรินธรรมดา เจอข้าแล้วเหตุใดถึงไม่ทำความเคารพ”

กู้ชูหน่วนปวดหัว

นางแค่อยากนอนพักผ่อนสักหน่อย

ยังมีปัญหาอีกมากมายให้นางต้องจัดการ ยังต้องมาจัดการปัญหาของทั้งสองคนนี้อีก ไม่คิดว่านางจะเหนื่อยบ้างหรือไง?

“มู่หน่วน”

เย่จิ่งหานตะโกนออกมากะทันหัน กู้ชูหน่วนตื่นเต็มตาขึ้นมาทันที

“เจ้าไม่ได้บอกว่าจะเลื่อนตำแหน่งให้ข้าหรือ ข้าจะเป็นฮองเฮา”

“ฝ่าบาท เย่จิ่งหานเป็นเพียงสนมแต่กลับกล้าเรียกพระองค์ด้วยชื่อจริง ตามกฎแล้ว เขาควรถูกโบยหนึ่งร้อยครั้ง และส่งเข้าวังเย็น”

“…”

พวกเจ้าทะเลาะกันอย่าดึงข้าเข้าไปด้วยได้ไหม?

ข้าเป็นแค่จักรพรรดินีผู้ยากจนมันง่ายหรือ?

ก่อนที่กู้ชูหน่วนจะทันได้พูดอะไร กาวกงกงก็ตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง “บังอาจ เย่กุ้ยเหริน เจ้าบังอาจพูดจาหยาบคายต่อฝ่าบาท… ปัง… อ๊าก…”

ก่อนที่จะพูดจบ กาวกงกงก็กระเด็นออกไป แล้วชนเข้ากับต้นอู๋ถงอย่างแรง จนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ไม่สามารถพยุงตัวลุกขึ้นมาได้

“มือสังหาร มีมือสังหาร ปกป้องฝ่าบาท”

ทหารองครักษ์ชักดาบออกมา ทำท่าทีปกป้องกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ

แต่ว่า หลังจากมองหาอยู่นานก็ไม่พบว่ามือสังหารอยู่ที่ไหน?

และไม่เห็นว่าใครเป็นคนทำร้ายกาวกงกงด้วย

กู้ชูหน่วนกลอกตามองบน แล้วโบกมือ พร้อมกับพูดอย่างใจเย็น “กาวกงกงอายุมากแล้ว เขาแค่หลังเคล็ด ไม่มีใครลอบสังหารอะไรทั้งนั้น”

หลัง……

หลังเคล็ด?

หลังเคล็ดทำให้เขากระเด็นออกไป จนชนต้นอู๋ถงเลยหรือ?

แม้ว่าเหล่าองครักษ์จะไม่เชื่อ แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง ดังนั้นพวกเขาจึงถอยออกมาคอยปกป้องอยู่ห่างๆ

เวินเส้าหยียิ้มบาง “ฝ่าบาท เย่กุ้ยเหรินทำผิดซ้ำสอง ไม่หวั่นเกรงพระองค์ ถ้าไม่ลงโทษเขา กระหม่อมเกรงว่าในวังหลัง หรือแม้แต่ทั้งแคว้นน้ำแข็งอาจจะไม่พอใจได้พ่ะย่ะค่ะ”

กู้ชูหน่วนตบมือพูดเห็นด้วย “ฮองเฮาพูดมีเหตุผล ถ้าเช่นนั้นก็ปรับเงินเย่กุ้ยเหรินห้าหมื่นตำลึง”

“เลื่อนขั้น” เย่จิ่งหานพูดอย่างไม่อีนังขังขอบ ราวกับว่าเงินห้าหมื่นตำลึงไม่เห็นในสายตาเลย

“ได้สิ เหม่ยเหรินห้าแสนตำลึง จูนจื่อหนึ่งล้านตำลึง กุ้ยจูนสิบล้านตำลึง ราชกุ้ยจูนยี่สิบล้านตำลึง เจ้าอยากได้ตำแหน่งไหน”

เย่จิ่งหานกับเวินเส้าหยีมองไปกู้ชูหน่วนอย่างไม่อยากจะเชื่อ

นี่นางขาดแคลนเงินจนบ้าไปแล้วหรือ?

ขายตำแหน่งขุนนางก็ช่าง แม้แต่ตำแหน่งสนมในวังหลังยังอามาขายอีก?

ที่สำคัญคือ นางยังตั้งราคาไว้สูงเช่นนั้น นางคิดว่าพวกเขาโง่หรือไง?

ไม่สิ นางคิดว่าเย่จิ่งหานเป็นคนโง่

เย่จิ่งหานกัดฟันกรอดเล็กน้อย “ข้าจะเอาตำแหน่งฮองเฮา”

“ฮองเฮา เอ่อ… เรื่องนี้… เวินเส้าหยี เจ้าเป็นถึงฮองเฮา แต่กลับไม่เคยทำหน้าที่ของตนเอง เราอภิเษกสมรสกันสิบวันแล้วแต่เจ้ากลับไม่เคยมาปรนนิบัติข้า เจ้าหละหลวมในหน้าที่มาก “

เวินเส้าหยี “…”