บทที่ 912 รู้แต่เลี้ยงลูกไม่อบรม ไม่สั่งสอนเป็นความผิดพ่อแม่

The king of War

ตอนนี้ โดนเด็กอายุยี่สิบกว่าปีตำหนิไม่หยุด นี่ทำให้ความโกรธในใจเขา พลุ่งพล่านขึ้นเรื่อยๆ

“ถ้านายกล้าก้าวเข้ามาอีกก้าวเดียว ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

ลุงเต๋อก้าวขึ้นมาข้างหน้า บังกวนหงเหว่ยกับกวนซินเอาไว้

ขณะเดียวกัน พลานุภาพอันทรงพลัง แผ่ออกมาจากตัวเขา กวนหงเหว่ยกับกวนซิน จึงพอสบายใจขึ้นเยอะ ทั้งสองรีบลุกขึ้นยืน

ตอนมองไปที่หยางเฉินอีกครั้ง ใบหน้าของทั้งสองมีเพียงความหวาดผวา แต่ใบหน้ากวนซินยังมีความโกรธอยู่บ้าง

เธอกลัวหยางเฉิน แต่ถ้าเทียบกับความกลัว เธอหวังว่าจะได้ฆ่าหยางเฉินด้วยมือตัวเอง

“ลุงเต๋อไอ้เลวนี่ ไม่เห็นตระกูลคิงกวนของเรา อยู่ในสายตาสักนิด ฆ่าคนของตระกูลเรามากมายขนาดนี้ ตอนนี้ขนาดฉันกับพ่อ เขาก็จะฆ่าด้วยเหมือนกัน”

กวนซินกัดฟันพูด “คุณต้องฆ่าเขาให้ได้ ไม่งั้นคนของเรามากมาย จะตายเปล่า”

“หุบปาก!”

ลุงเต๋อตวาดออกมา

ถึงเขาโดนหยางเฉินยั่วโมโห แต่เขาสัมผัสถึงพลานุภาพที่ไม่ด้อยไปกว่าเขา จากตัวของหยางเฉิน

จะรักษาชีวิตของสองพ่อลูกกวนหงเหว่ยกับกวนซินได้หรือไม่ ขนาดเขายังไม่รับประกัน กวนซินยังกล้าพูดออกมาแบบไม่คิด ไม่รู้จักความเป็นความตายจริงๆ

กวนซินเพิ่งเคยเห็นลุงเต๋อโกรธเป็นครั้งแรก เธออดตัวสั่นไม่ได้ และรีบหุบปากทันที แต่เมื่อมองไปยังหยางเฉิน แววตาก็ยังคงเต็มไปด้วยความอาฆาต

“กรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุจึงมีผลตามมา คนทำเรื่องผิดคือพวกเขา ฉันแค่ต้องการชีวิตของสองพ่อลูกเท่านั้น”

หยางเฉินมองลุงเต๋อด้วยสีหน้าราบเรียบ และเอ่ยขึ้น “ถ้านายจะขวางฉัน งั้นฉันก็ต้องเอาชีวิตนายด้วย!”

“ฮ่าๆ”

ลุงเต๋อหัวเราะเสียงดังไม่กี่ครั้ง ความโกรธบนใบหน้ายิ่งมากขึ้น “พ่อหนุ่ม ข้ายอมรับว่านายแข็งแกร่งมาก ในบรรดาคนหนุ่ม ฉันยังไม่เคยเจอคนที่แข็งแกร่งเหมือนนาย”

“แต่ถ้านายคิดว่าข้าอ่อนแอ นายจะเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้”

“เห็นแก่ที่นายอายุน้อยขนาดนี้ กว่าจะได้พละกำลังวิถีบู๊มา ไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันจะไว้ชีวิตนาย รีบออกไปซะ ฉันรับรอง ต่อไปคนของตระกูลคิงกวน จะไม่มีใครไปหาเรื่องนายอีก”

เมื่อได้ยินคำพูดของลุงเต๋อ กวนซินร้อนใจขึ้นทันที “ลุงเต๋อ ไอ้เลวนี่ฆ่าคนของเรามากมาย แถมยังบังคับให้ฉันกับพ่อคุกเข่า เป็นการดูหมิ่นอำนาจคิงชัดๆ”

“คุณจะปล่อยเขาไปไม่ได้ ขืนปล่อยเขาไป ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า ต่อไปต้องพาความวุ่นวาย มาให้ตระกูลเราแน่นอน”

ลุงเต๋อมีสีหน้าโกรธ เขาเข้าใจเหตุผลนี้ดี แต่สิ่งสำคัญคือเขาไม่สามารถรับประกันได้ ว่าจะรักษาชีวิตของกวนหงเหว่ยกับกวนซินจากเงื้อมมือหยางเฉินได้หรือไม่

ตอนนี้กวนหงเหว่ยก็ตั้งสติได้ และรีบพูดว่า “ใช่ๆๆ ลุงเต๋อ คุณห้ามปล่อยเสือเข้าป่าเด็ดขาด ไอ้เด็กนี่ต้องตายเท่านั้น!”

“หุบปากให้หมด!”

ลุงเต๋อพูดอย่างโมโห “ถ้าพวกนายยังพูดไร้สาระอีกประโยคเดียว ฉันจะไม่สนใจพวกนายแล้ว”

ประโยคนี้มีความรุนแรงมาก กวนหงเหว่ยกับกวนซินหุบปากทันที

หยางเฉินแสยะยิ้ม “ตาเฒ่า อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายมีแผนอะไร อยากให้ฉันใจเย็น เพื่อรักษาชีวิตสองคนนี้งั้นเหรอ”

ลุงเต๋อขมวดคิ้ว “พ่อหนุ่ม อภัยคนได้พึงให้อภัย พละกำลังของตระกูลคิงกวน นายไม่สามารถจินตนาการได้หรอก”

“แค่นายปล่อยสองคนนี้ไป ฉันจะขอร้องกษัตริย์กวน ให้โอกาสนายได้เข้ามาในตระกูลคิงกวน”

“จากพละกำลังของนาย แค่นายยินยอม กษัตริย์กวนถึงขนาดที่จะยอมมอบแซ่กวนให้นายด้วย ให้นายได้รับอำนาจของเจ้าชาย เจ้าหญิง”

เมื่อได้ยินคำพูดของลุงเต๋อ กวนหงเหว่ยกับกวนซินช็อกไป

“ลุงเต๋อ……”

กวนซินกำลังจะพูดขัดทันที แต่เมื่อเธอพูดชื่อลุงเต๋อออกมา ก็โดนลุงเต๋อถลึงตาใส่ เธอจึงต้องหุบปาก

ผู้แข็งแกร่งแดนราชาคนหนึ่ง มีความสำคัญกับตระกูลคิงกวนมาก ถึงเธอเป็นสายเลือดโดยตรงของตระกูล ก็ไม่กล้าล่วงเกินผู้แข็งแกร่งแดนราชา

“ไสหัวไป!”

หยางเฉินตวาดออกมา “ชีวิตไร้ค่าของพวกเขา วันนี้ฉันต้องเอามาให้ได้!”

เมื่อพูดจบ เขาขยับเท้า และพุ่งเข้าไปหากวนซินทันที

“ในเมื่อพูดด้วยดีๆไม่ยอมทำตาม ก็คงต้องใช้กำลังบังคับ!”

ลุงเต๋อก็โมโหสุดขีด การเป็นผู้แข็งแกร่งแดนราชาของตระกูลคิงกวน เคยเจียมเนื้อเจียมตัวเหมือนตอนนี้ซะที่ไหนกันล่ะ

เขาง้างฝ่ามือฟาดลงไปที่หัวของหยางเฉิน

“หึ!”

หยางเฉินแสยะยิ้ม และฟาดฝ่ามือลงไปเหมือนกัน

“พลั่ก!”

สองฝ่ามือปะทะกัน จู่ๆ พลานุภาพอันทรงพลัง ระเบิดออกมาจากตำแหน่ง ที่ฝ่ามือของทั้งสองประกบกัน

“พรวด!”

วินาทีต่อมา ตัวของลุงเต๋อลอยอยู่บนอากาศ และกระอักเลือดออกมากลางอากาศ

หันกลับมามองหยางเฉิน กลับไม่ถอยหลังไปสักนิด ไม่แม้แต่จะมองลุงเต๋อที่โดนฝ่ามือของเขาโจมตี จนลอยออกไป เขายื่นมือพุ่งเข้าไปหากวนซินที่มีสีหน้าตกตะลึง

กวนซินตกใจจนงงไปหมด ผู้แข็งแกร่งแดนราชาในสายตาเธอ ตอนนี้ไม่สามารถต่อกรได้ แม้แต่การโจมตีเดียว

ขนาดฝ่ามือของหยางเฉินก็รับมือไม่ได้ งั้นหยางเฉินเป็นผู้แข็งแดนแข็งแกร่งไหนกัน

กวนหงเหว่ยก็ช็อกเหมือนกัน เขายืนอยู่ที่เดิม ตัวสั่นงันงก ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ

“พรึ่บ!”

หยางเฉินใช้มือจับคอกวนซิน ใช้แรงเบาๆ ยกตัวของกวนซินจนลอยขึ้นมา

พละกำลังอันน่ากลัว ส่งผ่านมือของหยางเฉินออกมา ลมหายใจของกวนซินโดนกดเอาไว้

แต่ความเจ็บปวดบนร่างกายเธอ ห่างไกลจากความหวาดกลัวในใจมาก

“ถ้าไม่ใช่เพราะน้องฉัน จะจัดการเธอด้วยตัวเอง ตอนนี้เธอคงกลายเป็นศพไปนานแล้ว!”

หยางเฉินจ้องกวนซินด้วยดวงตาแดงก่ำ น้ำเสียงทุ้มต่ำ เหมือนปีศาจที่มาจากขุมนรก

เหมือนกวนซินเห็นความหวังเล็กๆ ของการมีชีวิตรอด แต่เธอไม่ทันได้ดีใจ หยางเฉินก็พูดอีกว่า “ในเมื่อเธอชอบความเจ็บปวด ของการเห็นคนใกล้ตัวตายจากไปขนาดนั้น งั้นวันนี้จะเธอได้สัมผัสสักครั้ง”

“พลั่ก!”

พูดจบ หยางเฉินก็เหวี่ยงมือโยนตัวของกวนซินกระแทกเข้ากับกำแพงคฤหาสน์อย่างแรง จนกระอักเลือดออกมาทางปาก

กวนซินโดนกระแทกจนมึนไปหมด รู้สึกเหมือนกระดูกในตัวจะแยกออกจากกัน

“นาย นายจะทำอะไร”

เธอยังไม่ทันได้ตั้งสติ ก็ได้ยินเสียงสั่นเครือของพ่อดังขึ้น

เธอเข้าใจขึ้นมาทันที คำพูดที่หยางเฉินพูดเมื่อครู่ มันหมายความว่าอะไร

“อย่า อย่า ฉันขอร้องล่ะ!”

เมื่อรู้กวนซินรู้ว่าหยางเฉินจะทำอะไร เธอตื่นตระหนกมาก

ความเจ็บปวดบนร่างกาย อีกทั้งความหวาดกลัวในใจ ทำให้เธอรู้สึกตายเสียดีกว่ามีชีวิตอยู่

เธอสนิทกับกวนหงเหว่ยมาก เรียกได้ว่า การที่เธอมาถึงจุดนี้ในตระกูลคิงกวนล้วนเป็นเพราะการสนับสนุนจากกวนหงเหว่ย

ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่ได้อะไรทั้งนั้น หรือไม่ก็คงโดนจับแต่งงาน กับตระกูลเดอะคิงไปนานแล้ว

“นาย นายอย่าเข้ามา ฉันเป็นเจ้าชายตระกูลคิงกวน พ่อฉันคือกษัตริย์กวน นายอย่าแตะต้องฉัน ไม่งั้นพ่อฉันไม่ปล่อยนายแน่”

กวนหงเหว่ยถอยหลังพลาง พูดอย่างสั่นเทา แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและทำอะไรไม่ถูก

การเป็นเจ้าชายของตระกูลคิงกวน เคยเจอเรื่องแบบนี้ที่ไหนกันล่ะ

เขาเคยแต่กุมชีวิตของคนอื่นไว้ในกำมือตัวเอง มองคนอื่นหวาดกลัว ราวกับมดตัวหนึ่ง

กวนหงเหว่ยที่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ รู้สึกเหมือนกำลังฝันไป

“รู้แต่เลี้ยงลูกไม่อบรม ไม่สั่งสอนเป็นความผิดพ่อแม่!”

หยางเฉินมองกวนหงเหว่ยด้วยสีหน้านิ่ง และเอ่ยขึ้น “การที่เธอเป็นอย่างทุกวันนี้ ก็เพราะนายทั้งนั้น”